xs
xsm
sm
md
lg

แพงทั้งแผ่นดิน ร้านอาหาร-คนกิน ดิ้นหนีตาย...แต่นักโทษชายกินข้าวมื้อ 5 แสน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร้าน ข้าวแกงป๋าทวี ย่านสะพานหัน
เกิดเป็นประชาชนยุคนี้สมัยนี้ ภายใต้รัฐบาลปูแดง ที่สำแดงอิทธิฤทธิ์ช่วยเหลือประชาชน นโยบายสวยหรูขึ้นค่าครองชีพให้ประชาชนตาดำๆ แต่ในทางกลับกันเรื่องของปากท้อง อย่างเรื่องอุปโภคบริโภคกลับสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัดเจน

ของใช้ของกินทุกอย่าง ต่างมีราคาแพงขึ้นตามลำดับ แต่ทางรัฐบาลกลับบอกว่า “ของแพงคิดไปเอง” บ้างล่ะ “ของแพงเพราะความรู้สึก ประชาชนรู้สึกไปเอง” บ้างล่ะ เรียกว่าประชาชนต่างได้รับผลกระทบกับเรื่องอาหารการกินที่แพงขึ้นเรื่อยๆ จนพากันขนานนามให้ว่า “รัฐบาลปูแดง แพงทั้งแผ่นดิน”

แต่ก็ดูเหมือนว่ารัฐบาลปูแดงจะไม่ได้รู้สึกต่อประโยคดังกล่าวมากนัก เพราะว่านายกปูแดงยังกินอาหารเหลาโต๊ะละร่วม 200,000 บาท หรือจะเป็นข่าวของนักโทษชายหนีคดีที่ดูไบจ้างนักร้องหญิงสั้นเสมอหูมากินข้าวร้องเพลงให้ความบันเทิงเริงใจถึงมื้อละ 5 แสนบาท

ทำให้เห็นได้ว่ารัฐบาลนั้นมีเงินมากแค่ไหน แต่เคยบ้างไหม?? ที่จะหันกลับมามองเรื่องปากท้องของประชาชน ที่ทุกวันนี้เหมือนตกที่นั่งลำบาก เพราะทุกวันนี้เรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคนั้นขยับราคาแพงขึ้นทุกวี่วัน ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนตาดำๆ คงไม่ได้คิดไปเอง เพราะทุกคนต่างสัมผัสและรับรู้ได้
ร้าน “ข้าวต้มเพื่อสุขภาพ” ตรงท่าพระจันทร์
สำหรับบรรดาเหล่าพ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารจำนวนมาก ต่างบ่นและพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงเรื่องข้าวของที่แพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นราคาไข่ไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ผัก และวัตถุดิบในการปรุงอาหารต่างๆ มากมายที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดาร้านอาหารต่างๆ ประสบกับปัญหาวัตถุดิบในการนำมาปรุงเป็นอาหารขึ้นราคาสูง ทำให้ส่งผลกระทบกับคนกินได้ด้วยไปโดยปริยาย เจ้าของร้านอาหารบางรายถึงกับมีการเขียนข้อความเหน็บรัฐบาลเรื่องของแพงคิดไปเอง ซึ่งในโลกอินเตอร์เน็ตก็พากันแชร์ข้อความเหน็บแนมรัฐบาบปูแดงนี้กันเป็นจำนวนมาก

โดยพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดร้านขายอาหารต่างประสบปัญหาข้าวของแพงขึ้นกันทั่วหน้า อย่างเช่นร้าน “ข้าวแกงป๋าทวี” ย่านสะพานหัน มีคุณปู มณฑาทิพย์ ใจสมบุญ เป็นของของของร้าน ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องวัตถุดิบที่มีราคาแพงขึ้นอยู่ในขณะนี้ว่า

“วัตถุดิบแพงขึ้นหมดเลย เพิ่มขึ้นจากปกติพอสมควร อย่างพวกเนื้อปลาที่ใช้อยู่ก็ขึ้นราคา เราก็มีการปรับราคาขายขึ้นมาหน่อย กับข้าวราด 1 อย่าง 30 บาท 2 อย่าง 35 บาท ก็ต้องขอปรับราคาขึ้นตามวัตถุดิบที่ขึ้นมา”

