xs
xsm
sm
md
lg

ชิมชา ชมซากุระ แอ่ว“ดอยแม่สลอง”...ต้องใจ งามตา/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
ดอยแม่สลองช่วงซากุระบาน
“สัมผัสเมฆหมอก ชมดอกซากุระบาน ตำนานชนเผ่า ไม้เมืองหนาวนานา ชิมชา อาหารอร่อย บนดอยแม่สลอง”

คำขวัญท่องเที่ยว “ดอยแม่สลอง” อีกหนึ่งดอยชื่อดังของเมืองไทยในจังหวัดเชียงราย ที่หน้าหนาวของแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปแอ่วดอยแม่สลองกันเป็นจำนวนมาก เพราะดอยแห่งนี้มีสิ่งน่าสนใจหลากหลาย ดังที่ปรากฏในคำขวัญ

ดอยแม่สลองจากอดีตถึงปัจจุบัน

ดอยแม่สลองในอดีตเป็นชุมชนของชาวจีนยูนนาน(จีนฮ่อ) ส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารจีนกองพล 93 สังกัดพรรคก๊กมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็ค ที่อพยพเข้ามาอยู่บนดอยแม่สลองตั้งแต่พ.ศ. 2504
ชุมชนบนดอยแม่สลอง
สมัยนั้นรัฐบาลไทยได้จัดสรรพื้นที่ให้กองกำลังของนายพลหลี่เหวินฝานไปอยู่ไปอยู่ที่ถ้ำง๊อบ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และให้ทหารในสังกัดนายพลต้วนซีเหวินประมาณ 15,000 คน มาอยู่บนดอยแม่สลองแหงนี้

ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 อดีตทหารจีนคณะชาติกลุ่มนี้ได้อาสาเข้าร่วมกับทหารไทยสู้รบกับคอมมิวนิสต์และผู้มีความคิดทางการเมืองที่แตกต่าง ณ บริเวณดอยหลวง ดอยยาว ดอยผาหม่น

หลังเหตุการณ์สงบรัฐบาลไทยเห็นถึงคุณงามความดีที่ทหารจีนกลุ่มนี้เสียสละเพื่อเมืองไทย ครม.จึงมีมติรับทหารจีนคณะชาติให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2515

ต่อมาในสมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มโครงการปลูกชาและปลูกสนสามใบ เพื่อทดแทนป่าชุมชนบนดอยแม่สลอง ทำให้ดอยแม่สลองเป็นที่รู้จักและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญนับแต่นั้นมา
แม่สลองดินแดนเลื่องชื่อเรื่องชา
พร้อมกันนี้ได้มีการตั้งชื่อใหม่ให้ชุมชนชาวจีนฮ่อที่นี่ว่า “บ้านสันติคีรี” ซึ่งหมายถึง หมู่บ้านอันเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่สงบสุข ดังคำในภาษาจีนที่ว่า “เหมย ซือ เล่อ” (เหมย แปลว่า สวยงาม, ซือ แปลว่า เรียบร้อย, เล่อ แปลว่า ความสงบสุข)

ปัจจุบันพื้นที่ดอยแม่สลอง อยู่ภายใต้การดูแลของ อบต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย ซึ่งเปิดพร้อมเสมอสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจที่จะขึ้นไปสัมผัสกับสิ่งที่น่าสนใจบนแผ่นดินดอยแห่งนี้
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติ
ตามรอยทหารจีนคณะชาติ

