xs
xsm
sm
md
lg

เดินเล่นบน “สันหลังมังกร” มหัศจรรย์กลางทะเล หลงเสน่ห์ตะรุเตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความขาวใสของเกาะหลีเป๊ะ ทะเลสตูล
ผ่านพ้นปีใหม่มาเกือบหนึ่งเดือน ช่วงฤดูท่องเที่ยวภูและดอยกำลังจะหมดไปพร้อมๆ กับอากาศหนาวที่เริ่มจางหาย แต่ก็เป็นเวลาของแสงแดดสดใสและฤดูท่องเที่ยวท้องทะเลอันดามัน เปลี่ยนบรรยากาศของการชมทะเลหมอกมาชมน้ำทะเลใสๆ ที่ลงไปแหวกว่ายได้จริง เปลี่ยนจากเสื้อกันหนาวตัวหนามาเป็นกางเกงขาสั้นและชุดเตรียมพร้อมลงทะเลกันดีกว่า

“ตะลอนเที่ยว” เลือกเดินทางมายังทะเลสตูลเป็นแห่งแรกของการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทะเลอันดามัน เพราะหลงเสน่ห์ในความขาวใสของชายหาดและท้องทะเล อีกทั้งหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลสตูลยังมีหลากหลายบรรยากาศ ทั้งเงียบสงบเป็นธรรมชาติและคึกคักด้วยแสงสีให้เลือกชมอีกด้วย
ประตูหินโค้งและน้ำใสทรายขาวที่เกาะไข่
ในวันที่ฟ้าใสแดดสวย “ตะลอนเที่ยว” มุ่งหน้าจากท่าเรือปากบาราใน อ.ละงู จ.สตูล ปลายทางมุ่งหน้าสู่เกาะน้อยใหญ่กลางทะเลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา อุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทยที่เป็นจุดมุ่งหมายของคนรักทะเลทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ของเราในครั้งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตานั่นเอง

เราเริ่มต้นท่องเที่ยวทะเลสตูลกันที่ “เกาะไข่” เกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะตะรุเตากับเกาะอาดัง เหตุที่ได้ชื่อว่าเกาะไข่ก็เนื่องจากเกาะแห่งนี้เคยมีเต่าทะเลจำนวนมากขึ้นมาวางไข่นั่นเอง และเอกลักษณ์ของเกาะไข่ที่หลายคนจดจำได้แม่นยำก็คือซุ้มประตูหินโค้งซึ่งมีลักษณะเป็นผาหินยื่นยาวจากตัวเกาะโค้งทอดตัวลงบนชายหาด ด้านล่างมีโพรงหินเดินลอดทะลุได้ดังซุ้มประตูที่สร้างสรรค์จากฝีมือของธรรมชาติ
เกาะหินงาม เกาะที่มีแต่หินกลมเกลี้ยงสีดำแทนเม็ดทราย
นอกจากนั้นที่เกาะไข่ยังมีหาดทรายขาวเนียนละเอียด บวกกับน้ำทะเลใสแจ๋ว เมื่อมารวมกับทัศนียภาพของซุ้มประตูหินโค้งแล้วจึงให้บรรยากาศที่โรแมนติกสุดๆ จนมีคนผูกเรื่องขึ้นว่าซุ้มประตูแห่งนี้คือ “ซุ้มรักนิรันดร์” กล่าวกันว่าใครที่ควงคู่กันมาเดินลอดซุ้มประตูแห่งนี้แล้วจะมีความรักที่สมหวังยั่งยืนชั่วนิรันดร์ เรื่องนี้ “ตะลอนเที่ยว” ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จเพียงใด เลยคิดว่าวันหลังต้องมาใหม่ หาใครมาลองเดินลอดซุ้มด้วยกันดูสักที

