โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
ระนอง เป็นจังหวัดประตูสู่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งวันนี้มี “สายการบินนกแอร์” บินตรงจากกรุงเทพฯ(ดอนเมือง)สู่ระนอง ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวของเมืองระนองนั้นมีหลากหลาย ทั้งทะเล น้ำตก ขุนเขา ป่าชายเลน ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม วัดวาอาราม วิถีชีวิต อีกทั้งยังสามารถข้ามแดนไปเที่ยวยังพม่า ประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างสะดวกโยธิน และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ทางการท่องเที่ยวของเมืองระนองผ่านมุมมองธรรมชาติ 5 น้ำ ที่แต่ละน้ำต่างก็มีสิ่งน่าสนใจแตกต่างกันออกไป
น้ำฝน
ระนองได้ชื่อว่าเป็น “เมืองฝนแปด แดดสี่” ที่มีฝนตกชุกที่สุดในเมืองไทย
อย่างไรก็ดีสายฝนที่โปรยสายลงมาเป็นจำนวนมาก ได้ส่งผลดีต่อระนองทำให้เมืองนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้เขียวขจี มีความเย็นชุ่มฉ่ำ อากาศดี โดยเฉพาะในยามฟ้าหลังฝน ระนองจะดูเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ ตามยอดเขามีสายหมอกลอยระเรี่ยไต่ยอดปกคลุมดูสวยงามเพลินตา
นับเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวอันโดดเด่นของเมืองระนอง ที่เมื่ออยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวอะไรกับฝน ฉันใดก็ฉันเพล ที่ไประนองก็อย่ากลัวอะไรกับฝน
น้ำตก
สายฝนที่โปรยสายลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำ ก่อให้เกิดต้นน้ำลำธาร รวมไปถึงน้ำตกต่างๆในระนอง สำหรับน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองนี้ ย่อมหนีไม่พ้น “น้ำตกหงาว” ที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ทางการท่องเที่ยวของระนอง
น้ำตกหงาว ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว สามารถมองเห็นได้แต่ไกลบนท้องถนน เพราะเป็นน้ำตกสูงใหญ่ไหลแผ่สยายลงมาจากภูเขาสูง ตัวน้ำตกมีความสวยงามร่มรื่น ช่วงหน้าฝนน้ำตกหงาวจะเปล่งพลังความงามสูงสุดออกมากับสายน้ำที่ถั่งโถม พร้อมกับองค์ประกอบแห่งความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า โดยเฉพาะมอสที่เขียวที่ขึ้นปกคลุมเขียวครึ้มไปทั่วบริเวณปานประหนึ่งธรรมชาติได้มาปูพรมเขียวไว้ให้มนุษย์ได้ท่องทัศนากัน
บริเวณน้ำตกหงาวยังมีกล้วยไม้ “เอื้องเงินหลวง” หรือ “ดอกโกมาซุม” ดอกไม้ประจำจังหวัดระนอง มีลักษณะคล้ายดอกแคทลียา กลีบสีขาว กลีบใหญ่มีแต้มสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมจางๆ ออกดอกในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งหากใครไปเที่ยวในช่วงนั้น ก็จะได้สัมผัสกับสีสันของดอกโกมาซุมที่บานแต่งแต้มประดับให้น้ำตกหงาวทรงเสน่ห์มากขึ้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยหนุนส่งให้น้ำตกหงาวมีอะไรให้ค้นหานั้นก็คือ “ปูเจ้าฟ้า” ที่มีลักษณะเด่นคือ มีลำตัวและก้ามเป็นสีขาว ตรงช่วงปากมีสีม่วงอมดำ ปูชนิดนี้ชอบหลบๆซ่อนๆหากิน ตามซอกหิน ริมลำธาร หรือใต้ใบไม้ การจะพบตัวมันต้องสอดส่ายสายตาใช้ความพยายามเป็นพิเศษ เพราะปูไม่โง่
