xs
xsm
sm
md
lg

หลงเสน่ห์ “ปางอุ๋ง-บ้านรักไทย” เดินเล่นไหว้พระในเมือง "แม่ฮ่องสอน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทิวสนคู่กับอ่างเก็บน้ำในปางอุ๋ง
พอถึงช่วงหน้าหนาว สถานที่หนึ่งที่ “ตะลอนเที่ยว” มักจะนึกอยากไปเยือนอยู่บ่อยครั้งก็คือเมืองแม่ฮ่องสอน เพราะติดใจในบรรยากาศของเมืองในหุบเขาอันเงียบสงบ อุดมด้วยศิลปวัฒนธรรมอันงดงาม และยังมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ไปเยือนแม่ฮ่องสอนสมกับที่ตั้งใจ จึงอยากมาชวนทุกคนให้ไปเที่ยวด้วยกัน

ที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน “ตะลอนเที่ยว” เริ่มต้นเส้นทางท่องเที่ยวที่ “ปางอุ๋ง” หรือชื่อเรียกเต็มๆ ว่า “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” โครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี ที่ทรงเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่า มีกองกำลังต่างๆ มีการขนส่ง ปลูกพืชเสพติด และบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอ พระองค์จึงมีพระราชดำริให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยบริเวณนั้นให้อยู่เป็นชุมชน และพัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีพระราชประสงค์สร้างความมั่นคงแนวชายแดน พัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้นและฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืนตลอดไป
มุมถ่ายรูปยอดนิยม
จนในวันนี้ปางอุ๋งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีภูมิทัศน์อันงดงาม ภายในอ่างเก็บน้ำอันสงบนิ่งมีหงส์สีขาวสีดำว่ายวนอย่างสง่างาม ในเช้าที่อากาศหนาวเย็น สายหมอกจะลอยเรี่ยผิวน้ำ เมื่อกระทบกับแสงแดดสีทองดูแล้วงดงามเหมือนฝัน รอบอ่างเก็บน้ำยังล้อมรอบไปด้วยป่าสนสองใบและสนสามใบลำต้นเพรียวชะลูดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า บวกกับอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี และยังใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนแค่ราวๆ 2 ช.ม. เท่านั้นเอง ทำให้ปางอุ๋งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของแม่ฮ่องสอน
ทิวทัศน์โดยรอบอ่างเก็บน้ำ
ถ้ามีเวลา “ตะลอนเที่ยว” ก็อยากให้ลองค้างที่ปางอุ๋งอย่างน้อยหนึ่งคืนเพื่อสัมผัสบรรยากาศให้เต็มที่ ไม่ว่าจะกางเต็นท์พักแรมใต้ทิวสนริมอ่างเก็บน้ำ หรือจองบ้านพักของทางโครงการฯ นอกจากนั้นบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจให้ไปเที่ยวชมกัน ไม่ว่าจะเป็น “บ้านรวมไทย” หมู่บ้านซึ่งเป็นที่ตั้งของปางอุ๋งนั่นเอง ชุมชนหมู่บ้านรวมไทยตั้งอยู่บริเวณทางเข้าโครงการฯ ปางอุ๋ง และแทบทุกบ้านยังเปิดเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวพัก รวมทั้งยังเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกพร้อมสรรพ สามารถเดินเล่นเดินชม ทักทายพูดคุยกับชาวบ้านที่เป็นมิตรได้
บ้านเรือนริมอ่างเก็บน้ำบ้านรักไทย
หรือจะเดินทางไปอีกไม่ไกล มาที่ “บ้านรักไทย” หมู่บ้านชาวจีนยูนนานหรือจีนฮ่อชุดเดียวกับกองพล 93 (ก๊กมินตั๋ง) ที่อพยพมาอยู่เมืองไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่บ้านรักไทยนี้ก็มีทัศนียภาพที่งดงามไม่แพ้ปางอุ๋ง เพียงแต่คนละสไตล์ จุดที่เหมือนกันก็คือมีอ่างเก็บน้ำใหญ่กลางหมู่บ้าน รอบๆ อ่างเก็บน้ำมีบ้านเรือนปลูกสร้างในสไตล์จีน คือเป็นบ้านดินชั้นเดียวที่สร้างอย่างเรียบง่าย ส่วนใหญ่มุงหลังคาด้วยใบตองตึง บ้านดินนั้นนอกจากจะดูน่ารักแล้วยังอยู่สบายเพราะถ้าอากาศหนาวข้างในบ้านจะอุ่น แต่ถ้าอากาศร้อนข้างในจะเย็นสบาย
มีบ้านพักและไร่ชาอยู่ด้านบนเขาที่บ้านรักไทย
บ้านเรือนริมอ่างเก็บน้ำบางหลังเป็นที่อยู่อาศัย บางหลังเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้าพัก และส่วนใหญ่แล้วจะเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร โดยเจ้าของร้านก็จะตกแต่งวาดลวดลายหน้าร้านของตนเองด้วยสีสันสดใส บ้างวาดเป็นต้นไม้ดอกไม้ บ้างเขียนเป็นลวดลายแบบจีนสวยงาม “ตะลอนเที่ยว” เดินชมร้านขายชาและอุปกรณ์การชง ที่แม้จะตั้งใจแค่แวะเข้าไปชมแต่ก็ได้ชิมชาหอมกรุ่นจนติดใจต้องซื้อติดมือกลับไป นอกจากนั้นส่วนมากในร้านก็ยังมีผลไม้ดอง ผลไม้อบแห้ง ของที่ระลึก เสื้อผ้ารองเท้าที่รับมาจากจีนให้เลือกช้อปกันด้วย
เธอคนนี้กำลังวาดดอกไม้สีสดใสลงบนผนังบ้านดิน
แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่มาที่บ้านรักไทยแล้วมักจะไม่พลาดก็คือการชิมอาหารจีนยูนนานที่มีของขึ้นชื่ออย่างขาหมู-หมั่นโถ หมูพันปี ไก่ตุ๋นยาจีน ยำใบชาสด และสารพันของน่ากินที่เสิร์ฟมาเต็มโต๊ะจีน ถึงเวลานี้เรื่องคอเลสเตอรอลอะไรก็ต้องพักไว้ก่อนเพราะหน้าตาอาหารมันช่างยั่วยวนให้ชิม อิ่มแล้วตบท้ายด้วยชาร้อนๆ อีกหนึ่งกา เป็นอันว่าได้มาถึงหมู่บ้านรักไทยโดยสมบูรณ์