เมื่อสอบถามว่าคิดเห็นอย่างไรที่ทางรัฐบาลบอกว่าของไม่ได้ขึ้น ประชาชนคิดไปเองหรือเปล่า เรื่องนี้คุณปูให้ความคิดเห็นไว้ว่า ของแพงขึ้นจริงๆ แต่ก็ยังต้องขายของเหมือนเดิม และคนซื้อก็ลดจำนวนน้อยลง ทำให้ทางร้านต้องมีการปรับตัวให้อยู่รอดกับสภาวะข้าวของแพงขึ้นเช่นนี้ไปให้ได้

“เราก็ต้องขายให้น้อยลง ลดของที่นำมาขายให้น้อยลง เพราะเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ เอาเป็นว่าเศรษฐกิจมันไม่ดี แต่เราต้องลงของให้น้อยหน่อย ขายของให้หมดทุกวัน ลูกค้าที่มากินก็มีบ่นให้ฟังบ้างว่าของซื้อของกินแพง ถ้าจะให้ฝากถึงรัฐบาลให้ช่วย ก็ต้องบอกว่าไม่รู้จะให้ช่วยยังไง เพราะคิดว่าคงช่วยไม่ได้” คุณปู บอกจากใจ
ภาพจากอินเตอร์เน็ตที่แชร์โพสข้อความเหน็บรัฐบาลเรื่องของแพงคิดไปเอง
ด้านคุณหญิง จิรภัทร สุเนตร์ เจ้าของร้าน “ข้าวต้มเพื่อสุขภาพ” ตรงท่าพระจันทร์ เป็นอีกหนึ่งเสียงของแม่ค้าที่ขายอาหารแล้วต้องประสบกับปัญหาข้าวของที่แพงขึ้นทุกวันๆ ได้พูดถึงเรื่องของแพงที่ประสบปัญหาอยู่ทุกวันนี้ว่า

“ของแพงขึ้นเยอะมาก แพงขึ้นทุกอย่างพร้อมๆ กันเลย อย่างค่าแก๊สก็ขึ้น น้ำปลาที่ใช้อยู่ลังนึงก็ขึ้นมา 55 บาท ซอสก็ขึ้นมา 50 บาท ไข่แผงนึงขึ้นจาก 115 บาทมาเป็น 130 บาท ทั้งของสดของแห้งราคาขึ้นกันหมด แต่เราก็ยังขายอยู่ราคาเท่าเดิม เพราะว่าขายราคานี้มานานแล้ว ใช้วิธีเปลี่ยนยี่ห้อซอสบ้าง หรือไม่ก็ตักกับข้าวน้อยลงกว่าเดิมหน่อย เราได้กำไรน้องลงหน่อย แต่ก็ยังพออยู่ได้”

“ลูกค้าที่มากินเขาก็ยังมากันเหมือนเดิม จำนวนลูกค้าไม่ได้ลดลง แต่ว่าเขาจะสั่งกับข้าวน้อยลงกว่าเดิมหน่อย ลูกค้าเขาก็คงต้องประหยัดเหมือนกัน เพราะว่าเขาก็ซื้อของอื่นๆ แพงเหมือนกันเรา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลดูแลราคาของหน่อย อย่าให้ขึ้นราคาเยอะมาก ตอนนี้ของมันขึ้นราคาพร้อมๆ กันทุกอย่าง จะเป็นแม่ค้าหรือลูกค้าก็ลำบากเหมือนกัน” จิรภัทร พูดวิงวอนอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องข้าวของที่แพงขึ้นจริงๆ
อาหารการกินต่างๆ ที่นับวันมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนผู้บริโภคก็ประสบกับเรื่องปัญหาอาหารราคาแพงเช่นเดียวกัน จากการสอบถาม น้องมด พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ระบายความในใจต่อเรื่องอาหารการกินที่มีราคาแพงและสูงขึ้นเรื่อยๆ ไว้ว่า

“ทุกวันนี้ของแพงขึ้นมากจริงๆ แต่เงินเดือนเราก็ยังเท่าเดิมอยู่ อย่างแต่ก่อนถือเงินไปตลาดสองร้อยสามร้อย ก็ได้ของสดมาทำกับข้าวเยอะแยะแล้ว เดี๋ยวนี้ซื้อหมูนิดหน่อย ผักอีกสองกำก็ร้อยนึงแล้ว หรือถ้าไปกินข้าวนอกบ้านสามคนพ่อแม่ลูกอย่างต่ำก็ต้องสองร้อย นี่คือร้านข้าวข้างทางธรรมดานะ ไม่ใช่ร้านแพงๆ”