นอกจากน้ำตกหงาวแล้ว ระนองยังมีน้ำตกเด่นๆ ได้แก่ “น้ำตกโตนเพชร” น้ำตกขนาดใหญ่มีสายน้ำไหลลดหลั่นกันมามากถึง 11 ชั้น น้ำตก “น้ำตกพันเมตร”แห่งคลองนาคา มี 9 ชั้น เป็นน้ำตกสูงไหลลงมาจากยอดเขาเหมืองโซนในแนวดิ่งสูงถึงประมาณ 1 กม. หรือ 1,000 เมตร สมดังชื่อน้ำตก และ “น้ำตกปุญญบาล” ตั้งอยู่ริมถนน ทางหลวงหมายเลข 4 สูงประมาณ 20 เมตร รอบบริเวณมีความร่มรื่น ถือเป็นจุดแวะเที่ยว แวะพักรถที่สำคัญ นับเป็นอีกอีกหนึ่งน้ำตกชื่อดังของระนอง
น้ำทะเล
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทะเลระนองจัดว่ามาแรงไม่เบา ซึ่งทะเลระนองทั้งตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง ต่างมีเสน่ห์ให้ท่องเที่ยวแตกต่างกันออกไป
ทะเลตอนบนบริเวณปากน้ำระนอง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี ฝั่งตรงข้ามมองไปเห็นประเทศเมียนมาร์ และมีเส้นทางแสวงโชคข้ามประเทศไปยังกาสิโน“เกาะสอง” ของพม่า ที่บางคนไปแล้วยิ้มได้ แต่หลายคนไปแล้วหมดเนื้อหมดตัวกลับมา
ข้ามไปยังทะเลตอนล่างที่มีแหลมสน หาดบางเบน เกาะกำใหญ่ เกาะกำน้อย และเกาะค้างคาว ที่มีความสวยงามและคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ซึ่งล่าสุดทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานชุมพรที่ดูแลพื้นที่ระนองด้วย ได้ชูทะเลแถบนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ เหมาะต่อการนั่งเรือเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ
ขณะที่ทะเลระนองตอนกลางที่กำลังรุ่งและมีชื่อมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทะเลที่นี่มีเกาะช้างกับเกาะพยามเป็น 2 เกาะใหญ่อยู่เคียงคู่กัน
เกาะช้าง จัดเป็นเกาะแห่งวิถีชุมชน ที่บนเกาะมีการทำสวนยางพาราและทำสวนกาหยูหรือมะม่วงหิมพานต์ที่เป็นหนึ่งในกาหยูพันธุ์ดีที่สุดในเมืองไทย ที่พักบนเกาะส่วนใหญ่เป็นโฮมสเตย์อันเรียบง่าย บนเกาะช้างยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก นักท่องเที่ยวมีโอกาสพบ “นกแก๊ก” หรือนกเงือกพันธุ์เล็กบินอวดโฉมได้ไม่ยาก
ส่วนเกาะพยามที่วันนี้เริ่มเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดตลาด เกาะพยามวันนี้กำลังโตด้านการท่องเที่ยว เหมือนกับสมุยเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน บนเกาะมีที่พักทั้งบังกะโล เกสต์เฮาส์ ราคาประหยัด และที่พักระดับไฮเอนด์ให้เลือกพักตามรสนิยมและกำลังทรัพย์ในกระเป๋า
เกาะพยามมีหาดทรายชายทะเลสวยงามๆให้เลือกเที่ยวกันหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น อ่าวเขาควาย หาดทรายขาว หาดทรายแดง หินทะลุ อ่าวกวางปีบ แหลมหรั่ง อ่าวใหญ่ โบสถ์กลางทะเล อีกทั้งยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ บนเกาะพยามมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย ทั้งการออกเรือไปดำน้ำดูปะการัง นั่งชิลชิลรับลม ฟังเสียงคลื่นอยู่ริมทะเล พายคายัคท่องทะเล ชมป่าชายเลน ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน ปั่นจักรยานเที่ยวชมเสน่ห์อันเรียบง่ายของเกาะ
