โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
“สัมผัสเมฆหมอก ชมดอกซากุระบาน ตำนานชนเผ่า ไม้เมืองหนาวนานา ชิมชา อาหารอร่อย บนดอยแม่สลอง”
คำขวัญท่องเที่ยว “ดอยแม่สลอง” อีกหนึ่งดอยชื่อดังของเมืองไทยในจังหวัดเชียงราย ที่หน้าหนาวของแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปแอ่วดอยแม่สลองกันเป็นจำนวนมาก เพราะดอยแห่งนี้มีสิ่งน่าสนใจหลากหลาย ดังที่ปรากฏในคำขวัญ
ดอยแม่สลองจากอดีตถึงปัจจุบัน
ดอยแม่สลองในอดีตเป็นชุมชนของชาวจีนยูนนาน(จีนฮ่อ) ส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารจีนกองพล 93 สังกัดพรรคก๊กมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็ค ที่อพยพเข้ามาอยู่บนดอยแม่สลองตั้งแต่พ.ศ. 2504
สมัยนั้นรัฐบาลไทยได้จัดสรรพื้นที่ให้กองกำลังของนายพลหลี่เหวินฝานไปอยู่ไปอยู่ที่ถ้ำง๊อบ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และให้ทหารในสังกัดนายพลต้วนซีเหวินประมาณ 15,000 คน มาอยู่บนดอยแม่สลองแหงนี้
ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 อดีตทหารจีนคณะชาติกลุ่มนี้ได้อาสาเข้าร่วมกับทหารไทยสู้รบกับคอมมิวนิสต์และผู้มีความคิดทางการเมืองที่แตกต่าง ณ บริเวณดอยหลวง ดอยยาว ดอยผาหม่น
หลังเหตุการณ์สงบรัฐบาลไทยเห็นถึงคุณงามความดีที่ทหารจีนกลุ่มนี้เสียสละเพื่อเมืองไทย ครม.จึงมีมติรับทหารจีนคณะชาติให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2515
ต่อมาในสมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มโครงการปลูกชาและปลูกสนสามใบ เพื่อทดแทนป่าชุมชนบนดอยแม่สลอง ทำให้ดอยแม่สลองเป็นที่รู้จักและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญนับแต่นั้นมา
พร้อมกันนี้ได้มีการตั้งชื่อใหม่ให้ชุมชนชาวจีนฮ่อที่นี่ว่า “บ้านสันติคีรี” ซึ่งหมายถึง หมู่บ้านอันเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่สงบสุข ดังคำในภาษาจีนที่ว่า “เหมย ซือ เล่อ” (เหมย แปลว่า สวยงาม, ซือ แปลว่า เรียบร้อย, เล่อ แปลว่า ความสงบสุข)
ปัจจุบันพื้นที่ดอยแม่สลอง อยู่ภายใต้การดูแลของ อบต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย ซึ่งเปิดพร้อมเสมอสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจที่จะขึ้นไปสัมผัสกับสิ่งที่น่าสนใจบนแผ่นดินดอยแห่งนี้
ตามรอยทหารจีนคณะชาติ
วีรกรรมของทหารจีนคณะชาติที่ร่วมรบกับทหารไทยนั้น ได้รับการจารึกไว้เป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะที่ดอยแม่สลองนั้นให้ความสำคัญมาก ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงได้จัดสร้าง “พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติ” ขึ้นเพื่อให้ผู้สนใจได้เรียนรู้ ได้ศึกษา และรับรู้ถึงเรื่องราวในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกออกแบบก่อสร้างและตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมจีน ด้านหน้าอนุสรณ์ฯ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นด้วยประติมากรรมรูปมือทองคำถือดอกบัว ส่วนตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ถัดไป ภายในจัดแสดงข้อมูลประวัติความเป็นมาของชุมชนแม่สลอง ประวัติของคณะทหารจีนคณะชาติ ความเหนื่อยยาก การตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย ป้ายวิญญาณของผู้ล่วงลับ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง มีการจัดแสดงภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ รูปภาพ และสิ่งสำคัญต่างๆอันน่าสนใจและทรงคุณค่าอื่นๆอีกหลากหลาย
