ตำนานกับกิตติศัพท์คำร่ำลือของร้านอาหารร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่บนถนนหน้าพระลานนั้น เป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงมานาน ซึ่งหากใครได้ผ่านไปมา หรือใช้ชีวิตอยู่บริเวณแถวถนนหน้าพระลานนั้นหรือแถวๆ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของร้าน “มิ่งหลี” กันมาบ้าง
สำหรับร้าน “มิ่งหลี” เป็นร้านอาหารกุ๊กชอป (พ่อครัว/แม่ครัวเป็นคนจีนที่ทำอาหารแบบไทยปนฝรั่ง และปนจีน) ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้านในกรุงเทพฯ และยังเป็นร้านเก่าแก่ที่อยู่คู่ถนนหน้าพระลานมาหลายสิบปี ว่ากันว่าชื่อเสียงของร้านนี้เป็นที่เลื่องลือเอาการ กับอารมณ์ของคุณป้าเจ้าของร้านที่ใครเดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า อาจโดนตะเพิดออกมาได้
เมื่อค้นหาข้อมูลของร้านผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นจะพบกับความติสท์ของเจ้าของร้าน และการเล่าเรื่องสารพัดสิ่งของร้านมิ่งหลี บางคนเล่าว่าที่ร้านจะมีโต๊ะจองอยู่หนึ่งโต๊ะที่ไปกี่ทีๆ ก็ยังเห็นโต๊ะนี้จองอยู่แบบนั้น ไม่เห็นมีใครมานั่งสักที บ้างก็บอกว่าลูกค้าขาจรที่จะเข้าไปกินนั้นอาจจะยากสักหน่อย เพราะส่วนมากที่ร้านจะมีบรรดาศิลปินรุ่นเก่าและเก๋าจากมหาวิทยาลัยศิลปากรและละแวกใกล้เคียงแวะเวียนกันมากินบ่อยๆ จนเป็นขาประจำ ทำให้โต๊ะเต็มจนขาจรนั้นอดเข้าไปกินกันตามระเบียบ บ้างก็ว่าเรียนแถวนั้นมาหลายปี ผ่านร้านนี้ก็หลายครั้ง ยังไม่เคยเข้าไปลองชิมสักที ได้ยินมาแต่ชื่อเสียงของร้านจนกลัวไม่กล้าเข้าไปเทียบกับบารมีของร้านเลยทีเดียว
ด้วยคำกล่าวขานเหล่านั้นจึงทำให้เราเกิดอาการอยากลองของขึ้นมา ตัดสินใจไม่รอช้าโบกแท็กซี่มายังลานหน้าพระลานทันที ลงรถมาก็พบกับร้าน “มิ่งหลี” อันเลื่องลือ แอบมองเข้าไปในร้านยังไม่มีคนเท่าไร ตัดสินใจเดินเข้าไปพร้อมกับหาที่นั่ง เมื่อเข้าไปแล้วจะมีคุณป้ามารับรายการอาหาร ในระหว่างที่รอก็สังเกตร้าน เก็บรายละเอียดไปพลางๆ จากที่ค้นข้อมูลมาก็ทำให้เกร็งอยู่พอสมควร กลัวว่าจะไม่ได้เข้ามากิน พอได้เข้ามาแล้วกลับไม่เหมือนที่อ่านมาแต่อย่างใด คุณป้ายิ้มแย้ม พูดจาดี บรรยากาศภายในร้านก็โล่งโปร่ง ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนเข้ามานั่งอยู่ในร้านอาหารสมัยก่อนทีเดียว
เราเลือกสั่งเมนูตามป้ายเมนูที่ติดอยู่บนผนังร้านมาลองลิ้ม 4 อย่างด้วยกัน ไม่นานนักอาหารก็มาถึง เริ่มจาก “ผัดหมี่กรอบ” (80 บาท) เส้นหมี่ทอดกรอบ ผัดปรุงรสด้วยสูตรของทางร้าน เสิร์ฟมาในจานร้อนๆ พร้อมต้นหอม พริกชี้ฟ้าหั่นซอย และมะนาวผ่าซีก กินแกล้มกับหมี่รสหวานอมเปรี้ยว ที่ผัดมาใหม่ๆ หอมอร่อยเข้ากันจริงๆ
จากนั้นเมนูเลื่องลือความแซบ “เนื้อประเทือง” (80 บาท) เมนูนี้ดูชื่อเมนูแล้วอาจจะงงสักเล็กน้อยว่าคืออะไร จริงๆ ก็เป็นเมนูคล้ายๆ กับยำเนื้อนั่นเอง ส่วนชื่อเมนูนั้นข้อมูลส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่ามาจากชื่อของ อ.ประเทือง เอมเจริญ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี 2548(แต่มีบางคนบอกว่ามาจากชื่อประเทือง ธรรมรักษ์) เนื้อสุกหั่นเป็นชิ้น เสิร์ฟมาในจานราดด้วยน้ำยำรสจัดจ้าน ที่มีพริก กระเทียม ผักชีฝรั่งสับละเอียดโปะมาด้านบน เข้ากันดีกับเนื้อนุ่ม เคี้ยวเพลิน รู้ตัวอีกทีก็กินหมดจานเสียแล้ว
ต่อด้วย “ต้มยำขาหมู” (80 บาท) อีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของร้าน ขาหมูหั่นชิ้น ต้มจนสุกเปื่อย เสิร์ฟมาในชามกับเครื่องต้มยำรสจัดจ้าน ทั้งข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักชีฝรั่ง มะเขือเทศหั่นชิ้น ผักกาดดองหั่นฝอย ฯลฯ กินกับข้าวสวยร้อนๆ เข้ากันที่สุด
ปิดท้ายที่ “ปูห่อไข่” (80 บาท) เนื้อปูแกะแน่นๆ ห่อด้วยไข่แผ่นนุ่ม ตักเข้าปากสัมผัสได้ถึงเนื้อปูที่ถูกห่ออยู่ด้านใน กินคู่กับซอสพริก เมนูง่ายๆ ที่อร่อยจริงเชียว
นอกจากนี้เมนูเหล่านี้แล้ว ร้านมิ่งหลียังมีเมนูเด็ดๆ ชวนชิมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สตูว์ลิ้นวัว สลัดเนื้อสัน สลัดปู เป็ดตุ๋นเห็ดหอม ตับหมูผัดพริก และเมนูอื่นๆ อีกหลากหลายเมนูทีเดียว
และถึงแม้ว่าตำนานของร้านจะเลื่องลือขนาดไหน ทว่าการมาเยือนร้านมิ่งหลีของเรานั้น เรียกได้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ เพราะนอกจากจะได้ลิ้มรสความอร่อยของอาหารแล้ว ยังได้ความประทับใจจากการบริการของคุณป้า และยังได้สัมผัสกลิ่นอายความเก่าแก่และความคลาสสิกของร้านกลับบ้านไปด้วย หากใครมีโอกาสมาเยือนละแวกนี้ จะลองแวะมาลองของ(อร่อย)แบบเราบ้างก็ไม่ว่ากัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้านมิ่งหลี : ตั้งอยู่ที่ถนนหน้าพระลาน ตรงข้ามวัดพระแก้ว (ติดกับมหาวิทยาลัยศิลปากรวังท่าพระ) เปิดจันทร์ - ศุกร์ เวลา 10.00 - 20.00 น.
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com