อย่างไรก็ดีบนความเติบโตดีวันดีคืนทางการท่องเที่ยว ทำให้หลายคนอดหวั่นไม่ได้ว่า ถ้าหากเกาะแห่งนี้เติบโตแบบไร้ทิศทาง เติบโตแบบเน้นกอบโกย ขาดการวางแผนบริหารจัดการ ในอนาคตอีกไม่ไกลเกาะพยามอาจเสียศูนย์เป็นปัญหาเหมือนกับแหล่งท่องเที่ยวรุ่นพี่ๆ ที่ถูกดาบ 2 คมทางการท่องเที่ยวฟันเป็นแผลรักษาไม่หายมาจนทุกวันนี้
น้ำกร่อย
บนพื้นที่น้ำกร่อยริมชายฝั่งที่มีทรัพยากรป่าชายเลนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ระนองมีป่าชายเลนสำคัญในระดับโลกอยู่นั่นก็คือ “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง” หรือ “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว” หรือที่เรียกสั้นๆว่า “ป่าชายเลนหงาว” ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย จนองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็น "พื้นที่สงวนชีวมณฑล ระนอง" ใน พ.ศ. 2540 (เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลประเภทป่าชายเลนแห่งแรกของโลก) และได้รับการวัลกินรีจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศดีเด่น ในปี พ.ศ. 2547
ป่าชายเลนหงาวมีพื้นที่นับแสนไร่ กระจายตัวบริเวณปากแม่น้ำกระบุรี ที่นี่มีเส้นทางท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติให้เลือกเที่ยวกัน 2 เส้นทาง
เส้นทางแรกเป็นเส้นทางนั่งเรือชมป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมภาพวิถีชีวิตชาวบ้านริมชายฝั่ง รวมถึงไฮไลต์อย่างโกงกางต้นยักษ์ที่มีอายุราว 200 ปี มีความสูงกว่า 25 เมตร มีเส้นรอบวงถึง 2 เมตร
อีกเส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 850 เมตร ไปตามสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวไปในผืนป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มากไปด้วยพืชพันธุ์ไม้และสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโกงกางต้นโตๆ ลำแพน โปรง ตะบูน ตาตุ่มทะเล ปลาตีน ปูก้ามดาบ ปูแสม นกนานาชนิด ลิง นาก รวมถึงสัตว์หายากอย่าง “แม่หอบ”
แม่หอบ (Mud Lobster หรือ Mangrove Lobster) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังรูปร่างคล้ายปูผสมกุ้ง บ้างก็ว่าคล้ายปูผสมกั้ง ลำตัวสีแดงเป็นปล้องๆคล้ายกั้ง ดูไกลๆคล้ายแมงป่อง อาศัยอยู่ตามผืนป่าชายเลน ด้วยการขุดรูและโกยดินขนดินขึ้นมาสร้างถมกันเป็นเนินสูง มีช่องทางเดินภายใน(คล้ายจอมปลวก) เรียกว่า “จอมหอบ”
ในประเทศไทยพบแม่หอบเฉพาะทางฝั่งอันดามัน สำหรับเหตุที่คนไทยเรียกเจ้าสัตว์ชนิดนี้ว่าแม่หอบ สันนิษฐานว่า เนื่องจากสมัยก่อนมีคนนำเนื้อของมันมาทำเป็นยารักษาหอบหืด บ้างก็ว่ามาจากลักษณะการหอบดินขึ้นมาทำจอมหอบของมัน ปัจจุบันเป็นสัตว์หายากที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
น้ำแร่
ระนองเป็นเมืองแห่งน้ำแร่ชื่อดังของไทย มีศักยภาพสูงทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทำสปาธรรมชาติ บำบัดเพื่อสุขภาพ
น้ำแร่ระนองปราศจากกลิ่นกำมะถัน ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดีติดอันดับต้นๆของโลก
ที่ระนองมีแหล่งน้ำแร่ตามธรรมชาติ(ที่ค้นพบ) ทั้งหมด 7 แห่ง ใครที่ชอบบ่อน้ำแร่ในบรรยากาศธรรมชาติ ขอแนะนำที่ “บ่อน้ำแร่พรรั้ง” บ่อน้ำแร่ที่กำลังมาแรง ซึ่งได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อน บำบัด ในบรรยากาศป่าเขา สายน้ำ ป่าไม้อันร่มรื่น ในบรรยากาศ “ออนเซ็น” แบบไทยๆ ที่ไม่ต้องแก้ผ้าตัวล่อนจ้อนลงไปแช่น้ำเหมือนที่ญี่ปุ่นหรือที่เกาหลี
