ผ่านสัปดาห์วุ่นวายกันไปเรียบร้อยกับยกแรกของการเมืองไทย และพระราชบัญญัติ นิรโทษกรรม ยังต้องติดตามกันต่ออีกว่าจะผ่านไปได้สักกี่น้ำ และท่าทีของฝ่ายค้านจะดำเนินกลยุทธ์ขั้นต่อไปอย่างไร
ภาวะการลงทุนของไทยก็เช่นกันมีเรื่องที่ต้องติดตามกันอีกเพียบถึงแม้จะคลายกังวลกับเรื่องการเมืองไปบ้าง แต่เชื่อว่าน่าจะมีผลกระทบตามมาอีกหลายระลอกแน่นอน เพราะการเมืองไทยยังไม่นิ่งจริงอย่างที่เห็น โดยภาวะตลาดหุ้นไทยช่วงสุดสัปดาห์ปิดตลาดที่ระดับ 1,432.25 จุด ลดลง 14.91จุด หรือ -1.03% มูลค่าการซื้อขาย 31,244.35 ล้านบาท ซึ่งความเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังจากแกว่งตัวขึ้นลงตลอดทั้งสัปดาห์
ส่วนเศรษฐกิจไทยหลังจากมีการปรับจีดีพีกันไปแล้ว ขณะนี้ดูเหมือนจะเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทั้งด้านการบริโภคและการส่งออก ซึ่งการบริโภคที่ลดลงน่าจะมาจากภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไม่ว่าจาการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หรือสินเชื่อส่วนบุคคล โดยล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดเผยตัวเลขของการผิดนัดชำระหนี้ยังพบว่า ธุรกิจเช่าซื้อ สินเชื่อรถยนต์มีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดอีกด้วย
เห็นแบบแล้วคงต้องระมัดระวังกันหน่อย แต่นักวิเคราะห์คาดว่าคงไม่รุกลามใหญ่โตนัก เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวแต่ก็ยังอยู่บนฐานของการเติบโตที่ปรับลดลงเท่านั้น
หันมาดูแวดวงกองทุนรวมกันบ้าง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดขายกองทุน KTAM SET ICT ETF Tracker (EICT) กองทุนอีทีเอฟที่อ้างอิงกับหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เปิดขาย IPO วันที่ 5-16 สิงหาคม 2556 ใครสนใจธุรกิจการสื่อสารและเทคโนโลยีคงทราบดีว่าในช่วงที่ผ่านมาเติบโตมากน้อยขนาดไหนกับความก้าวหน้าในปัจจุบัน
ทั้งนี้ กลุ่มไอซีทีมีอัตราการเติบโตในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 57.22% ขณะที่ตลาดเติบโตขึ้นเพียง 23.87% และคาดว่าในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 33% และ 27% ในปีหน้า ขณะเดียวกันคาดว่ากลุ่มนี้ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 4-5% ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่ดีในช่วงตลาดมีความผันผวนเลยทีเดียว
บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด จับกระแสการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นกำลังบูม เตรียมเปิดขาย กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เจแปน ออพพอร์ทูนิตี้ส์ ฟันด์ (ABJO) ที่คาดว่าจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 13 - 26 ส.ค. 56
สำหรับกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในหน่วยลงทุนของ ลงทุนใน “กองทุนอเบอร์ดีนโกลบอล - เจแปนนิส เอคควิตี้ ฟันด์” ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นคุณภาพดีที่คัดสรรมาอย่างดีประมาณ 32 บริษัท จากทั้งหมดในตลาดกว่า 3,600 บริษัท ซึ่งบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทข้ามชาติที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในทุกภาวะเศรษฐกิจ
ส่วนพอร์ตการลงทุนของกองทุนหลักนั้นคาดว่าหุ้นในพอร์ตจะมีการเติบโตของกำไรสุทธิประมาณ 15% บนสมมติฐานค่าเงินเยนที่ระดับ 95 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ เน้นหุ้นกลุ่มบริโภค , อุตสาหกรรม , สุขภาพ
ใครชอบแบบไหนเลือกลงทุนกันได้ตามใจชอบ ขณะที่กองทุนตราสารหนี้เองก็ออกกันมาต่อเนื่องทุสัปดาห์อยู่แล้ว เชื่อว่านักลงทุนคงพอจะทราบแล้วว่ามีของค่ายไหนบ้าง
สุดท้ายคงจะเป็นเรื่องของตลาดหุ้นที่จะต้องติดตามกันต่อในสัปดาห์นี้ เพราะอย่าลืมว่าการเมืองไทยยังไม่นิ่งพอ โดยแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้เชื่อว่ายังคงผันผวนต่อไป การลงทุนควรระมัดระวังกันหน่อย