วีรกรรมของทหารจีนคณะชาติที่ร่วมรบกับทหารไทยนั้น ได้รับการจารึกไว้เป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะที่ดอยแม่สลองนั้นให้ความสำคัญมาก ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงได้จัดสร้าง “พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติ” ขึ้นเพื่อให้ผู้สนใจได้เรียนรู้ ได้ศึกษา และรับรู้ถึงเรื่องราวในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกออกแบบก่อสร้างและตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมจีน ด้านหน้าอนุสรณ์ฯ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นด้วยประติมากรรมรูปมือทองคำถือดอกบัว ส่วนตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ถัดไป ภายในจัดแสดงข้อมูลประวัติความเป็นมาของชุมชนแม่สลอง ประวัติของคณะทหารจีนคณะชาติ ความเหนื่อยยาก การตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย ป้ายวิญญาณของผู้ล่วงลับ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง มีการจัดแสดงภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ รูปภาพ และสิ่งสำคัญต่างๆอันน่าสนใจและทรงคุณค่าอื่นๆอีกหลากหลาย
อาคารพิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติ
อนึ่งการมาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติผมว่าหากเดินชมอย่างเดียวมันไม่ได้อรรถรสเท่ากับการมีเจ้าหน้าที่มานำอธิบาย ซึ่งเราจะได้ความรู้ เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยต่างๆเพิ่มขึ้นมาอีกมาก ที่สำคัญคือหลังจากที่ได้ฟังเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์หญิงคนหนึ่งเล่าให้ฟัง ผมได้รับความซาบซึ้งและความประทับใจติดตัวกลับมา โดยเฉพาะกับข้อความในอักษรจีนสีแดงเด่น 4 ตัว ที่อยู่ในห้องแรก “จิ้น จง เป้า กั๋ว” (รู้รักภักดี พลีชีพเพื่อชาติ) ที่เธออธิบายเป็นภาษาไทยว่า “ตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทยด้วยกำลังอย่างซื่อสัตย์”
อาคารป้ายวิญญาณผู้ล่วงลับ
นอกจากนี้เธอยังบอกว่าอยากให้คนไทยบางคนในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ได้รับรู้ถึงความจงรักภักดีของชาวจีนคณะชาติที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของในหลวง ว่าพวกเขานั้นรักและหวงแหนผืนแผ่นดินไทยไม่ต่างไปจากคนไทยส่วนใหญ่ แต่น่าแปลกที่มีคนไทยกลุ่มหนึ่งกลับไม่สำนึกรักในความเป็นชาติไทย ทั้งๆที่ประเทศนี้ให้คนพวกนั้นเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้

ฟังข้อความนี้แล้วเชื่อว่าบางคนสะอึก!!! หรือไม่ก็อาจมีบางคนที่คิดหาวิธีแบนแบบเหนือเมฆ 2 อยู่ก็เป็นได้
สุสานนายพล ต้วน ซี เหวิน
สำหรับอีกหนึ่งจุดที่เกี่ยวข้องกับวีรกรรมของทหารจีนคณะชาตินั่นก็คือ “สุสานนายพล ต้วน ซี เหวิน”

นายพล ต้วน ซี เหวิน หรือนายพลต้วน เป็นผู้นำทัพที่ 5 กองพล 93 ถือเป็นบุคคลสำคัญของชาวจีนที่นี่ ท่านเป็นผู้ก่อตั้งชุมชนชาวจีนแม่สลอง พัฒนาพื้นที่ให้ชาวบ้านมีความกินดีอยู่ดี จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเชียงราย ซึ่งชาวจีนทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวนมากต่างเคารพรักในคุณงามความดีของนายพลต้วน มีการเดินทางมาสักการะสุสานท่ายนายพลกันตลอดทั้งปี

อย่างวันที่ผมไปก็มีขบวนแรลลี่ชาวจีนที่ขับรถมาจากมาเลเซียนับสิบคันขึ้นมากราบไหว้ท่าน เห็นแล้วเป็นที่น่าประทับใจในความตั้งใจของคนเหล่านี้ที่ขับรถมาแต่ไกล
ไร่ชา ซากุระ บนเส้นทางสู่สุสานนายพลต้วน
สำหรับที่ตั้งของสุสานนายพลต้วนนั้นตั้งอยู่บนชัยภูมิที่ดีมาก อยู่ใจกลางเมืองห่างจากถนนหลักของหมู่บ้านสันติคีรีประมาณ 700 เมตร บนสุสานสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ฟากหนึ่งของหมู่บ้านได้เป็นอย่างดี

อ้อ...ในวันที่ผมไปแอ่วดอยแม่สลอง(เมื่อต้นปีที่แล้ว) เป็นช่วงที่ “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” ที่บริเวณสุสานกำลังออกดอกบานชมพูสะพรั่งพอดี นั่นจึงทำให้ในช่วงขากลับจากสุสาน ผมใช้เวลาแวะถ่ายรูปดอกซากุระริมทางอยู่นานพอสมควร ซึ่งต้นนางพญาเสือโคร่งที่นี่มีจุดเด่นตรงที่หลายๆต้นออกดอกพราวชมพูอยู่ริมไร่ชาที่ปลูกลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา

นับเป็นความงามที่สื่อถึงความเป็นดอยแม่สลองได้อย่างชัดเจน
พระบรมธาตุเจดีย์ ศรีครินทราสถิตมหาสันติคีรี
ไหว้พระธาตุเสริมมงคล

หลังสัมผัสกับงานสถาปัตยกรรมแบบจีนไปแล้ว ทีนี้เรามาไหว้พระธาตุเสริมสิริมงคลพร้อมสัมผัสกับงานพุทธศิลป์แบบไทยๆกันที่ “พระบรมธาตุเจดีย์ ศรีครินทราสถิตมหาสันติคีรี” ที่ตั้งอยู่บนยอดดอยบนระดับความสูง 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งสามารถมองเห็นเจดีย์องค์นี้ตั่งเด่นเป็นสง่าได้จากใจกลางชุมชน

พระธาตุเจดีย์องค์นี้มีบันได 700 กว่าขั้นให้ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเดินขึ้น ส่วนใครไม่เดิน ที่นี่มีรถยนต์ขึ้นถึงไปจอดอยู่ใกล้ๆกับองค์พระธาตุเจดีย์(แต่เป็นทางลาดชัน) ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง

เจดีย์ศรีครินทร์ฯ ก่อสร้างตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2539 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า ลักษณะเจดีย์มีฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูงประมาณ 30 เมตร ช่วงฐานเจดีย์ประดับกระเบื้องสีเทา มีซุ้มจระนำด้านละ 3 ซุ้ม เรือนธาตุประดับพระพุทธรูปยืนสี่ทิศ องค์ระฆังประดับแผ่นทองสลักลวดลาย ส่วนใกล้ๆกับองค์เจดีย์เป็นวิหารแบบล้านนาประยุกต์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
วิวดอยแม่สลองในมุมมองจากพระบรมธาตุเจดีย์
ที่เจดีย์แห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวชั้นดีของดอยแม่สลอง เพราะตั้งอยู่บนยอดดอยสูงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างอันกว้างไกลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าอันสวยงาม ขณะที่ยามสายหน่อยในวันอากาศเป็นใจก็จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกอันขาวโพลนลอยอ้อยอิ่งอยู่ทางทิศเหนือ นับเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจของดอยแม่สลองที่ใครหลายๆคนไม่ค่อยรู้กัน
ไร่ชาโชคจำเริญ
ชิมชา ชมซากุระ

หากมาแอ่วดอยแม่สลองแล้ว ไม่ได้จิบชา ชิมชา คนที่นี่เขาถือว่าเหมือนมาไม่ถึงดอยแม่สลอง เพราะที่นี่คือแหล่งปลูกชาที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆของเมืองไทย เพราะดอยแม่สลองมีสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกชา คือ มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และมีอากาศหนาวเย็น

สำหรับชาที่เป็นพระเอกของที่นี่ก็คือ “ชาอู่หลงก้านอ่อน” ซึ่งมีกลิ่นหอม มีรสชาติไม่แพ้ชาอูหลงของไต้หวัน ใครที่สนใจอยากซื้อชา ที่นี่เขามีขายทั่วไปตามร้านของของฝาก โดยมีทั้งชุดชงชา ถ้วยชา กาน้ำชา ให้เลือกสรรรวมถึงมีชาหลากรส หลายพันธุ์ให้เลือกซื้อหา
ไร่ชา ซากุระ จุดดึงดูดนักท่องเที่ยว
ส่วนใครที่อยากชมภาพอันสวยงามของไร่ชา ที่นี่ก็มีให้ชมกันทั่วไป หรือหากใครอยากไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ไร่ชาบางแห่งก็เปิดไร่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ อย่างไร่ชา “101”, “สวนชาโชคจำเริญ” เป็นต้น
ดอกนางพญาเสือโคร่งบานชมพูสะพรั่ง
นอกจากนี้ไร่ชาบางแห่งยังไม่ธรรมดาเพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง ถ่ายละครมาแล้วหลายเรื่องด้วยกัน ขณะที่ไร่ชาบางไร่ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ก็สวยงามน่ายลไปด้วยเสน่ห์ของดอยแม่สลอง เพราะมีต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูสะพรั่งอยู่ริมไร่ชา ดูโดดเด่นตัดกับสีเขียวสดของต้นชาที่ขึ้นลดหลั่นกว้างไกลไปตามไหล่เขา
อาหารจีนยูนนานมีให้เลือกกินหลายร้านที่ดอยแม่สลอง
หม่ำอาหารจีนยูนนาน