บ่อน้ำแร่พรรั้ง ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.บางริ้น อ.เมือง มีอุณภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส แบ่งส่วนธารน้ำแร่ตามธรรมชาติ กับบ่อน้ำแร่ที่สร้างปรับแต่งขึ้นมา มีทั้งบ่อแช่ตัว แช่เท้า มีสะพาน มีเขื่อนหรือฝายน้ำล้น มีบ้านพักไว้บริการ และมีจุดเดินให้ศึกษาธรรมชาติ ซึ่งที่นี่เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพันธุ์ไม้แปลกหายากหลากหลาย โดยเฉพาะกับหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่เป็นตัวชูโรงของที่นี่
นอกจากนี้ที่บ่อน้ำแร่พรรั้งยังมี “สปาปลาบำบัด”ตามธรรมชาติ ในลำธารน้ำอุ่นบริเวณด้านหน้าให้นักท่องเที่ยวได้เดินนวดเท้ากับก้อนหินใต้น้ำและแช่เท้าให้เหล่าปลา(พลวง)ตัวน้อยมาตอดเท้าเพื่อสุขภาพกันแบบจั๊กกะจี้ จึ๊กกะดึ๋ย
จากบ่อน้ำแร่พรรั้ง มาถึงบ่อน้ำแร่ยอดฮิตประจำเมืองระนอง คือ “บ่อรักษะวาริน” ในสวนสาธารณะรักษะวาริน ที่อยู่ใจกลางเมือง
บ่อแห่งนี้ถือเป็นบ่อเก่าแก่สุดคลาสสิกที่รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานชื่อถนนสู่บ่อน้ำร้อนว่า “ถนนชลระอุ” ให้เมื่อครั้งที่เสด็จประพาสเมืองระนองในปี พ.ศ. 2433
บ่อรักษะวาริน ประกอบด้วย บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว แต่ละบ่อแสดงความร้อนในอุณหภูมิสูงถึง 65 องศาเซลเซียสออกมาด้วยไอควันที่โชยกรุ่น แต่ว่าก็เป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ที่ช่วยบำบัดและรักษาสุขภาพร่างกายได้เป็นอย่างดี
ทั้งบ่อน้ำแร่พรรั้งและรักษะวาริน เหมาะแก่การนั่งแช่น้ำพักผ่อนกายาให้สุขสมอารมณ์หมาย แต่มีข้อแม้ว่าอย่าแช่นาน ให้แช่ตามที่มีป้ายกำหนดไว้ เพราะน้ำแร่แช่นานเกินไปก็ไม่ดี นอกจากนี้ทั้ง 2 บ่อ ยังมีของกินน่าสนใจคือ “ไข่ต้มน้ำแร่” ที่ต้องใช้เวลาต้มนาน 10 กว่าชั่วโมง(ที่บ่อรักษะวารินมีการต้มไข่ไว้แล้ว ก่อนให้นักท่องเที่ยวนำมาแช่น้ำแร่ร้อนนิดหน่อยพอเป็นพิธี ก่อนนำไปรับประทาน) นับเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์เสริมของบ่อน้ำแร่ทั้งสองที่น่าลองลิ้มไม่น้อย
ลอง(ไป)นะ ระนอง
หากมีโอกาสได้แวะเวียนไประนอง จะลองไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติ 5 น้ำของเมืองนี้ก็นับเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะกับน้ำแร่ที่ถือเป็นไฮไลต์อันโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่นนั้นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สำหรับผมนอกจากเสน่ห์แห่ง 5 น้ำแล้ว ยังมีอีกน้ำหนึ่งที่สร้างความประทับใจในการเที่ยวระนองให้อยู่เสมอ นั่นก็คือ
“น้ำใจ”
***********************************************************
การเดินทางสู่ จ.ระนอง ล่าสุดมีสายการบินนกแอร์บินตรง กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)-ระนอง ทุกวัน นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของความสะดวกสบาย ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1318 หรือดูที่ www.nokair.com