“เกาะหินงาม” เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ไม่น่าพลาด เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอาดัง เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีความมหัศจรรย์ตรงที่ทั้งเกาะไม่มีหาดทราย หากแต่เต็มไปด้วยหินสีดำกลมเกลี้ยงแวววาว มองไปทางไหนก็เห็นแต่หินสมชื่อเกาะหินงาม ยิ่งเมื่อยามที่คลื่นซัดสาดพาเอาน้ำทะเลมากระทบหินเหล่านั้นก็ยิ่งดูแวววาวดำขลับ นับเป็นความแปลกตาที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้พบกลางทะเลสตูล
การเรียงหิน พฤติกรรมที่ควรลดละเลิก
“ตะลอนเที่ยว” ค่อยๆ ก้าวเดินเท้าเปล่าบนหาดหินแห่งนี้เพื่อเป็นการกดจุดนวดเท้าไปด้วยในตัว เคยได้ยินว่า ที่เกาะแห่งนี้มีคำสาปที่เจ้าพ่อตะรุเตาสาปไว้ว่า “...ผู้ใดบังอาจเก็บหินจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะพบแต่ความหายนะนานาประการ จะกลับไม่ถึงบ้าน จะประสบอุบัติเหตุ จะหลุดพ้นจากหน้าที่การงาน จะพบภัยพิบัติไม่มีที่สิ้นสุด...” จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญานส่วนบุคคล แต่สิ่งที่ถูกต้องก็คือไม่ว่าจะมีคำสาปหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่เราควรเก็บกลับไปด้วยก็คือภาพถ่ายและความทรงจำเท่านั้น
น้ำใสน่าลงแหวกว่ายที่เกาะราวี
แต่ในขณะนี้มีกิจกรรมยอดนิยมยิ่งกว่าการนำหินกลับบ้าน นั่นก็คือการเรียงหินซ้อนกันเป็นชั้นคล้ายเจดีย์ที่นักท่องเที่ยวมาเรียงไว้เพื่ออธิษฐานขอพร (ตามความเชื่อส่วนบุคคล) ทำให้บนเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยกองเรียงหินน้อยใหญ่ บ้างก็ว่ายิ่งเรียงสูงเท่าไรก็จะยิ่งประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ความเชื่อนี้ควรจะเปลี่ยนแปลงได้แล้วเพราะนั่นถือเป็นการทำลายธรรมชาติทางอ้อม ไหนจะต้องไปคุ้ยหาหินก้อนใหญ่ๆ มาใช้เป็นฐาน เรียงไปเรียงมาหินร่วงหล่นแตกหักเสียหายไปก็มาก บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่หากทุกคนทำเหมือนๆ กันก็จะทำให้ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย ซึ่งเรื่องนี้ผู้ประกอบการก็กำลังพยายามสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น
นักท่องเที่ยวเดินเล่นชิลล์ๆ บนชายหาดของเกาะราวี
“เกาะอาดัง” และ “เกาะราวี” เป็นอีกสองเกาะที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปสัมผัส เกาะแห่งนี้มักเรียกรวมกันว่า “เกาะอาดัง-ราวี” เป็นดังเกาะพี่น้องฝาแฝดเพราะทั้งสองเกาะมีขนาดใกล้เคียงกันและอยู่ห่างกันราว 1 ก.ม. เท่านั้น อีกทั้งยังมีเสน่ห์คล้ายกันๆ คือเป็นเกาะสงบงาม มีหาดทรายขาวเนียนละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด เกาะอาดังเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต. 5 (แหลมสน-เกาะอาดัง) มีบ้านพักและที่กางเต็นท์ที่ดูแลโดยอุทยานฯ มีหาดทรายยาวให้เล่นน้ำอย่างสบายใจ ส่วนเกาะราวีไม่มีบ้านพักแต่มีที่กางเต็นท์พักแรมได้ มีต้นไม้ใหญ่ริมหาดพร้อมทั้งชิงช้าให้โล้เล่นพร้อมทั้งเป็นฉากถ่ายภาพที่สวยงามถูกใจนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะสาวๆ
หลากหลายอิริยาบถของนักท่องเที่ยวที่หาดชาวเล เกาะหลีเป๊ะ
มาถึงเกาะ “เกาะหลีเป๊ะ” จุดมุ่งหมายยอดนิยมของท้องทะเลสตูลกันบ้าง เกาะแห่งนี้เป็นเสมือนศูนย์กลางการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่มายังหมู่เกาะตะรุเตา เพราะที่นี่มีทั้งที่พักให้เลือกหลากหลายระดับ ที่กินหลายร้านหลายรส และที่ช้อปปิ้งซื้อของทั้งเสื้อผ้าและของที่ระลึก แต่แน่นอนว่าทั้งที่พักที่กินและที่ช้อปต้องบวกราคาเข้าไปอีกจากราคาบนฝั่ง