อนึ่งการมาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติผมว่าหากเดินชมอย่างเดียวมันไม่ได้อรรถรสเท่ากับการมีเจ้าหน้าที่มานำอธิบาย ซึ่งเราจะได้ความรู้ เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยต่างๆเพิ่มขึ้นมาอีกมาก ที่สำคัญคือหลังจากที่ได้ฟังเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์หญิงคนหนึ่งเล่าให้ฟัง ผมได้รับความซาบซึ้งและความประทับใจติดตัวกลับมา โดยเฉพาะกับข้อความในอักษรจีนสีแดงเด่น 4 ตัว ที่อยู่ในห้องแรก “จิ้น จง เป้า กั๋ว” (รู้รักภักดี พลีชีพเพื่อชาติ) ที่เธออธิบายเป็นภาษาไทยว่า “ตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทยด้วยกำลังอย่างซื่อสัตย์”
นอกจากนี้เธอยังบอกว่าอยากให้คนไทยบางคนในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ได้รับรู้ถึงความจงรักภักดีของชาวจีนคณะชาติที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของในหลวง ว่าพวกเขานั้นรักและหวงแหนผืนแผ่นดินไทยไม่ต่างไปจากคนไทยส่วนใหญ่ แต่น่าแปลกที่มีคนไทยกลุ่มหนึ่งกลับไม่สำนึกรักในความเป็นชาติไทย ทั้งๆที่ประเทศนี้ให้คนพวกนั้นเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้
ฟังข้อความนี้แล้วเชื่อว่าบางคนสะอึก!!! หรือไม่ก็อาจมีบางคนที่คิดหาวิธีแบนแบบเหนือเมฆ 2 อยู่ก็เป็นได้
สำหรับอีกหนึ่งจุดที่เกี่ยวข้องกับวีรกรรมของทหารจีนคณะชาตินั่นก็คือ “สุสานนายพล ต้วน ซี เหวิน”
นายพล ต้วน ซี เหวิน หรือนายพลต้วน เป็นผู้นำทัพที่ 5 กองพล 93 ถือเป็นบุคคลสำคัญของชาวจีนที่นี่ ท่านเป็นผู้ก่อตั้งชุมชนชาวจีนแม่สลอง พัฒนาพื้นที่ให้ชาวบ้านมีความกินดีอยู่ดี จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเชียงราย ซึ่งชาวจีนทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวนมากต่างเคารพรักในคุณงามความดีของนายพลต้วน มีการเดินทางมาสักการะสุสานท่ายนายพลกันตลอดทั้งปี
อย่างวันที่ผมไปก็มีขบวนแรลลี่ชาวจีนที่ขับรถมาจากมาเลเซียนับสิบคันขึ้นมากราบไหว้ท่าน เห็นแล้วเป็นที่น่าประทับใจในความตั้งใจของคนเหล่านี้ที่ขับรถมาแต่ไกล
สำหรับที่ตั้งของสุสานนายพลต้วนนั้นตั้งอยู่บนชัยภูมิที่ดีมาก อยู่ใจกลางเมืองห่างจากถนนหลักของหมู่บ้านสันติคีรีประมาณ 700 เมตร บนสุสานสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ฟากหนึ่งของหมู่บ้านได้เป็นอย่างดี
อ้อ...ในวันที่ผมไปแอ่วดอยแม่สลอง(เมื่อต้นปีที่แล้ว) เป็นช่วงที่ “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” ที่บริเวณสุสานกำลังออกดอกบานชมพูสะพรั่งพอดี นั่นจึงทำให้ในช่วงขากลับจากสุสาน ผมใช้เวลาแวะถ่ายรูปดอกซากุระริมทางอยู่นานพอสมควร ซึ่งต้นนางพญาเสือโคร่งที่นี่มีจุดเด่นตรงที่หลายๆต้นออกดอกพราวชมพูอยู่ริมไร่ชาที่ปลูกลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา
นับเป็นความงามที่สื่อถึงความเป็นดอยแม่สลองได้อย่างชัดเจน
ไหว้พระธาตุเสริมมงคล
หลังสัมผัสกับงานสถาปัตยกรรมแบบจีนไปแล้ว ทีนี้เรามาไหว้พระธาตุเสริมสิริมงคลพร้อมสัมผัสกับงานพุทธศิลป์แบบไทยๆกันที่ “พระบรมธาตุเจดีย์ ศรีครินทราสถิตมหาสันติคีรี” ที่ตั้งอยู่บนยอดดอยบนระดับความสูง 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งสามารถมองเห็นเจดีย์องค์นี้ตั่งเด่นเป็นสง่าได้จากใจกลางชุมชน
พระธาตุเจดีย์องค์นี้มีบันได 700 กว่าขั้นให้ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเดินขึ้น ส่วนใครไม่เดิน ที่นี่มีรถยนต์ขึ้นถึงไปจอดอยู่ใกล้ๆกับองค์พระธาตุเจดีย์(แต่เป็นทางลาดชัน) ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง
เจดีย์ศรีครินทร์ฯ ก่อสร้างตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2539 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า ลักษณะเจดีย์มีฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูงประมาณ 30 เมตร ช่วงฐานเจดีย์ประดับกระเบื้องสีเทา มีซุ้มจระนำด้านละ 3 ซุ้ม เรือนธาตุประดับพระพุทธรูปยืนสี่ทิศ องค์ระฆังประดับแผ่นทองสลักลวดลาย ส่วนใกล้ๆกับองค์เจดีย์เป็นวิหารแบบล้านนาประยุกต์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
ที่เจดีย์แห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวชั้นดีของดอยแม่สลอง เพราะตั้งอยู่บนยอดดอยสูงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างอันกว้างไกลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าอันสวยงาม ขณะที่ยามสายหน่อยในวันอากาศเป็นใจก็จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกอันขาวโพลนลอยอ้อยอิ่งอยู่ทางทิศเหนือ นับเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจของดอยแม่สลองที่ใครหลายๆคนไม่ค่อยรู้กัน
ชิมชา ชมซากุระ
หากมาแอ่วดอยแม่สลองแล้ว ไม่ได้จิบชา ชิมชา คนที่นี่เขาถือว่าเหมือนมาไม่ถึงดอยแม่สลอง เพราะที่นี่คือแหล่งปลูกชาที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆของเมืองไทย เพราะดอยแม่สลองมีสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกชา คือ มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และมีอากาศหนาวเย็น
สำหรับชาที่เป็นพระเอกของที่นี่ก็คือ “ชาอู่หลงก้านอ่อน” ซึ่งมีกลิ่นหอม มีรสชาติไม่แพ้ชาอูหลงของไต้หวัน ใครที่สนใจอยากซื้อชา ที่นี่เขามีขายทั่วไปตามร้านของของฝาก โดยมีทั้งชุดชงชา ถ้วยชา กาน้ำชา ให้เลือกสรรรวมถึงมีชาหลากรส หลายพันธุ์ให้เลือกซื้อหา
ส่วนใครที่อยากชมภาพอันสวยงามของไร่ชา ที่นี่ก็มีให้ชมกันทั่วไป หรือหากใครอยากไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ไร่ชาบางแห่งก็เปิดไร่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ อย่างไร่ชา “101”, “สวนชาโชคจำเริญ” เป็นต้น