ระนอง เป็นจังหวัดประตูสู่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งวันนี้มี “สายการบินนกแอร์” บินตรงจากกรุงเทพฯ(ดอนเมือง)สู่ระนอง ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวของเมืองระนองนั้นมีหลากหลาย ทั้งทะเล น้ำตก ขุนเขา ป่าชายเลน ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม วัดวาอาราม วิถีชีวิต อีกทั้งยังสามารถข้ามแดนไปเที่ยวยังพม่า ประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างสะดวกโยธิน และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ทางการท่องเที่ยวของเมืองระนองผ่านมุมมองธรรมชาติ 5 น้ำ ที่แต่ละน้ำต่างก็มีสิ่งน่าสนใจแตกต่างกันออกไป
น้ำฝน
ระนองได้ชื่อว่าเป็น “เมืองฝนแปด แดดสี่” ที่มีฝนตกชุกที่สุดในเมืองไทย
อย่างไรก็ดีสายฝนที่โปรยสายลงมาเป็นจำนวนมาก ได้ส่งผลดีต่อระนองทำให้เมืองนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้เขียวขจี มีความเย็นชุ่มฉ่ำ อากาศดี โดยเฉพาะในยามฟ้าหลังฝน ระนองจะดูเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ ตามยอดเขามีสายหมอกลอยระเรี่ยไต่ยอดปกคลุมดูสวยงามเพลินตา
นับเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวอันโดดเด่นของเมืองระนอง ที่เมื่ออยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวอะไรกับฝน ฉันใดก็ฉันเพล ที่ไประนองก็อย่ากลัวอะไรกับฝน
น้ำตก
สายฝนที่โปรยสายลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำ ก่อให้เกิดต้นน้ำลำธาร รวมไปถึงน้ำตกต่างๆในระนอง สำหรับน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองนี้ ย่อมหนีไม่พ้น “น้ำตกหงาว” ที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ทางการท่องเที่ยวของระนอง
น้ำตกหงาว ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว สามารถมองเห็นได้แต่ไกลบนท้องถนน เพราะเป็นน้ำตกสูงใหญ่ไหลแผ่สยายลงมาจากภูเขาสูง ตัวน้ำตกมีความสวยงามร่มรื่น ช่วงหน้าฝนน้ำตกหงาวจะเปล่งพลังความงามสูงสุดออกมากับสายน้ำที่ถั่งโถม พร้อมกับองค์ประกอบแห่งความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า โดยเฉพาะมอสที่เขียวที่ขึ้นปกคลุมเขียวครึ้มไปทั่วบริเวณปานประหนึ่งธรรมชาติได้มาปูพรมเขียวไว้ให้มนุษย์ได้ท่องทัศนากัน
บริเวณน้ำตกหงาวยังมีกล้วยไม้ “เอื้องเงินหลวง” หรือ “ดอกโกมาซุม” ดอกไม้ประจำจังหวัดระนอง มีลักษณะคล้ายดอกแคทลียา กลีบสีขาว กลีบใหญ่มีแต้มสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมจางๆ ออกดอกในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งหากใครไปเที่ยวในช่วงนั้น ก็จะได้สัมผัสกับสีสันของดอกโกมาซุมที่บานแต่งแต้มประดับให้น้ำตกหงาวทรงเสน่ห์มากขึ้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยหนุนส่งให้น้ำตกหงาวมีอะไรให้ค้นหานั้นก็คือ “ปูเจ้าฟ้า” ที่มีลักษณะเด่นคือ มีลำตัวและก้ามเป็นสีขาว ตรงช่วงปากมีสีม่วงอมดำ ปูชนิดนี้ชอบหลบๆซ่อนๆหากิน ตามซอกหิน ริมลำธาร หรือใต้ใบไม้ การจะพบตัวมันต้องสอดส่ายสายตาใช้ความพยายามเป็นพิเศษ เพราะปูไม่โง่