และเมื่อถามถึงว่าข้าวของแพงขึ้นราคาแบบนี้ ในฐานะผู้บริโภคมีการปรับตัวหนีตายอย่างไรบ้าง น้องมดบอกว่า “ของแพงขึ้นเราก็ต้องปรับตัวอยู่ให้ได้ เพราะว่าเขาไม่ได้ขึ้นเงินเดือนให้เราตามราคาของ เราก็เข้าใจว่าแม่ค้าเขาก็ต้องขายของทำมาหากิน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องปรับตัวเอง จากเมื่อก่อนเราอาจจะพาครอบครัวไปกินข้าวข้างนอกบ้านบ้าง ซื้อกับข้าวมากินกันบ้าง ตอนนี้ก็ต้องวางแผนการใช้เงินให้ดีกว่าเดิม เงินเท่านี้ก็ต้องแบ่งไว้ผ่อนบ้านผ่อนรถ เก็บไว้เป็นค่าเทอมลูก ไว้ใช้จ่ายจิปาถะ”

“ส่วนที่แบ่งไว้กินก็เอามาซื้อของสดที่ตลาดเพื่อเอามาทำกับข้าว แทนที่จะไปกินนอกบ้านหรือว่าซื้อกับข้าวมากิน ซื้อของสดมาเราก็ทำกับข้าวใส่ตู้เย็นไว้ กินตอนเช้าตอนเย็น บางวันก็ห่อข้าวไปกินที่ทำงานด้วย เพราะว่าอาหารแถวออฟฟิศก็แพงขึ้นเหมือนกัน”
ประชาชนยังคงต้องพึ่งพาร้านอาหารที่ขายอยู่ทั่วไป
เรียกว่าผู้บริโภคต่างก็ได้รับผลกระทบกับปัญหาข้าวของแพง และก็ต้องรู้จักปรับตัวให้อยู่รอดไปให้ได้ ซึ่งน้องมดยังได้ฝากไปถึงรัฐบาลปูแดงจากใจ ในเรื่องอยากจะให้ช่วยเหลือประชาชนเรื่องข้าวของที่แพงขึ้นไว้ด้วยว่า

“ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะช่วยเรื่องนี้ได้ไหม แต่ก็อยากบอกว่าให้ช่วยดูหน่อยว่าของแพงขึ้นทุกอย่างแบบนี้ ประชาชนจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง ช่วยดูแลราคาของหน่อยได้ไหม เดี๋ยวค่าแก๊สขึ้น น้ำมันก็ขึ้น ของสดก็ขึ้น แต่คนต้องกินข้าวเหมือนเดิม พวกคนใหญ่ๆ โตๆ ที่บอกว่าของไม่ได้แพงขึ้นเท่าไหร่ เพราะว่าเขาก็มีเงินใช้เยอะแยะอยู่แล้ว ไม่ได้มาเดินตลาด ซื้อกับข้าวเข้าบ้านเหมือนเรา คงต้องให้เขามาลองใช้ชีวิตแบบเราถึงจะรู้ว่าประชาชนลำบากนะ” น้องมด ฝากความในใจถึงรัฐบาลปูแดง

ขณะที่อีกหนึ่งเสียงของผู้บริโภคคือปีเตอร์ พนักงานออฟฟิศย่านใจกลางกรุงฯ บอกว่า “เมื่อครั้งที่มีนโยบายขึ้นค่าแรงก็ทำให้รู้สึกดีใจ แต่ในขณะนี้ทั้งค่าอาหารและสินค้ากลับขึ้นราคา และตนเองก็เป็นคนทำอาหารไม่เป็นต้องพึ่งบริการร้านอาหาร แต่กลับได้มาเจอกับเหตุการณ์ราคาอาหารแพงขึ้น จึงทำให้รู้สึกว่า ตนเองนั้นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่”

เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดร้านขายอาหาร รวมไปถึงผู้บริโภคต่างก็ได้รับผลกระทบต่อภาวะข้าวของราคาแพงและสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างเต็มที่ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คงต้องบอกว่าประชาชนตาดำๆ ที่หาเช้ากินค่ำ อยู่ภายใต้รัฐบาลของนายกปูแดงก็คงต้องแบกรับภาวะนี้กันต่อไป ตราบใดที่รัฐบาลยังบอกว่า “ประชาชนคิดไปเอง”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น