โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
“เพลินชมเกาะสวรรค์ กลางทะเลเด่นลอย
น้ำเย็น กระเซ็นฝอย คลื่นทยอยไหลหลั่ง
โอนเอนพร้าวปาล์ม ไสวตามคุ้งฝั่ง
หรีดหริ่งหูฟัง เรไรชื่นบาน...”
อีกครั้งที่ผมออกทะเลและเป็นอีกครั้งที่ผมอดนึกถึงเพลง “เกาะสวรรค์” ที่เคยร้องกับเพื่อนๆในครั้งอดีตเมื่อสมัยยังเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรไม่ได้
ทั้งนี้เนื่องจากหากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทะเลแสนงามในบ้านเราที่ในอดีตเคยเป็นดัง“เกาะสวรรค์”ของใครหลายๆคนนั้น หลายเกาะเมื่อถูกความเปลี่ยนแปลงรุมเร้า ธรรมชาติถูกทำลาย ธุรกิจท่องเที่ยวถาโถม เกาะสวรรค์หลายแห่งก็เปลี่ยนไปมีสภาพดูไม่จืด
แต่สำหรับเกาะงามที่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะสวรรค์ของใครหลายๆคนที่ผมเพิ่งเดินทางไปสัมผัสมาเที่ยวล่าสุดนั้น แปลกแตกต่างไปจากเกาะสวรรค์ทั่วไป ตรงที่เกาะแห่งนี้เคยเป็น“นรก”มาก่อน!!! ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเกาะสวรรค์ดังในปัจจุบัน
สำหรับเกาะที่ว่านั้นก็คือ“เกาะตะรุเตา” ที่ในอดีตเคยถูกใช้เป็น“คุกเปิด”(ทัณฑสถาน)คุมขังนักโทษทางการเมืองและนักโทษอุจฉกรรจ์ ในช่วงปี พ.ศ.2479-2491 ซึ่งมีประวัติศาสตร์ เรื่องราว และตำนานมากมาย จนมีผู้นำไปเขียนหนังสือและสร้างเป็นภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราว
ตะรุเตาในยุคนั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นดังนรกแห่งอันดามัน แต่ต่อมาเมื่อรัฐบาลยกเลิกการเป็นคุก เกาะตะรุเตาและกลุ่มเกาะน้อย-ใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียงแห่งท้องทะเลสตูล ได้รับการประกาศจัดตั้งให้เป็น“อุทยานแห่งชาติตะรุเตา”ในปี พ.ศ. 2517 จากนั้นหมู่เกาะแห่งนี้ได้เปล่งประกายความงามทวีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้กลายเป็นหนึ่งในทะเลไทยแสนงาม จุดดักฝันของนักเดินทางจำนวนมาก
ตะรุเตา
หมู่เกาะตะรุเตาวันนี้มีศูนย์รวมทางการท่องเที่ยวทั้งที่พัก ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง บริการดำน้ำ และบริการนำเที่ยวต่างๆอยู่ที่ “เกาะหลีเป๊ะ” เกาะท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง จนหลายคนอดหวั่นไม่ได้ว่า ความเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดบนเกาะ จะทำให้เสน่ห์ความงามของเกาะแห่งนี้เสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ เพราะวันนี้เรื่องขยะและทัศนอุจาด(ทัศนียภาพที่ไม่น่ามอง)ก็กำลังกลายเป็นปัญหาของเกาะหลีเป๊ะขึ้นมาแล้ว(เกาะหลีเป๊ะอยู่นอกเขตดูแลของอช.ตะรุเตา)
อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่มาเที่ยวหมู่เกาะตะรุเตาแล้วต้องการพักค้าง ในอช. ตะรุเตามีบ้านพักและเต็นท์ท่ามกลางธรรมชาติในบรรยากาศสงบเป็นส่วนตัว ราคาไม่แพงให้เลือกพัก ทั้งที่เกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง
สำหรับเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะตะรุเตา เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตาและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เกาะแห่งนี้มีประวัติศาสตร์และรอยอดีตของการเป็นคุกเปิดที่ยังหลงเหลือ บนเกาะยังคงไว้ด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์กับจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ “อ่าวสน” เป็นอ่าวที่มีรูปโค้งมีหาดทรายสลับกับหาดหินซึ่งข้อมูลของอุทยานฯระบุว่า หินที่นี่มีอายุมากถึงราว 700 ล้านปีทีเดียว “อ่าวเมาะและ” เป็นหาดทรายขาวสะอาดมีดงมะพร้าวร่มรื่น และ “อ่าวตะโละวาว”ที่มีเอกลักษณ์ด้วยแท่งหินซีกก้อนยักษ์ตั้งตระหง่านในทะเล มีสะพานท่าเรือทอดตัวเคียงคู่กันไป
ส่วน “อ่าวพันเตมะเลกา” นั้นเป็นดังจุดรับแขกของที่นี่ เพราะเรือจะมาจอดเทียบท่าที่ร่องน้ำจืดติดกับอ่าว หน้าอ่าวมีประภาคารตั้งตระหง่านเป็นสง่า
อ่าวพันเตมะละกามีแนวหาดทรายยาวขาวเนียน ผืนทรายละเอียดประหนึ่งแป้ง บางช่วงบางจุดของหาดเมื่อเราลงไปเดินสัมผัส พื้นทรายจะส่งเสียง “เอี๊ยดๆ”สะท้อนแรงเหยียบของเท้ากลับมาเป็นที่น่าเพลิดเพลิน แม้เสียงเอี๊ยดๆไม่มีใครตีเป็นคีย์ตัวโน้ตดนตรี แต่นี่คือความเพลินใจสบายเท้าที่ผมนิยมชมชอบการการเดินบนพื้นถนนในป่าคอนกรีตเป็นไหนๆ
นอกจากนี้เกาะตะรุเตายังเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าพ่อตะรุเตา” สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของผู้คนในแถบนี้ ที่ใครเมื่อมาถึงเกาะควรมาสักการะบูชาท่านเพื่อความเป็นสิริมงคล
อาดัง-ราวี
ในหมู่เกาะตะรุเตา ยังมี 2 ใหญ่อยู่อีก 2 เกาะ เป็นดังเกาะคู่แฝด นั้นก็คือ เกาะ“อาดัง-ราวี”
ชื่อเกาะอาดัง มาจากคำว่า“อุดัง” ที่แปลว่ากุ้งในภาษามลายู เพราะในอดีตบริเวณเกาะเคยอุดมไปด้วยกุ้งทะเลชุกชุม เกาะอาดังตั้งอยู่ใกล้ๆกับเกาะหลีเป๊ะ บนเกาะมีที่พักสงบเป็นส่วนตัว ให้บรรยากาศแตกต่างไปจากที่พักมากแสงสีบนฝั่งหาดบันดาหยาที่เกาะหลีเป๊ะ
เกาะอาดังมีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขา มีป่าอุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี ขณะที่บริเวณที่พักมีหาดทรายละเอียดขาวเนียน นอกจากนี้บนเกาะอาดังยังมีจุดชมวิว “ผาชะโด” ที่สามารถมองลงไปเห็นวิวเกาะหลีเป๊ะกับรูปพรรณสัณฐานแบนราบ อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี
ส่วนเกาะราวีนั้นอยู่ห่างจากเกาะอาดังเพียง 1 กม. บนเกาะเป็นจุดพักกินอาหารกลางวันของนักท่องเที่ยว ซึ่งใครเมื่อกินอิ่มแล้วก็ให้นำขยะเศษอาหารที่เหลือกลับไปทิ้งด้วย
เกาะราวี มี“หาดทรายขาว” หาดงามน้ำในทะสวย มีทรายละเอียดขาวเนียน ท่ามกลางธรรมชาติของต้นไม้ร่มรื่น และพร็อพประกอบทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชบาติ อย่างตอไม้ ขอนไม้ หรือที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่าง ชิงช้า โมบายเปลือกหอย นับเป็นอีกหนึ่งเกาะงามที่สาวๆส่วนใหญ่มาแล้วมักจะไม่พลาดการโพสต์ท่านั่งชิงช้าหรือนั่งบนขอนไม้เพื่อถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึก หรือไม่ก็อัพขึ้นเฟซบุ๊ค ณ ที่ที่สามารถเช็คอินหาสัญญาณเจอ