นอกจากน้ำตกหงาวแล้ว ระนองยังมีน้ำตกเด่นๆ ได้แก่ “น้ำตกโตนเพชร” น้ำตกขนาดใหญ่มีสายน้ำไหลลดหลั่นกันมามากถึง 11 ชั้น น้ำตก “น้ำตกพันเมตร”แห่งคลองนาคา มี 9 ชั้น เป็นน้ำตกสูงไหลลงมาจากยอดเขาเหมืองโซนในแนวดิ่งสูงถึงประมาณ 1 กม. หรือ 1,000 เมตร สมดังชื่อน้ำตก และ “น้ำตกปุญญบาล” ตั้งอยู่ริมถนน ทางหลวงหมายเลข 4 สูงประมาณ 20 เมตร รอบบริเวณมีความร่มรื่น ถือเป็นจุดแวะเที่ยว แวะพักรถที่สำคัญ นับเป็นอีกอีกหนึ่งน้ำตกชื่อดังของระนอง
น้ำทะเล
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทะเลระนองจัดว่ามาแรงไม่เบา ซึ่งทะเลระนองทั้งตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง ต่างมีเสน่ห์ให้ท่องเที่ยวแตกต่างกันออกไป
ทะเลตอนบนบริเวณปากน้ำระนอง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี ฝั่งตรงข้ามมองไปเห็นประเทศเมียนมาร์ และมีเส้นทางแสวงโชคข้ามประเทศไปยังกาสิโน“เกาะสอง” ของพม่า ที่บางคนไปแล้วยิ้มได้ แต่หลายคนไปแล้วหมดเนื้อหมดตัวกลับมา
ข้ามไปยังทะเลตอนล่างที่มีแหลมสน หาดบางเบน เกาะกำใหญ่ เกาะกำน้อย และเกาะค้างคาว ที่มีความสวยงามและคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ซึ่งล่าสุดทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานชุมพรที่ดูแลพื้นที่ระนองด้วย ได้ชูทะเลแถบนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ เหมาะต่อการนั่งเรือเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ
ขณะที่ทะเลระนองตอนกลางที่กำลังรุ่งและมีชื่อมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทะเลที่นี่มีเกาะช้างกับเกาะพยามเป็น 2 เกาะใหญ่อยู่เคียงคู่กัน
เกาะช้าง จัดเป็นเกาะแห่งวิถีชุมชน ที่บนเกาะมีการทำสวนยางพาราและทำสวนกาหยูหรือมะม่วงหิมพานต์ที่เป็นหนึ่งในกาหยูพันธุ์ดีที่สุดในเมืองไทย ที่พักบนเกาะส่วนใหญ่เป็นโฮมสเตย์อันเรียบง่าย บนเกาะช้างยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก นักท่องเที่ยวมีโอกาสพบ “นกแก๊ก” หรือนกเงือกพันธุ์เล็กบินอวดโฉมได้ไม่ยาก
ส่วนเกาะพยามที่วันนี้เริ่มเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดตลาด เกาะพยามวันนี้กำลังโตด้านการท่องเที่ยว เหมือนกับสมุยเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน บนเกาะมีที่พักทั้งบังกะโล เกสต์เฮาส์ ราคาประหยัด และที่พักระดับไฮเอนด์ให้เลือกพักตามรสนิยมและกำลังทรัพย์ในกระเป๋า
เกาะพยามมีหาดทรายชายทะเลสวยงามๆให้เลือกเที่ยวกันหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น อ่าวเขาควาย หาดทรายขาว หาดทรายแดง หินทะลุ อ่าวกวางปีบ แหลมหรั่ง อ่าวใหญ่ โบสถ์กลางทะเล อีกทั้งยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ บนเกาะพยามมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย ทั้งการออกเรือไปดำน้ำดูปะการัง นั่งชิลชิลรับลม ฟังเสียงคลื่นอยู่ริมทะเล พายคายัคท่องทะเล ชมป่าชายเลน ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน ปั่นจักรยานเที่ยวชมเสน่ห์อันเรียบง่ายของเกาะ
