xs
xsm
sm
md
lg

“ปลอด” เด้งรับ “ปู”! เปิดป่าหากิน…นำร่องกุยบุรี-ตะรุเตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุทยานแห่งชาติกุยบุรีที่มีช้างป่าและกระทิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสัตว์เหล่านี้อาจจะได้รับผลกระทบหากมีโครงการก่อสร้างโรงแรมในระดับไฮเอนด์
นายกฯ ปูไอเดียกระฉูดหลังดูงานต่างประเทศ อยากได้โรงแรมไฮเอนด์ในอุทยานฯอ้างเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ ด้านปลอดประสพเด้งรับ เปิดทางเอกชนมาลงทุน นำร่องกุยบุรี—ตะรุเตา ขณะที่กระแสคัดค้านในโลกออนไลน์เริ่มก่อตัว

สืบเนื่องมาจากการเดินทางไปต่างประเทศเป็นจำนวนมากของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อได้เห็นรูปแบบการจัดด้านการท่องเที่ยวในอุทยานฯ ของหลายประเทศ จึงอยากให้ไทยมีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว โดยให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีรายงานข่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มีการส่งหนังสือถึงส่วนราชการในสังกัด เรื่อง โครงการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และท่องเที่ยว ที่มีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยได้มีการประชุมร่วมกับนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จากนั้นที่ประชุมได้มีมติให้กรมอุทยานฯ ดำเนินการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ ในพื้นที่อุทยานฯ โดยให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการอุทยานฯ เช่น การสร้างโรงแรมที่พัก ร้านขายของที่ระลึก และงานด้านบริการ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ในเรื่องการจัดหาเครื่องบิน รถยนต์ รถโดยสาร และการท่องเที่ยวอื่นๆ โดยให้ชาวบ้านเข้าร่วมในทุกกิจกรรม เช่น การแสดงวิถีชีวิตวัฒนธรรม การขับรถนำเที่ยว โดยให้เลือกอุทยานแห่งชาติเพื่อนำร่องในการดำเนินการ 2 แห่ง โดยอุทยานฯ ทางบก คือ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอุทยานแห่งชาติทางทะเล คือ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล

ทั้งนี้ นายปลอดประสพเปิดเผยว่า โครงการดังกล่าว(กุยบุรี) เป็นโครงการสืบเนื่องจากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังประเทศแทนซาเนียและเคนยา ได้เห็นรูปแบบการจัดการท่องเที่ยวในอุทยานฯ จึงอยากให้ไทยมีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว

สำหรับในส่วนของอุทยานฯ กุยบุรี ให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในพื้นที่โซนบริการ ให้สร้างที่พักบริการ สร้างศูนย์จัดแสดงนิทรรศการนานาชาติ ทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ สร้างทุ่งหญ้าแหล่งอาหารสัตว์โดยอนุมัติงบประมาณแล้ว 5 ล้านบาท ในส่วนของอุทยานฯ ตะรุเตาให้ดำเนินการพัฒนาให้มีศักยภาพในการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ปรับปรุงรูปแบบการท่องเที่ยว พัฒนาที่พักและบริการ โดยสนับสนุนภาคเอกชนทำหน้าที่ด้านบริการ โดยต้องการกลุ่มนักท่องท่องเที่ยวระดับสูง (ไฮเอนด์) และมีระยะเวลาในการพักผ่อนยาวนาน โดยให้เร่งดำเนินการเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
เกาะตุรุเตา อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่นายกฯปูมีแผนพัฒนาหลังจากเกิดไอเดียกระฉูดหลังไปมัลดีฟส์
ขณะที่ในส่วนของอุทยานแห่งชาติตะรุเตานั้น มาจากการที่นายกรัฐมนตรีได้เยือนมัลดีฟส์ และได้เห็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล มีการก่อสร้างอาคาร ที่พักในทะเล ทำให้นักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดธรรมชาติ จึงมอบหมายให้หน่วยงานศึกษาความเป็นไปได้ในประเทศไทย โดยดำเนินการพัฒนาให้มีศักยภาพในการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ปรับปรุงรูปแบบการท่องเที่ยว โดยสนับสนุนภาคเอกชนทำหน้าที่ด้านบริการ เน้นกลุ่มนักท่องท่องเที่ยวระดับสูง (ไฮเอนด์) และมีระยะเวลาในการพักผ่อนยาวนาน
อช.กุยบุรี ผืนป่าที่สามารถพบช้างป่าได้ทั่วไปในเขตพื้นที่หากินของมัน
อย่างไรก็ดีหลังข่าวดังกล่าวปรากฏออกมา ได้เกิดกระแสคัดค้านก่อตัวขึ้นในโลกออนไลน์ โดยมีการแสดงความเห็นคัดค้านกับโครงการดังกล่าว อาทิ