นอกจากนี้ไร่ชาบางแห่งยังไม่ธรรมดาเพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง ถ่ายละครมาแล้วหลายเรื่องด้วยกัน ขณะที่ไร่ชาบางไร่ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ก็สวยงามน่ายลไปด้วยเสน่ห์ของดอยแม่สลอง เพราะมีต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูสะพรั่งอยู่ริมไร่ชา ดูโดดเด่นตัดกับสีเขียวสดของต้นชาที่ขึ้นลดหลั่นกว้างไกลไปตามไหล่เขา
หม่ำอาหารจีนยูนนาน
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งบนดอยแม่สลองที่ใครมาแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงนั่นก็คือ เรื่องของอาหารการกิน โดยอาหารที่เป็นสิ่งเชิดหน้าชูตา เป็นจุดขายของที่นี่ก็คือ อาหารจีนยูนยานที่เป็นรากดั้งเดิมของชาวชุมชนจีนที่นี่
อาหารจีนยูนนานมีให้เลือกหม่ำกันหลายร้านด้วยกัน ทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่ ร้านดัง ร้านไม่ดัง มีทั้งเป็นเซ็ทเมนูแบบรับทัวร์ หรือเลือกสั่งเป็นอย่างๆตามใจชอบ ซึ่งใครชอบแบบไหนก็เลือกหากันได้ตามใจชอบ
นอกจากนี้บนดอยแม่สลองยังมีของกินพื้นถิ่น ที่เป็นผลผลิตชุมชนได้แก่ พวกผลไม้เมืองหนาวอบแห้ง อาทิ ท้อ บ๊วย พลัม พุทรา พรุน เชอรี่ รวมถึง กาแฟ ไวน์พื้นถิ่น เครื่องยา ไว้ขายนักท่องเที่ยว โดยเกือบทุกร้านจะมีชาให้ชิมฟรี เช่นเดียวกับตามร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ที่ส่วนใหญ่มีบริการชาให้ชิมฟรี เพราะเป็นผลิตผลอันโดดเด่นของที่นี่
และด้วยรสมือการชงชาของลูกสาวแม่ค้าคนสวยที่ร้านแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ทำให้ผมหมดสตางค์ไปหลายกับสินค้าของฝากของร้านนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของดอยแม่สลอง ที่ขอเพียงได้แค่มองก็ยังดี
*****************************************
การเดินทางสู่ดอยแม่สลอง สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง
เส้นทางแรก (เส้นทางสายใหม่) ใช้ทางหลวงหมายเลข 10 จากตัวเมืองเชียงราย ไปทางอำเภอแม่จัน ระยะทาง 29 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1089 (แม่จัน-ท่าตอน) บริเวณหลัก กม.856 ก่อนถึงทางเข้าตัวอำเภอแม่จันเล็กน้อย ผ่านน้ำพุร้อนป่าตึง (กม.78) ลานทองวิลเลจ (ระหว่าง กม.73-74) ประมาณ 31 กิโลเมตร และกม.55 ให้เลี้ยวขวา ไปตามเส้นทางขึ้นดอยคดเคี้ยว ไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตรรวมระยะทาง 75 กิโลเมตร
เส้นทางที่สอง (เส้นทางสายเก่า) ใช้ทางหลวงหมายเลข 10 ผ่านอำเภอแม่จันประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางแม่สลอง เส้นทางสายนี้ค่อนข้างแคบและคดเคี้ยว ผ่านหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่างๆเป็นระยะๆ เมื่อถึงบ้านป่าเมี่ยง หลัก กม.10 จะเป็นสามแยกศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา ให้เลี้ยวซ้ายตามทางหลวง 1234 ระยะทาง 25 กิโลเมตร ผ่านบ้านอีก้อสามแยก ตรงหลัก กม.9 ให้เลี้ยวซ้ายไปอีก 16 กิโลเมตร
สำหรับดอกนางพญาเสือโคร่งที่ดอยแม่สลองช่วงนี้มีบานแล้วในบางพื้นที่ แต่ในตัวเมืองยังไม่บาน ซึ่งคาดว่าจะบานในช่วงปลาย ม.ค.-ต้น ก.พ. โดยผู้สนใจสามารถโทร.ไปสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวบนดอยแม่ลองได้ที่ อบต.แม่สลองนอก 0-5376-5129 หรือที่ ททท.สำนักงานเชียงราย โทร. 0-5371-7433, 0-5370-0051-2