อย่างไรก็ดีบนความเติบโตดีวันดีคืนทางการท่องเที่ยว ทำให้หลายคนอดหวั่นไม่ได้ว่า ถ้าหากเกาะแห่งนี้เติบโตแบบไร้ทิศทาง เติบโตแบบเน้นกอบโกย ขาดการวางแผนบริหารจัดการ ในอนาคตอีกไม่ไกลเกาะพยามอาจเสียศูนย์เป็นปัญหาเหมือนกับแหล่งท่องเที่ยวรุ่นพี่ๆ ที่ถูกดาบ 2 คมทางการท่องเที่ยวฟันเป็นแผลรักษาไม่หายมาจนทุกวันนี้
น้ำกร่อย
บนพื้นที่น้ำกร่อยริมชายฝั่งที่มีทรัพยากรป่าชายเลนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ระนองมีป่าชายเลนสำคัญในระดับโลกอยู่นั่นก็คือ “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง” หรือ “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว” หรือที่เรียกสั้นๆว่า “ป่าชายเลนหงาว” ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย จนองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็น "พื้นที่สงวนชีวมณฑล ระนอง" ใน พ.ศ. 2540 (เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลประเภทป่าชายเลนแห่งแรกของโลก) และได้รับการวัลกินรีจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศดีเด่น ในปี พ.ศ. 2547
ป่าชายเลนหงาวมีพื้นที่นับแสนไร่ กระจายตัวบริเวณปากแม่น้ำกระบุรี ที่นี่มีเส้นทางท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติให้เลือกเที่ยวกัน 2 เส้นทาง
เส้นทางแรกเป็นเส้นทางนั่งเรือชมป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมภาพวิถีชีวิตชาวบ้านริมชายฝั่ง รวมถึงไฮไลต์อย่างโกงกางต้นยักษ์ที่มีอายุราว 200 ปี มีความสูงกว่า 25 เมตร มีเส้นรอบวงถึง 2 เมตร
อีกเส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 850 เมตร ไปตามสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวไปในผืนป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มากไปด้วยพืชพันธุ์ไม้และสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโกงกางต้นโตๆ ลำแพน โปรง ตะบูน ตาตุ่มทะเล ปลาตีน ปูก้ามดาบ ปูแสม นกนานาชนิด ลิง นาก รวมถึงสัตว์หายากอย่าง “แม่หอบ”
แม่หอบ (Mud Lobster หรือ Mangrove Lobster) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังรูปร่างคล้ายปูผสมกุ้ง บ้างก็ว่าคล้ายปูผสมกั้ง ลำตัวสีแดงเป็นปล้องๆคล้ายกั้ง ดูไกลๆคล้ายแมงป่อง อาศัยอยู่ตามผืนป่าชายเลน ด้วยการขุดรูและโกยดินขนดินขึ้นมาสร้างถมกันเป็นเนินสูง มีช่องทางเดินภายใน(คล้ายจอมปลวก) เรียกว่า “จอมหอบ”
ในประเทศไทยพบแม่หอบเฉพาะทางฝั่งอันดามัน สำหรับเหตุที่คนไทยเรียกเจ้าสัตว์ชนิดนี้ว่าแม่หอบ สันนิษฐานว่า เนื่องจากสมัยก่อนมีคนนำเนื้อของมันมาทำเป็นยารักษาหอบหืด บ้างก็ว่ามาจากลักษณะการหอบดินขึ้นมาทำจอมหอบของมัน ปัจจุบันเป็นสัตว์หายากที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
น้ำแร่
ระนองเป็นเมืองแห่งน้ำแร่ชื่อดังของไทย มีศักยภาพสูงทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทำสปาธรรมชาติ บำบัดเพื่อสุขภาพ
น้ำแร่ระนองปราศจากกลิ่นกำมะถัน ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดีติดอันดับต้นๆของโลก
ที่ระนองมีแหล่งน้ำแร่ตามธรรมชาติ(ที่ค้นพบ) ทั้งหมด 7 แห่ง ใครที่ชอบบ่อน้ำแร่ในบรรยากาศธรรมชาติ ขอแนะนำที่ “บ่อน้ำแร่พรรั้ง” บ่อน้ำแร่ที่กำลังมาแรง ซึ่งได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อน บำบัด ในบรรยากาศป่าเขา สายน้ำ ป่าไม้อันร่มรื่น ในบรรยากาศ “ออนเซ็น” แบบไทยๆ ที่ไม่ต้องแก้ผ้าตัวล่อนจ้อนลงไปแช่น้ำเหมือนที่ญี่ปุ่นหรือที่เกาหลี