ฝูงแกะน่ารักที่พระตำหนักปางตอง
อีกหนึ่งจุดที่ “ตะลอนเที่ยว” ไม่อยากให้พลาดชมก็คือ "พระตำหนักปางตอง" ในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงปางตอง ซึ่งอยู่ก่อนถึงปางอุ๋ง จะแวะเที่ยวขาไปหรือขากลับก็ได้ตามสะดวก ภายในพื้นที่แบ่งเป็นหลายโซน มีทั้งการทำเกษตรกรรมอย่างการปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาว และการเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นแกะหรือม้า ซึ่งเจ้าแกะขนปุยนี่เองที่เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือน เพราะทางศูนย์การเลี้ยงแกะภายในโครงการฯ ได้จัดแกะอ้วนๆ ตัวขาวๆ (โดนจับอาบน้ำ) ออกมาไว้รับแขก ให้นักท่องเที่ยวได้อุ้มหรือจูงถ่ายรูป ป้อนอาหาร ซึ่งลูกแกะเด็กๆ นั้นก็ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง ใครได้ลองสัมผัสก็เป็นต้องหลงรักขนนุ่มๆ ตัวอุ่นๆ และแววตาไร้เดียงสาของมัน
พระธาตุดอยกองมูในสายหมอก
เที่ยวชมธรรมชาติรอบนอกตัวเมืองไปแล้วก็ถึงเวลาเข้าเมืองกันเสียที มาเยือนจังหวัดแม่ฮ่องสอนครั้งใด สิ่งที่ “ตะลอนเที่ยว” ไม่เคยพลาดก็คือการมาเดินเล่นชมบรรยากาศและตระเวนไหว้พระตามวัดต่างๆ ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนซึ่งมีอยู่มากมาย และงดงามไปด้วยศิลปวัฒนธรรมตามแบบไทยใหญ่ (กลุ่มชนเผ่าซึ่งเป็นประชากรหลักในจังหวัดแม่ฮ่องสอน) ซึ่งมีลักษณะของพุทธศิลป์และฝีมือเชิงช่างอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างหนึ่งที่สังเกตได้ก็คืออุโบสถหรือวิหารจะมีหลังคาซ้อนหลายชั้นลดหลั่นกันลงมา ชายคาและหน้าจั่วประดับไม้แกะสลักและสังกะสีฉลุอันประณีตอ่อนช้อย รวมไปถึงพระพุทธรูปก็มักเป็นศิลปะแบบไทยใหญ่
วัดก้ำก่อ วัดเก่าแก่ในเมืองแม่ฮ่องสอน
วัดที่เป็นดังศูนย์รวมศรัทธาของคนเมืองแม่ฮ่องสอนก็คือ “วัดพระธาตุดอยกองมู” ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขากลางเมืองแม่ฮ่องสอน ในวัดมีพระธาตุองค์สำคัญคือพระธาตุดอยกองมู เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง แต่มี 2 องค์ด้วยกัน พระธาตุองค์ใหญ่ (องค์แรก) สร้างในปี 2403 โดยจองต่องสู่ ใช้เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระที่นำมาจากพม่า ส่วนพระธาตุองค์เล็ก (องค์หลัง) สร้างในปี พ.ศ. 2417 โดยพระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก ตรงมุมทั้งสี่ของฐานพระธาตุประดับด้วยสิงห์ปูนปั้น ส่วนที่ฐานประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิด “ตะลอนเที่ยว” ขึ้นไปบนดอยกองมูตั้งแต่เช้าตรู่ จึงได้เห็นหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ ได้บรรยากาศโรแมนติก และจากด้านบนก็สามารถชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมได้ด้วย
พระนอนองค์งามที่วัดพระนอน
ไหว้พระธาตุดอยกองมูเสร็จ ลงมาที่เชิงเขาก็จะพบวัดงามอีก 3 แห่ง คือ “วัดก้ำก่อ” วัดเก่าแก่คู่เมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีพระพุทธรูปศิลปะไทยใหญ่-พม่า อันสวยงามให้สักการบูชา อีกทั้งยังมีศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ ให้กราบไหว้กันด้วย ส่วน “วัดพระนอน” ก็งดงามด้วยพระพุทธรูปปางไสยาสน์ความยาว 12 ม. ศิลปะไทยใหญ่ มีพุทธลักษณะงดงาม พระพักตร์หวาน ดูอิ่มบุญ และทางวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ มีโบราณวัตถุน่าสนใจอยู่หลายชิ้นด้วยกัน และ “วัดม่วยต่อ” ก็มีพระพุทธรูปทองเหลืองศิลปะพม่าอันงดงามเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
วัดจองกลาง-วัดจองคำ ริมหนองจองคำ
“ตะลอนเที่ยว” ปิดท้ายการไหว้พระที่วัดคู่แฝด คือ “วัดจองกลาง” และ “วัดจองคำ” ซึ่งตั้งอยู่คู่กันริมหนองจองคำ หนองน้ำใหญ่ใจกลางเมือง โดยวัดจองกลางจะมีสัญลักษณ์ให้สังเกตคือ มีเจดีย์องค์ใหญ่ฐานสีขาว ประดับยอดสีทองงดงามตั้งอยู่ด้านหน้าของวัด เจดีย์องค์นี้สร้างเสร็จในปี 2458 สร้างโดยช่างชาวไทยใหญ่ เป็นรูปทรงจุฬามณี มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมมีมุข 4 ด้าน มีสิงห์ด้านละ 1 ตัว ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนั้นวัดจองกลางยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปวัตถุอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบุษบก พระไม้ ตุ๊กตาแกะสลัก ภาพวาดบนแผ่นกระจก และโบราณวัตถุล้ำค่าอีกมาก