น้ำใสๆ ที่หาดชาวเล ใสจนน้องหมาก็อยากลงเล่น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ธรรมชาติบนเกาะหลีเป๊ะก็งดงามไม่เป็นรองใคร บนเกาะมีหาดหลักๆ อยู่สามแห่งคือหาดพัทยา หาดชาวเล (ซันไรส์ บีช) และซันเซ็ท บีช หาดพัทยาและหาดซันเซ็ทเป็นที่ตั้งของโรงแรมหลากหลายแห่งและผับบาร์ยามค่ำคืน ส่วนหาดชาวเลนอกจากจะมีโรงแรมและร้านอาหารแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของชุมชนดั้งเดิมบนเกาะซึ่งเป็นชาวเล (อูรักลาโว้ย) ซึ่งในขณะนี้ก็ยังพอมีภาพวิถีชีวิตของชาวเลยุคใหม่หลงเหลือให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสกันบ้าง แต่ที่แน่ๆ ทั้งสามหาดนี้ก็มีน้ำทะเลใสๆ ใสขนาดที่มองเห็นพื้นทรายด้านล่างที่ลึกลงไป 2-3 เมตร มีหาดทรายขาวๆ ที่ชาวต่างชาตินิยมไปนอนอาบแดดให้ผิวเป็นสีแทน มีโขดหินและทิวสนต้นมะพร้าวน้อยใหญ่ที่ช่วยเสริมทัศนียภาพของหลีเป๊ะให้งดงามขึ้นอีก
น้ำใส ทรายขาว ท้องฟ้าแจ่มจ้า คือสิ่งที่นักท่องเที่ยวอยากจะมาสัมผัสที่เกาะหลีเป๊ะ
ยามค่ำคืนหาดพัทยาจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาดื่มกินและฟังเพลง ส่วนใครที่อยากหาร้านอาหารซีฟูดอร่อยๆ หรือซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ ต้องมาเดินที่ถนนคนเดิน หรือ Walking Street ซึ่งเป็นถนนสายเล็กๆ ที่เชื่อมบริเวณหาดพัทยา แล้วผ่ากลางเกาะไปยังหาดชาวเล สองข้างทางจะมีร้านค้าร้านอาหารให้เลือกมากมาย รวมทั้ง 7-11 ก็เปิดให้บริการ 24 ช.ม. ด้วยเช่นกัน
บรรยากาศยามค่ำคืนที่ walking street เกาะหลีเป๊ะ
มาคราวนี้ “ตะลอนเที่ยว” ได้เที่ยวหมู่เกาะเด่นๆ ของทะเลสตูลจนเกือบครบ อีกทั้งยังได้มาชมแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลแห่งใหม่ซึ่งอยู่ในเขต อ.เมือง ไม่ไกลจากเกาะสาหร่ายมากนัก สามารถเดินทางมาจากท่าเรือบ้านบากันเคย ต.ตันหยงโป อ.เมืองสตูล ได้ในเวลาราว 20 นาที โดยทาง จ.สตูล กับทาง ททท. ตรัง (ดูแล จ.ตรัง จ.สตูล) กำลังร่วมกันโปรโมท นั่นก็คือ “หาดมังกร” หรือ “สันหลังมังกร” หรือทะเลแหวกกลางท้องทะเลสตูล ความมหัศจรรย์กลางท้องทะเลซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อยามน้ำทะเลลด เมื่อนั้นจึงจะมองเห็นสันทรายกลางทะเลเวิ้งว้างเชื่อมระหว่างเกาะหัวมันกับเกาะสาม ความโดดเด่นที่กินขาดทะเลแหวกแห่งอื่นๆ ก็คือเส้นทางเดินกลางทะเลนี้มีความยาวถึงกว่า 3 กม. เป็นทางคดโค้งไปมาราวกับมังกรกำลังพลิ้วกายแหวกว่ายกลางทะเล เป็นที่มาของชื่อ “สันหลังมังกร” อีกหนึ่งจุดน่าชมและน่าไปเดินถ่ายรูปสวยๆ ชิลๆ กลางทะเล ซึ่งหากอยากจะมาให้ตรงช่วงน้ำลดก็ต้องสอบถามกับทางคนเรือและผู้ประกอบการให้แน่ชัด จะได้ไม่เสียเที่ยว
นักท่องเที่ยวขอเป็นนางแบบเดินชิลล์ๆ บนสันหลังมังกร
อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวใหม่คือ “หาดหอขาว” หรือ “หอยขาว” ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับสันหลังมังกร หาดแห่งนี้มีความโดดเด่นตรงที่มีหาดโค้งสีขาวสะอาดอยู่กลางทะเล แต่หาดที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นมิใช่เม็ดทราย แต่เป็นเปลือกหอยขนาดเล็กที่ทับถมอัดแน่นกันจนกลายเป็นชายหาด หากไม่ใส่รองเท้าเดินรับรองว่าต้องโดนเปลือกหอยบาดกันบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผักบุ้งทะเลที่ออกดอกสีม่วงสดใสและพืชทะเลอีกหลายชนิดขึ้นอยู่บนหาดแห่งนี้ แต่หาดหอยขาวนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามคลื่นและลมดังนั้นในการมาเยือนแต่ละครั้งอาจจะได้พบเจอบรรยากาศใหม่ของหาดแห่งนี้ก็เป็นได้
หาดโค้งที่ไม่มีเม็ดทราย มีเพียงเปลือกหอยเล็กๆ สมชื่อหาดหอย
เที่ยวทะเลสตูลคราวนี้ “ตะลอนเที่ยว” โดดแดดเผาเสียจนผิวเปลี่ยนสี แต่ถามว่าคุ้มหรือไม่กับการได้ไปแหวกว่ายน้ำทะเลสวยใส เดินเล่นบนหาดทรายขาวๆ ได้เดินถ่ายรูปในบรรยากาศใหม่ๆ บอกได้คำเดียวว่า คุ้ม!
ดอกผักบุ้งทะเลและพืชทะเลชนิดต่างๆ ขึ้นอยู่บนหาดหอย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว และรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ ททท. ตรัง (ดูแล จ.ตรัง และสตูล) โทร. 0 7521 5867, 0 7521 1085 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.inlovesatuntrang.com/index.php

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

มาสตูลทั้งที ต้องไม่พลาด! โรตี-ชาชัก
ชมลีลา"ชาชัก-โรตี" เมืองสตูล (คลิป)

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น