การท่องเที่ยว(เชิงนิเวศ) ในอุทยานต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุง แต่ไม่ใช่แบบไฮโซเช่นนี้” : จากหน้าเฟซบุ๊คของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์”

เพี้ยงงง...ขอให้ท่านพูดล้อเล่น มีพื้นที่ไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่ช้างจะอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุข...ขอที่อยู่ให้สัตว์ป่าและลูกหลานของมันบ้างเถิด....เป็นห่วงช้าง..และชุมชน
เห็นพาดหัวข่าววันนี้ ก็ออกจะต๊กกะใจนิดหน่อย....แต่คิดว่าท่านเจ้าของความคิดคงจะไม่จริงจังอะไรนัก....เพราะกุยบุรีเป็นป่าขนาดเล็ก ...ไม่มีที่จะให้สร้างโรงแรม/ลานจอดรถ/หรืออื่นๆ เพื่อนักท่องเทียว...ได้อีก ....และที่สำคัญไม่มีน้ำ....ท่านจะพัฒนาการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ได้อย่างไร....ถ้าขาดน้ำ....เพราะทำอย่างนั้น....ก็เป็นการแย่งที่อยู่...แย่งน้ำกับช้างอีกแล้ว....จากโครงการพระราชดำริที่ดำเนินมา 15-16 ปี ช้างได้ที่ราบส่วนหนึ่งกลับคืนมา .....การปรับปรุงแหล่งอาศัย...ทำให้ช้างป่ากำลังอยู่อย่างมีความสุข ...ตอนนี้ประชากรช้างและกระทิงรวมทั้งสัตว์ป่าอื่นๆ ...กำลังเพิ่มมากขึ้น....ชุมชนได้รับผลกระทบจากช้างลดลง....และยอมรับการอยู่กับช้างมากขึ้น ...” ส่วนหนึ่งจากข้อความในเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า “คนอนุรักษ์”
อ่าวพันเตมะละกา อันสงบงามของเกาะตะรุเตา อช.ตะรุเตา
“...ต่อไปจะเที่ยว กุยบุรี และตะรุเตา กรุณาอัปเลเวลตัวเองเป็นชนชั้นกลุ่ม ไฮเอนด์ก่อนนะ ถ้าไม่ใช่หรือไม่มีเงิน ไม่ต้อนรับครับ...กุยบุรีมีช้างป่าเยอะ ส่วนที่ตะรุเตา เคยแหงนหน้ามองขึ้นไปแล้วเจอนกเงือกเกาะอยู่บนต้นไม้ด้วย ธรรมชาติยังดีอยู่มาก คิดว่าถ้าให้เอกชนเข้ามาทำมาหากินในส่วนนี้ได้ สภาพธรรมชาติจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ใครจะได้ประโยชน์ คนที่มันคิดโปรเจกท์นี้ขึ้นมา มันบอกว่ากรมอุทยานฯ ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่คล่องตัว แทนที่มันจะเพิ่มงบให้ จัดหาเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น ตั้งใจพัฒนากรมฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐให้มีประสิทธิภาพให้มากขึ้น มันกลับแก้ปัญหาโดยการคิดที่จะตัดแบ่ง พื้นที่เหล่านี้ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ ของคนไทยทุกคน ออกไปให้เอกชนจัดการ เอกชนทำธุรกิจเพื่ออะไรครับ?? เพื่อกำไร เพื่อเงิน

...แล้วถ้าเอกชนทำเละล่ะ รัฐจะมีปัญญาเข้าไปควบคุมมั้ย?? เพราะแค่จะจัดการกับปัญหาของกรมอุทยานฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองยังไม่มีปัญญาเลย..พอเอกชนทำเละ ก็แก้ปัญหาด้วยเงิน จ่ายเงิน ยัดเงิน คอร์รัปชันต่อไป ก็เป็นอย่างนี้ แล้วใครกันแน่ที่จะได้ประโยชน์?? ดูอย่างตอนที่มาถ่ายหนัง The Beach ที่พีพี ทำเละ แล้วก็จ่ายค่าปรับไป จบ!! (จ่ายให้ใครก็ไม่รู้) ส่วนข่าวก่อนหน้านี้นานหลายปีแล้ว ที่มีนายทุนขึ้นไปสร้างรีสอร์ตอยู่บนเกาะที่อยู่ตรงข้ามกับเกาะหลีเป๊ะ ช่วงนั้นเป็นข่าวดัง แต่ตอนนี้หายเงียบแล้ว ใครได้ไปหลีเป๊ะมาเมื่อเร็วๆนี้บ้างครับ ถ้าให้ผมเดา ผมว่ามันก็ยังอยู่แบบนั้น ไม่ได้โดนรื้อแน่ๆ เลย คนไทยลืมง่าย จริงหรือเปล่า??