“สัมผัสเมฆหมอก ชมดอกซากุระบาน ตำนานชนเผ่า ไม้เมืองหนาวนานา ชิมชา อาหารอร่อย บนดอยแม่สลอง”
คำขวัญท่องเที่ยว “ดอยแม่สลอง” อีกหนึ่งดอยชื่อดังของเมืองไทยในจังหวัดเชียงราย ที่หน้าหนาวของแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปแอ่วดอยแม่สลองกันเป็นจำนวนมาก เพราะดอยแห่งนี้มีสิ่งน่าสนใจหลากหลาย ดังที่ปรากฏในคำขวัญ
ดอยแม่สลองจากอดีตถึงปัจจุบัน
ดอยแม่สลองในอดีตเป็นชุมชนของชาวจีนยูนนาน(จีนฮ่อ) ส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารจีนกองพล 93 สังกัดพรรคก๊กมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็ค ที่อพยพเข้ามาอยู่บนดอยแม่สลองตั้งแต่พ.ศ. 2504
สมัยนั้นรัฐบาลไทยได้จัดสรรพื้นที่ให้กองกำลังของนายพลหลี่เหวินฝานไปอยู่ไปอยู่ที่ถ้ำง๊อบ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และให้ทหารในสังกัดนายพลต้วนซีเหวินประมาณ 15,000 คน มาอยู่บนดอยแม่สลองแหงนี้
ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 อดีตทหารจีนคณะชาติกลุ่มนี้ได้อาสาเข้าร่วมกับทหารไทยสู้รบกับคอมมิวนิสต์และผู้มีความคิดทางการเมืองที่แตกต่าง ณ บริเวณดอยหลวง ดอยยาว ดอยผาหม่น
หลังเหตุการณ์สงบรัฐบาลไทยเห็นถึงคุณงามความดีที่ทหารจีนกลุ่มนี้เสียสละเพื่อเมืองไทย ครม.จึงมีมติรับทหารจีนคณะชาติให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2515
ต่อมาในสมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มโครงการปลูกชาและปลูกสนสามใบ เพื่อทดแทนป่าชุมชนบนดอยแม่สลอง ทำให้ดอยแม่สลองเป็นที่รู้จักและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญนับแต่นั้นมา
พร้อมกันนี้ได้มีการตั้งชื่อใหม่ให้ชุมชนชาวจีนฮ่อที่นี่ว่า “บ้านสันติคีรี” ซึ่งหมายถึง หมู่บ้านอันเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่สงบสุข ดังคำในภาษาจีนที่ว่า “เหมย ซือ เล่อ” (เหมย แปลว่า สวยงาม, ซือ แปลว่า เรียบร้อย, เล่อ แปลว่า ความสงบสุข)
ปัจจุบันพื้นที่ดอยแม่สลอง อยู่ภายใต้การดูแลของ อบต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย ซึ่งเปิดพร้อมเสมอสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจที่จะขึ้นไปสัมผัสกับสิ่งที่น่าสนใจบนแผ่นดินดอยแห่งนี้
ตามรอยทหารจีนคณะชาติ
วีรกรรมของทหารจีนคณะชาติที่ร่วมรบกับทหารไทยนั้น ได้รับการจารึกไว้เป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะที่ดอยแม่สลองนั้นให้ความสำคัญมาก ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงได้จัดสร้าง “พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติ” ขึ้นเพื่อให้ผู้สนใจได้เรียนรู้ ได้ศึกษา และรับรู้ถึงเรื่องราวในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกออกแบบก่อสร้างและตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมจีน ด้านหน้าอนุสรณ์ฯ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นด้วยประติมากรรมรูปมือทองคำถือดอกบัว ส่วนตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ถัดไป ภายในจัดแสดงข้อมูลประวัติความเป็นมาของชุมชนแม่สลอง ประวัติของคณะทหารจีนคณะชาติ ความเหนื่อยยาก การตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย ป้ายวิญญาณของผู้ล่วงลับ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง มีการจัดแสดงภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ รูปภาพ และสิ่งสำคัญต่างๆอันน่าสนใจและทรงคุณค่าอื่นๆอีกหลากหลาย