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งบนดอยแม่สลองที่ใครมาแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงนั่นก็คือ เรื่องของอาหารการกิน โดยอาหารที่เป็นสิ่งเชิดหน้าชูตา เป็นจุดขายของที่นี่ก็คือ อาหารจีนยูนยานที่เป็นรากดั้งเดิมของชาวชุมชนจีนที่นี่

อาหารจีนยูนนานมีให้เลือกหม่ำกันหลายร้านด้วยกัน ทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่ ร้านดัง ร้านไม่ดัง มีทั้งเป็นเซ็ทเมนูแบบรับทัวร์ หรือเลือกสั่งเป็นอย่างๆตามใจชอบ ซึ่งใครชอบแบบไหนก็เลือกหากันได้ตามใจชอบ
สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนได้จากร้านของฝากที่มีอยู่หลายร้าน
นอกจากนี้บนดอยแม่สลองยังมีของกินพื้นถิ่น ที่เป็นผลผลิตชุมชนได้แก่ พวกผลไม้เมืองหนาวอบแห้ง อาทิ ท้อ บ๊วย พลัม พุทรา พรุน เชอรี่ รวมถึง กาแฟ ไวน์พื้นถิ่น เครื่องยา ไว้ขายนักท่องเที่ยว โดยเกือบทุกร้านจะมีชาให้ชิมฟรี เช่นเดียวกับตามร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ที่ส่วนใหญ่มีบริการชาให้ชิมฟรี เพราะเป็นผลิตผลอันโดดเด่นของที่นี่

และด้วยรสมือการชงชาของลูกสาวแม่ค้าคนสวยที่ร้านแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ทำให้ผมหมดสตางค์ไปหลายกับสินค้าของฝากของร้านนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของดอยแม่สลอง ที่ขอเพียงได้แค่มองก็ยังดี
*****************************************

การเดินทางสู่ดอยแม่สลอง สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง

เส้นทางแรก (เส้นทางสายใหม่) ใช้ทางหลวงหมายเลข 10 จากตัวเมืองเชียงราย ไปทางอำเภอแม่จัน ระยะทาง 29 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1089 (แม่จัน-ท่าตอน) บริเวณหลัก กม.856 ก่อนถึงทางเข้าตัวอำเภอแม่จันเล็กน้อย ผ่านน้ำพุร้อนป่าตึง (กม.78) ลานทองวิลเลจ (ระหว่าง กม.73-74) ประมาณ 31 กิโลเมตร และกม.55 ให้เลี้ยวขวา ไปตามเส้นทางขึ้นดอยคดเคี้ยว ไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตรรวมระยะทาง 75 กิโลเมตร

เส้นทางที่สอง (เส้นทางสายเก่า) ใช้ทางหลวงหมายเลข 10 ผ่านอำเภอแม่จันประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางแม่สลอง เส้นทางสายนี้ค่อนข้างแคบและคดเคี้ยว ผ่านหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่างๆเป็นระยะๆ เมื่อถึงบ้านป่าเมี่ยง หลัก กม.10 จะเป็นสามแยกศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา ให้เลี้ยวซ้ายตามทางหลวง 1234 ระยะทาง 25 กิโลเมตร ผ่านบ้านอีก้อสามแยก ตรงหลัก กม.9 ให้เลี้ยวซ้ายไปอีก 16 กิโลเมตร

สำหรับดอกนางพญาเสือโคร่งที่ดอยแม่สลองช่วงนี้มีบานแล้วในบางพื้นที่ แต่ในตัวเมืองยังไม่บาน ซึ่งคาดว่าจะบานในช่วงปลาย ม.ค.-ต้น ก.พ. โดยผู้สนใจสามารถโทร.ไปสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวบนดอยแม่ลองได้ที่ อบต.แม่สลองนอก 0-5376-5129 หรือที่ ททท.สำนักงานเชียงราย โทร. 0-5371-7433, 0-5370-0051-2
 

กำลังโหลดความคิดเห็น