ส่วนวัดจองคำนั้นเป็นวัดเก่าแก่ ว่ากันว่าเป็นวัดแห่งแรกๆ ในเมืองแม่ฮ่องสอน สร้างขึ้นในปี 2370 มีความโดดเด่นตรงหลังคาวัดเป็นรูปปราสาทซ้อน 9 ชั้น พร้อมองค์ประกอบเป็นงานฉลุสังกะสีประดับประดาอย่างสวยงาม ภายในวัดประดิษฐานหลวงพ่อโต พระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงาม พระพักตร์หวานอมยิ้มเล็กน้อย ได้เข้ามากราบท่านแล้วรู้สึกสบายใจ
บรรยากาศสบายๆ ริมหนองจองคำ
ไหว้พระเสร็จแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ออกเดินช้าๆ ไปรอบๆ หนองจองคำ สูดทั้งอากาศและบรรยากาศอันสงบเรียบง่ายของเมืองแม่ฮ่องสอน ในช่วงแดดร่มลมตกอย่างนี้ รอบๆ หนองจองคำมีชาวเมืองออกมานั่งเล่น เดินเล่น พักผ่อนและวิ่งออกกำลังกันหลายคน น่าอิจฉาคนเมืองแม่ฮ่องสอนที่มีเมืองน่าอยู่ วัดสวยๆ อากาศดีๆ แบบนี้ ทำให้ “ตะลอนเที่ยว” รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มาเยือน


*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 


สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 0 5361 2982 - 3, 0 5361 2984

โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ตั้งอยู่ที่บ้านรวมไทย ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ ประมาณ 44 กม. ส่วนหมู่บ้านรักไทย ตั้งอยู่ ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เช่นเดียวกัน

การเดินทางสู่บ้านรวมไทย-บ้านรักไทย จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ไปตามทางหลวงหมายเลข 1095 (แม่ฮ่องสอน-ปาย) ประมาณ 15 กม. จะถึงทางแยกบ้านกุงไม้สัก (มีป้ายบอกทางไปภูโคลน) ให้เลี้ยวซ้ายไป เมื่อผ่านพระตำหนักปางตอง จะถึงแยกบ้านนาป่าแปก หากไปทางซ้ายอีก 6 ก.ม. จะเป็นบ้านรวมไทยหรือปางอุ๋ง และหากไปทางขวาอีก 6 ก.ม.จะเป็นบ้านรักไทย

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น