บ่อน้ำแร่พรรั้ง ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.บางริ้น อ.เมือง มีอุณภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส แบ่งส่วนธารน้ำแร่ตามธรรมชาติ กับบ่อน้ำแร่ที่สร้างปรับแต่งขึ้นมา มีทั้งบ่อแช่ตัว แช่เท้า มีสะพาน มีเขื่อนหรือฝายน้ำล้น มีบ้านพักไว้บริการ และมีจุดเดินให้ศึกษาธรรมชาติ ซึ่งที่นี่เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพันธุ์ไม้แปลกหายากหลากหลาย โดยเฉพาะกับหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่เป็นตัวชูโรงของที่นี่
นอกจากนี้ที่บ่อน้ำแร่พรรั้งยังมี “สปาปลาบำบัด”ตามธรรมชาติ ในลำธารน้ำอุ่นบริเวณด้านหน้าให้นักท่องเที่ยวได้เดินนวดเท้ากับก้อนหินใต้น้ำและแช่เท้าให้เหล่าปลา(พลวง)ตัวน้อยมาตอดเท้าเพื่อสุขภาพกันแบบจั๊กกะจี้ จึ๊กกะดึ๋ย
จากบ่อน้ำแร่พรรั้ง มาถึงบ่อน้ำแร่ยอดฮิตประจำเมืองระนอง คือ “บ่อรักษะวาริน” ในสวนสาธารณะรักษะวาริน ที่อยู่ใจกลางเมือง
บ่อแห่งนี้ถือเป็นบ่อเก่าแก่สุดคลาสสิกที่รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานชื่อถนนสู่บ่อน้ำร้อนว่า “ถนนชลระอุ” ให้เมื่อครั้งที่เสด็จประพาสเมืองระนองในปี พ.ศ. 2433
บ่อรักษะวาริน ประกอบด้วย บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว แต่ละบ่อแสดงความร้อนในอุณหภูมิสูงถึง 65 องศาเซลเซียสออกมาด้วยไอควันที่โชยกรุ่น แต่ว่าก็เป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ที่ช่วยบำบัดและรักษาสุขภาพร่างกายได้เป็นอย่างดี
ทั้งบ่อน้ำแร่พรรั้งและรักษะวาริน เหมาะแก่การนั่งแช่น้ำพักผ่อนกายาให้สุขสมอารมณ์หมาย แต่มีข้อแม้ว่าอย่าแช่นาน ให้แช่ตามที่มีป้ายกำหนดไว้ เพราะน้ำแร่แช่นานเกินไปก็ไม่ดี นอกจากนี้ทั้ง 2 บ่อ ยังมีของกินน่าสนใจคือ “ไข่ต้มน้ำแร่” ที่ต้องใช้เวลาต้มนาน 10 กว่าชั่วโมง(ที่บ่อรักษะวารินมีการต้มไข่ไว้แล้ว ก่อนให้นักท่องเที่ยวนำมาแช่น้ำแร่ร้อนนิดหน่อยพอเป็นพิธี ก่อนนำไปรับประทาน) นับเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์เสริมของบ่อน้ำแร่ทั้งสองที่น่าลองลิ้มไม่น้อย
ลอง(ไป)นะ ระนอง
หากมีโอกาสได้แวะเวียนไประนอง จะลองไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติ 5 น้ำของเมืองนี้ก็นับเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะกับน้ำแร่ที่ถือเป็นไฮไลต์อันโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่นนั้นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สำหรับผมนอกจากเสน่ห์แห่ง 5 น้ำแล้ว ยังมีอีกน้ำหนึ่งที่สร้างความประทับใจในการเที่ยวระนองให้อยู่เสมอ นั่นก็คือ
“น้ำใจ”
***********************************************************
การเดินทางสู่ จ.ระนอง ล่าสุดมีสายการบินนกแอร์บินตรง กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)-ระนอง ทุกวัน นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของความสะดวกสบาย ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1318 หรือดูที่ www.nokair.com