อนึ่งการมาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติผมว่าหากเดินชมอย่างเดียวมันไม่ได้อรรถรสเท่ากับการมีเจ้าหน้าที่มานำอธิบาย ซึ่งเราจะได้ความรู้ เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยต่างๆเพิ่มขึ้นมาอีกมาก ที่สำคัญคือหลังจากที่ได้ฟังเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์หญิงคนหนึ่งเล่าให้ฟัง ผมได้รับความซาบซึ้งและความประทับใจติดตัวกลับมา โดยเฉพาะกับข้อความในอักษรจีนสีแดงเด่น 4 ตัว ที่อยู่ในห้องแรก “จิ้น จง เป้า กั๋ว” (รู้รักภักดี พลีชีพเพื่อชาติ) ที่เธออธิบายเป็นภาษาไทยว่า “ตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทยด้วยกำลังอย่างซื่อสัตย์”
นอกจากนี้เธอยังบอกว่าอยากให้คนไทยบางคนในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ได้รับรู้ถึงความจงรักภักดีของชาวจีนคณะชาติที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของในหลวง ว่าพวกเขานั้นรักและหวงแหนผืนแผ่นดินไทยไม่ต่างไปจากคนไทยส่วนใหญ่ แต่น่าแปลกที่มีคนไทยกลุ่มหนึ่งกลับไม่สำนึกรักในความเป็นชาติไทย ทั้งๆที่ประเทศนี้ให้คนพวกนั้นเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้
ฟังข้อความนี้แล้วเชื่อว่าบางคนสะอึก!!! หรือไม่ก็อาจมีบางคนที่คิดหาวิธีแบนแบบเหนือเมฆ 2 อยู่ก็เป็นได้
สำหรับอีกหนึ่งจุดที่เกี่ยวข้องกับวีรกรรมของทหารจีนคณะชาตินั่นก็คือ “สุสานนายพล ต้วน ซี เหวิน”
นายพล ต้วน ซี เหวิน หรือนายพลต้วน เป็นผู้นำทัพที่ 5 กองพล 93 ถือเป็นบุคคลสำคัญของชาวจีนที่นี่ ท่านเป็นผู้ก่อตั้งชุมชนชาวจีนแม่สลอง พัฒนาพื้นที่ให้ชาวบ้านมีความกินดีอยู่ดี จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเชียงราย ซึ่งชาวจีนทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวนมากต่างเคารพรักในคุณงามความดีของนายพลต้วน มีการเดินทางมาสักการะสุสานท่ายนายพลกันตลอดทั้งปี
อย่างวันที่ผมไปก็มีขบวนแรลลี่ชาวจีนที่ขับรถมาจากมาเลเซียนับสิบคันขึ้นมากราบไหว้ท่าน เห็นแล้วเป็นที่น่าประทับใจในความตั้งใจของคนเหล่านี้ที่ขับรถมาแต่ไกล
สำหรับที่ตั้งของสุสานนายพลต้วนนั้นตั้งอยู่บนชัยภูมิที่ดีมาก อยู่ใจกลางเมืองห่างจากถนนหลักของหมู่บ้านสันติคีรีประมาณ 700 เมตร บนสุสานสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ฟากหนึ่งของหมู่บ้านได้เป็นอย่างดี
อ้อ...ในวันที่ผมไปแอ่วดอยแม่สลอง(เมื่อต้นปีที่แล้ว) เป็นช่วงที่ “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” ที่บริเวณสุสานกำลังออกดอกบานชมพูสะพรั่งพอดี นั่นจึงทำให้ในช่วงขากลับจากสุสาน ผมใช้เวลาแวะถ่ายรูปดอกซากุระริมทางอยู่นานพอสมควร ซึ่งต้นนางพญาเสือโคร่งที่นี่มีจุดเด่นตรงที่หลายๆต้นออกดอกพราวชมพูอยู่ริมไร่ชาที่ปลูกลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา
นับเป็นความงามที่สื่อถึงความเป็นดอยแม่สลองได้อย่างชัดเจน
ไหว้พระธาตุเสริมมงคล
หลังสัมผัสกับงานสถาปัตยกรรมแบบจีนไปแล้ว ทีนี้เรามาไหว้พระธาตุเสริมสิริมงคลพร้อมสัมผัสกับงานพุทธศิลป์แบบไทยๆกันที่ “พระบรมธาตุเจดีย์ ศรีครินทราสถิตมหาสันติคีรี” ที่ตั้งอยู่บนยอดดอยบนระดับความสูง 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งสามารถมองเห็นเจดีย์องค์นี้ตั่งเด่นเป็นสง่าได้จากใจกลางชุมชน
พระธาตุเจดีย์องค์นี้มีบันได 700 กว่าขั้นให้ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเดินขึ้น ส่วนใครไม่เดิน ที่นี่มีรถยนต์ขึ้นถึงไปจอดอยู่ใกล้ๆกับองค์พระธาตุเจดีย์(แต่เป็นทางลาดชัน) ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง
เจดีย์ศรีครินทร์ฯ ก่อสร้างตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2539 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า ลักษณะเจดีย์มีฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูงประมาณ 30 เมตร ช่วงฐานเจดีย์ประดับกระเบื้องสีเทา มีซุ้มจระนำด้านละ 3 ซุ้ม เรือนธาตุประดับพระพุทธรูปยืนสี่ทิศ องค์ระฆังประดับแผ่นทองสลักลวดลาย ส่วนใกล้ๆกับองค์เจดีย์เป็นวิหารแบบล้านนาประยุกต์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
ที่เจดีย์แห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวชั้นดีของดอยแม่สลอง เพราะตั้งอยู่บนยอดดอยสูงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างอันกว้างไกลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าอันสวยงาม ขณะที่ยามสายหน่อยในวันอากาศเป็นใจก็จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกอันขาวโพลนลอยอ้อยอิ่งอยู่ทางทิศเหนือ นับเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจของดอยแม่สลองที่ใครหลายๆคนไม่ค่อยรู้กัน
ชิมชา ชมซากุระ
หากมาแอ่วดอยแม่สลองแล้ว ไม่ได้จิบชา ชิมชา คนที่นี่เขาถือว่าเหมือนมาไม่ถึงดอยแม่สลอง เพราะที่นี่คือแหล่งปลูกชาที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆของเมืองไทย เพราะดอยแม่สลองมีสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกชา คือ มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และมีอากาศหนาวเย็น
สำหรับชาที่เป็นพระเอกของที่นี่ก็คือ “ชาอู่หลงก้านอ่อน” ซึ่งมีกลิ่นหอม มีรสชาติไม่แพ้ชาอูหลงของไต้หวัน ใครที่สนใจอยากซื้อชา ที่นี่เขามีขายทั่วไปตามร้านของของฝาก โดยมีทั้งชุดชงชา ถ้วยชา กาน้ำชา ให้เลือกสรรรวมถึงมีชาหลากรส หลายพันธุ์ให้เลือกซื้อหา
ส่วนใครที่อยากชมภาพอันสวยงามของไร่ชา ที่นี่ก็มีให้ชมกันทั่วไป หรือหากใครอยากไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ไร่ชาบางแห่งก็เปิดไร่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ อย่างไร่ชา “101”, “สวนชาโชคจำเริญ” เป็นต้น