เกาะเล็ก เกาะน้อย
มนต์เสน่ห์อันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของหมู่เกะตะรุเตาก็คือ ที่นี่มากไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยอันชวนเที่ยว แถมหลายเกาะยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันเป็นเอกอุ ไม่ว่าจะเป็น
“เกาะไข่” กับซุ้มประตูหินสัญลักษณ์แห่งตะรุเตา ที่ตอนหลังมีการผูกสร้างเรื่องราวความเชื่อเพื่อการท่องเที่ยวเข้ามาว่า ถ้าคู่รักได้มาเดินควงคู่กันลอดซุ้มประตูหินแห่งนี้ ความรักก็จะสมหวังยั่งยืน
“เกาะหินงาม” ที่น่าทึ่งไปด้วยหาดหินสีดำก้อนมนสวยงาม กับความเชื่อเรื่องคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา และความเชื่อเรื่องการเรียงหิน
“เกาะหินซ้อน” ที่เป็นประติมากรรมธรรมชาติก้อนหินใหญ่วางซ้อนกันกลางทะเลดูเหมือนจะตกไม่ตกแหล่
“เกาะรอกกลอย”(รอ-กลอย) เกาะเล็กๆที่หน้าเกาะตรงข้ามกับเกาะดงเป็นจุดหาดทรายน้ำตื้นมีน้ำทะเลสวยใสแจ๋ว ดุจดังสระเปิดกลางท้องทะเล
นอกจากนี้หมู่เกาะตะรุเตายังมีจุดดำน้ำน่าสนใจต่างๆ อาทิ เกาะดง เกาะยาง เกาะหินซ้อน เกาะไผ่ และเกาะจาบังหรือร่องน้ำจาบังที่อุดมไปด้วยปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย โดยเฉพาะกับปะการังเจ็ดสี ที่บริเวณนี้มีความสวยงามขึ้นชื่อเป็นอย่างยิ่ง
และนี่ก็คือเสน่ห์แห่งหมู่เกาะตะรุเตา อดีตเกาะนรกที่กลายมาเป็นเกาะสวรรค์ ซึ่งสวรรค์แห่งตะรุเตาจะคงทนอยู่ยั้งยืนยงขนาดไหน งานนี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายต้องช่วยกันเก็บรักษาความงดงามจากธรรมชาติสรรค์สร้างสรรค์เอาไว้ให้นานเท่านาน
สำหรับผมแม้จะมีโอกาสได้มาสัมผัสหมู่เกาะตะรุเตาอยู่หลายครั้งด้วยกัน แต่ก็ยังคงหลงรักและหลงใหลในความงดงามของธรรมชาติที่หมู่เกาะแห่งนี้อยู่ไม่สร้างซา เพราะ
“ตะรุเตา รักเราไม่เก่าเลย”
*****************************************
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล โดยสามารถไปขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือปากบารา ซึ่งมีเรือเดินทางสู่เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง และเกาะหลีเป๊ะ ทุกวัน
สำหรับฤดูท่องเที่ยวตะรุเตาเริ่มตั้งแต่เดือนกลางพฤศจิกายนถึงสิ้นเดือนเมษายน ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. 0-7472-9002-3 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ 3 (ปากบารา) โทร.0-7478-3485
และสามารถสอบถามแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับหมู่เกาะตะรุเตาใน จ.สตูล และตรัง รวมถึงที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานตรัง (ดูแล จ.ตรัง และสตูล) โทร. 0 7521 5867, 0 7521 1085 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.inlovesatuntrang.com/index.php
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
“เพลินชมเกาะสวรรค์ กลางทะเลเด่นลอย
น้ำเย็น กระเซ็นฝอย คลื่นทยอยไหลหลั่ง
โอนเอนพร้าวปาล์ม ไสวตามคุ้งฝั่ง
หรีดหริ่งหูฟัง เรไรชื่นบาน...”