แล้วเรื่องนี้ถ้ามันสามารถที่จะทำให้เกิดขึ้นจริงได้ ก็คอยดูนามสกุลของคนที่จะได้รับสัมปทาน หรือจะได้รับอนุญาตเข้ามาลงทุนกันก็แล้วกัน ถ้าออกมาไม่ใช่นามสกุลที่พวกเราคุ้นหู หรือไม่ใช่นอมินีของไอ้พวกที่มันเกี่ยวข้องกับการคิดแผนแบบนี้ขึ้นมา ผมยอมให้ถีบเลย

ทุกวันนี้มันคงคิดว่าบ้านเมืองยังปั่นป่วนไม่พอ คิดว่าตัวมันยังหาเหาใส่กบาลตัวเองกันไม่พอ มันถึงยังคิดแผนแบบนี้ขึ้นมาได้ พื้นที่ที่เค้าจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาตินอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อดูแลรักษาธรรมชาติแล้ว เค้ายังมีการจัดการให้ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของสมบัติเหล่านั้นร่วมกันได้เข้าไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกันในราคาถูกหรือราคาที่คนทั่วไปสามารถจ่ายได้ แต่โครงการนี้มันเน้นเลยว่าไฮเอนด์...พวกคุณจะเอาสมบัติของชาติ ของพวกผมไปแบ่งกันรับประทานอีกแล้ว ถ้าพวกคุณทำด้วยความบริสุทธิ์ใจก็ขอให้ตัวพวกคุณและครอบครัวจงประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป แต่ถ้าทำเรื่องเหล่านี้ด้วยเจตนาที่ชั่วร้าย ก็ขอให้ประสบพบเจอกับสิ่งที่ตรงกันข้ามก็แล้วกัน” : จากข้อความของผู้ใช้นามว่า “โทโยฮาชิ” จากกระทู้ “กุยบุรีกับตะรุเตา จะโดนอีกแล้ว ต่อไปคนจนๆคงขึ้นเกาะไปเที่ยวไม่ได้อีก คิดได้ยังงัย!!!” ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ผลผลิตจากการตะลอนทัวร์ของผู้นำประเทศ

ธรรมชาติงามๆ อุทยานแห่งชาติ ที่เป็นมรดกที่คนรุ่นก่อนปกปักรักษาไว้ให้ประเทศชาติ ให้คนรุ่นหลัง กำลังถูกนำไปขายหาเงินเข้ากระเป๋า...
ต่อไปคนไทยคงไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติยากขึ้น เพราะอุทยานแห่งชาติมีไว้เพื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติกระเป๋าหนักเท่านั้น” : จากข้อความของผู้ใช้นามว่า “please_pat ” ในกระทู้ “กุยบุรีกับตะรุเตา จะโดนอีกแล้ว ต่อไปคนจนๆ คงขึ้นเกาะไปเที่ยวไม่ได้อีก คิดได้ยังงัย!!!” ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

คนได้สัมปทานก็พรรคพวกตนเอง อ้างบอกว่าชาวบ้านมีส่วนร่วมมาแสดงศิลปวัฒนธรรมก็คงได้แค่ค่าจ้างเศษเงินของนายทุน

อ้างที่พักไม่พอ รอสามสี่เดือน แล้วเสียหายอย่างไร จะต้องได้ทันใจเลยหรือ ต้องสร้างตึกสร้างถนนเข้าไปเอาใจนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักกับผู้ประกอบการไม่กี่คน เหมาะสมแล้วหรือ

ไม่สร้างเพิ่ม มีแต่ทำลาย

มีความจำเป็นแค่ไหน เดือดร้อนขาดแคลนเงินมากขนาดนั้นเลยหรือ” : จากข้อความของผู้ใช้นามว่า “สมาชิกหมายเลข 804189 ” ในกระทู้ “กุยบุรีกับตะรุเตา จะโดนอีกแล้ว ต่อไปคนจนๆ คงขึ้นเกาะไปเที่ยวไม่ได้อีก คิดได้ยังงัย!!!” ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
กำลังโหลดความคิดเห็น