นอกจากนี้ไร่ชาบางแห่งยังไม่ธรรมดาเพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง ถ่ายละครมาแล้วหลายเรื่องด้วยกัน ขณะที่ไร่ชาบางไร่ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ก็สวยงามน่ายลไปด้วยเสน่ห์ของดอยแม่สลอง เพราะมีต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูสะพรั่งอยู่ริมไร่ชา ดูโดดเด่นตัดกับสีเขียวสดของต้นชาที่ขึ้นลดหลั่นกว้างไกลไปตามไหล่เขา
หม่ำอาหารจีนยูนนาน
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งบนดอยแม่สลองที่ใครมาแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงนั่นก็คือ เรื่องของอาหารการกิน โดยอาหารที่เป็นสิ่งเชิดหน้าชูตา เป็นจุดขายของที่นี่ก็คือ อาหารจีนยูนยานที่เป็นรากดั้งเดิมของชาวชุมชนจีนที่นี่
อาหารจีนยูนนานมีให้เลือกหม่ำกันหลายร้านด้วยกัน ทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่ ร้านดัง ร้านไม่ดัง มีทั้งเป็นเซ็ทเมนูแบบรับทัวร์ หรือเลือกสั่งเป็นอย่างๆตามใจชอบ ซึ่งใครชอบแบบไหนก็เลือกหากันได้ตามใจชอบ
นอกจากนี้บนดอยแม่สลองยังมีของกินพื้นถิ่น ที่เป็นผลผลิตชุมชนได้แก่ พวกผลไม้เมืองหนาวอบแห้ง อาทิ ท้อ บ๊วย พลัม พุทรา พรุน เชอรี่ รวมถึง กาแฟ ไวน์พื้นถิ่น เครื่องยา ไว้ขายนักท่องเที่ยว โดยเกือบทุกร้านจะมีชาให้ชิมฟรี เช่นเดียวกับตามร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ที่ส่วนใหญ่มีบริการชาให้ชิมฟรี เพราะเป็นผลิตผลอันโดดเด่นของที่นี่
และด้วยรสมือการชงชาของลูกสาวแม่ค้าคนสวยที่ร้านแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ทำให้ผมหมดสตางค์ไปหลายกับสินค้าของฝากของร้านนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของดอยแม่สลอง ที่ขอเพียงได้แค่มองก็ยังดี
*****************************************
การเดินทางสู่ดอยแม่สลอง สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง
เส้นทางแรก (เส้นทางสายใหม่) ใช้ทางหลวงหมายเลข 10 จากตัวเมืองเชียงราย ไปทางอำเภอแม่จัน ระยะทาง 29 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1089 (แม่จัน-ท่าตอน) บริเวณหลัก กม.856 ก่อนถึงทางเข้าตัวอำเภอแม่จันเล็กน้อย ผ่านน้ำพุร้อนป่าตึง (กม.78) ลานทองวิลเลจ (ระหว่าง กม.73-74) ประมาณ 31 กิโลเมตร และกม.55 ให้เลี้ยวขวา ไปตามเส้นทางขึ้นดอยคดเคี้ยว ไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตรรวมระยะทาง 75 กิโลเมตร
เส้นทางที่สอง (เส้นทางสายเก่า) ใช้ทางหลวงหมายเลข 10 ผ่านอำเภอแม่จันประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางแม่สลอง เส้นทางสายนี้ค่อนข้างแคบและคดเคี้ยว ผ่านหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่างๆเป็นระยะๆ เมื่อถึงบ้านป่าเมี่ยง หลัก กม.10 จะเป็นสามแยกศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา ให้เลี้ยวซ้ายตามทางหลวง 1234 ระยะทาง 25 กิโลเมตร ผ่านบ้านอีก้อสามแยก ตรงหลัก กม.9 ให้เลี้ยวซ้ายไปอีก 16 กิโลเมตร
สำหรับดอกนางพญาเสือโคร่งที่ดอยแม่สลองช่วงนี้มีบานแล้วในบางพื้นที่ แต่ในตัวเมืองยังไม่บาน ซึ่งคาดว่าจะบานในช่วงปลาย ม.ค.-ต้น ก.พ. โดยผู้สนใจสามารถโทร.ไปสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวบนดอยแม่ลองได้ที่ อบต.แม่สลองนอก 0-5376-5129 หรือที่ ททท.สำนักงานเชียงราย โทร. 0-5371-7433, 0-5370-0051-2