อีกครั้งที่ผมออกทะเลและเป็นอีกครั้งที่ผมอดนึกถึงเพลง “เกาะสวรรค์” ที่เคยร้องกับเพื่อนๆในครั้งอดีตเมื่อสมัยยังเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรไม่ได้
ทั้งนี้เนื่องจากหากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทะเลแสนงามในบ้านเราที่ในอดีตเคยเป็นดัง“เกาะสวรรค์”ของใครหลายๆคนนั้น หลายเกาะเมื่อถูกความเปลี่ยนแปลงรุมเร้า ธรรมชาติถูกทำลาย ธุรกิจท่องเที่ยวถาโถม เกาะสวรรค์หลายแห่งก็เปลี่ยนไปมีสภาพดูไม่จืด
แต่สำหรับเกาะงามที่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะสวรรค์ของใครหลายๆคนที่ผมเพิ่งเดินทางไปสัมผัสมาเที่ยวล่าสุดนั้น แปลกแตกต่างไปจากเกาะสวรรค์ทั่วไป ตรงที่เกาะแห่งนี้เคยเป็น“นรก”มาก่อน!!! ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเกาะสวรรค์ดังในปัจจุบัน
สำหรับเกาะที่ว่านั้นก็คือ“เกาะตะรุเตา” ที่ในอดีตเคยถูกใช้เป็น“คุกเปิด”(ทัณฑสถาน)คุมขังนักโทษทางการเมืองและนักโทษอุจฉกรรจ์ ในช่วงปี พ.ศ.2479-2491 ซึ่งมีประวัติศาสตร์ เรื่องราว และตำนานมากมาย จนมีผู้นำไปเขียนหนังสือและสร้างเป็นภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราว
ตะรุเตาในยุคนั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นดังนรกแห่งอันดามัน แต่ต่อมาเมื่อรัฐบาลยกเลิกการเป็นคุก เกาะตะรุเตาและกลุ่มเกาะน้อย-ใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียงแห่งท้องทะเลสตูล ได้รับการประกาศจัดตั้งให้เป็น“อุทยานแห่งชาติตะรุเตา”ในปี พ.ศ. 2517 จากนั้นหมู่เกาะแห่งนี้ได้เปล่งประกายความงามทวีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้กลายเป็นหนึ่งในทะเลไทยแสนงาม จุดดักฝันของนักเดินทางจำนวนมาก
ตะรุเตา
หมู่เกาะตะรุเตาวันนี้มีศูนย์รวมทางการท่องเที่ยวทั้งที่พัก ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง บริการดำน้ำ และบริการนำเที่ยวต่างๆอยู่ที่ “เกาะหลีเป๊ะ” เกาะท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง จนหลายคนอดหวั่นไม่ได้ว่า ความเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดบนเกาะ จะทำให้เสน่ห์ความงามของเกาะแห่งนี้เสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ เพราะวันนี้เรื่องขยะและทัศนอุจาด(ทัศนียภาพที่ไม่น่ามอง)ก็กำลังกลายเป็นปัญหาของเกาะหลีเป๊ะขึ้นมาแล้ว(เกาะหลีเป๊ะอยู่นอกเขตดูแลของอช.ตะรุเตา)
อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่มาเที่ยวหมู่เกาะตะรุเตาแล้วต้องการพักค้าง ในอช. ตะรุเตามีบ้านพักและเต็นท์ท่ามกลางธรรมชาติในบรรยากาศสงบเป็นส่วนตัว ราคาไม่แพงให้เลือกพัก ทั้งที่เกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง
สำหรับเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะตะรุเตา เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตาและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เกาะแห่งนี้มีประวัติศาสตร์และรอยอดีตของการเป็นคุกเปิดที่ยังหลงเหลือ บนเกาะยังคงไว้ด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์กับจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ “อ่าวสน” เป็นอ่าวที่มีรูปโค้งมีหาดทรายสลับกับหาดหินซึ่งข้อมูลของอุทยานฯระบุว่า หินที่นี่มีอายุมากถึงราว 700 ล้านปีทีเดียว “อ่าวเมาะและ” เป็นหาดทรายขาวสะอาดมีดงมะพร้าวร่มรื่น และ “อ่าวตะโละวาว”ที่มีเอกลักษณ์ด้วยแท่งหินซีกก้อนยักษ์ตั้งตระหง่านในทะเล มีสะพานท่าเรือทอดตัวเคียงคู่กันไป
ส่วน “อ่าวพันเตมะเลกา” นั้นเป็นดังจุดรับแขกของที่นี่ เพราะเรือจะมาจอดเทียบท่าที่ร่องน้ำจืดติดกับอ่าว หน้าอ่าวมีประภาคารตั้งตระหง่านเป็นสง่า
อ่าวพันเตมะละกามีแนวหาดทรายยาวขาวเนียน ผืนทรายละเอียดประหนึ่งแป้ง บางช่วงบางจุดของหาดเมื่อเราลงไปเดินสัมผัส พื้นทรายจะส่งเสียง “เอี๊ยดๆ”สะท้อนแรงเหยียบของเท้ากลับมาเป็นที่น่าเพลิดเพลิน แม้เสียงเอี๊ยดๆไม่มีใครตีเป็นคีย์ตัวโน้ตดนตรี แต่นี่คือความเพลินใจสบายเท้าที่ผมนิยมชมชอบการการเดินบนพื้นถนนในป่าคอนกรีตเป็นไหนๆ
นอกจากนี้เกาะตะรุเตายังเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าพ่อตะรุเตา” สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของผู้คนในแถบนี้ ที่ใครเมื่อมาถึงเกาะควรมาสักการะบูชาท่านเพื่อความเป็นสิริมงคล
อาดัง-ราวี
ในหมู่เกาะตะรุเตา ยังมี 2 ใหญ่อยู่อีก 2 เกาะ เป็นดังเกาะคู่แฝด นั้นก็คือ เกาะ“อาดัง-ราวี”
ชื่อเกาะอาดัง มาจากคำว่า“อุดัง” ที่แปลว่ากุ้งในภาษามลายู เพราะในอดีตบริเวณเกาะเคยอุดมไปด้วยกุ้งทะเลชุกชุม เกาะอาดังตั้งอยู่ใกล้ๆกับเกาะหลีเป๊ะ บนเกาะมีที่พักสงบเป็นส่วนตัว ให้บรรยากาศแตกต่างไปจากที่พักมากแสงสีบนฝั่งหาดบันดาหยาที่เกาะหลีเป๊ะ
เกาะอาดังมีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขา มีป่าอุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี ขณะที่บริเวณที่พักมีหาดทรายละเอียดขาวเนียน นอกจากนี้บนเกาะอาดังยังมีจุดชมวิว “ผาชะโด” ที่สามารถมองลงไปเห็นวิวเกาะหลีเป๊ะกับรูปพรรณสัณฐานแบนราบ อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี
ส่วนเกาะราวีนั้นอยู่ห่างจากเกาะอาดังเพียง 1 กม. บนเกาะเป็นจุดพักกินอาหารกลางวันของนักท่องเที่ยว ซึ่งใครเมื่อกินอิ่มแล้วก็ให้นำขยะเศษอาหารที่เหลือกลับไปทิ้งด้วย
เกาะราวี มี“หาดทรายขาว” หาดงามน้ำในทะสวย มีทรายละเอียดขาวเนียน ท่ามกลางธรรมชาติของต้นไม้ร่มรื่น และพร็อพประกอบทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชบาติ อย่างตอไม้ ขอนไม้ หรือที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่าง ชิงช้า โมบายเปลือกหอย นับเป็นอีกหนึ่งเกาะงามที่สาวๆส่วนใหญ่มาแล้วมักจะไม่พลาดการโพสต์ท่านั่งชิงช้าหรือนั่งบนขอนไม้เพื่อถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึก หรือไม่ก็อัพขึ้นเฟซบุ๊ค ณ ที่ที่สามารถเช็คอินหาสัญญาณเจอ
เกาะเล็ก เกาะน้อย
มนต์เสน่ห์อันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของหมู่เกะตะรุเตาก็คือ ที่นี่มากไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยอันชวนเที่ยว แถมหลายเกาะยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันเป็นเอกอุ ไม่ว่าจะเป็น
“เกาะไข่” กับซุ้มประตูหินสัญลักษณ์แห่งตะรุเตา ที่ตอนหลังมีการผูกสร้างเรื่องราวความเชื่อเพื่อการท่องเที่ยวเข้ามาว่า ถ้าคู่รักได้มาเดินควงคู่กันลอดซุ้มประตูหินแห่งนี้ ความรักก็จะสมหวังยั่งยืน
“เกาะหินงาม” ที่น่าทึ่งไปด้วยหาดหินสีดำก้อนมนสวยงาม กับความเชื่อเรื่องคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา และความเชื่อเรื่องการเรียงหิน
“เกาะหินซ้อน” ที่เป็นประติมากรรมธรรมชาติก้อนหินใหญ่วางซ้อนกันกลางทะเลดูเหมือนจะตกไม่ตกแหล่
“เกาะรอกกลอย”(รอ-กลอย) เกาะเล็กๆที่หน้าเกาะตรงข้ามกับเกาะดงเป็นจุดหาดทรายน้ำตื้นมีน้ำทะเลสวยใสแจ๋ว ดุจดังสระเปิดกลางท้องทะเล
นอกจากนี้หมู่เกาะตะรุเตายังมีจุดดำน้ำน่าสนใจต่างๆ อาทิ เกาะดง เกาะยาง เกาะหินซ้อน เกาะไผ่ และเกาะจาบังหรือร่องน้ำจาบังที่อุดมไปด้วยปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย โดยเฉพาะกับปะการังเจ็ดสี ที่บริเวณนี้มีความสวยงามขึ้นชื่อเป็นอย่างยิ่ง
และนี่ก็คือเสน่ห์แห่งหมู่เกาะตะรุเตา อดีตเกาะนรกที่กลายมาเป็นเกาะสวรรค์ ซึ่งสวรรค์แห่งตะรุเตาจะคงทนอยู่ยั้งยืนยงขนาดไหน งานนี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายต้องช่วยกันเก็บรักษาความงดงามจากธรรมชาติสรรค์สร้างสรรค์เอาไว้ให้นานเท่านาน
สำหรับผมแม้จะมีโอกาสได้มาสัมผัสหมู่เกาะตะรุเตาอยู่หลายครั้งด้วยกัน แต่ก็ยังคงหลงรักและหลงใหลในความงดงามของธรรมชาติที่หมู่เกาะแห่งนี้อยู่ไม่สร้างซา เพราะ
“ตะรุเตา รักเราไม่เก่าเลย”
*****************************************
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล โดยสามารถไปขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือปากบารา ซึ่งมีเรือเดินทางสู่เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง และเกาะหลีเป๊ะ ทุกวัน
สำหรับฤดูท่องเที่ยวตะรุเตาเริ่มตั้งแต่เดือนกลางพฤศจิกายนถึงสิ้นเดือนเมษายน ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. 0-7472-9002-3 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ 3 (ปากบารา) โทร.0-7478-3485
และสามารถสอบถามแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับหมู่เกาะตะรุเตาใน จ.สตูล และตรัง รวมถึงที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานตรัง (ดูแล จ.ตรัง และสตูล) โทร. 0 7521 5867, 0 7521 1085 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.inlovesatuntrang.com/index.php
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com