xs
xsm
sm
md
lg

พญานาค-กบดอย-ซากุระ-ชา-กาแฟ ฯลฯ... “ดอยช้าง-วาวี” มีดีเพียบ/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
ดอยวาวีเคยเป็นพื้นที่ที่มีไร่นางพญาเสือโคร่งแหล่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
“เสือโคร่ง” เป็นสัตว์เจ้าป่า

แต่ “นางพญาเสือโคร่ง” เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง

ต้นไม้ชนิดนี้จัดอยู่ในสกุลเดียวกับบ๊วย ท้อ พลัม รวมถึงซากุระ พบในที่สูงอากาศหนาวเย็น ดอกของนางพญาเสือโคร่งยามบานมีสีชมพู คล้ายดอกซากุระ จึงได้รับการเขียนขานว่า “ซากุระเมืองไทย” ซึ่งในช่วง 4-5 ปีมานี้ คนฮิตไปเที่ยวชมความงามของดอกซากุระเมืองไทยบานกันมาก

สำหรับจุดชมซากุระที่เด่นๆในบ้านเรา เดี๋ยวนี้มีร่วมๆ 10 แห่งเห็นจะได้ โดยหนึ่งในนั้นก็คือที่ “ดอยวาวี” สถานที่ที่เคยได้ชื่อว่า มีไร่ซากุระ(ปลูก)มากที่สุดในเมืองไทยนับแสนต้น

นอกจากนี้ดอยวาวียังมีของดีให้สัมผัสเที่ยวชม ชิม ช้อป กันอีกมากมาย ซึ่งผมขอพาคุณผู้อ่านโลดแล่นขึ้นดอยไปสัมผัสกับสิ่งที่น่าสนใจบนดินแดนดอยแห่งนี้กัน
อาข่า ชนเผ่าที่มีมากที่สุดที่วาวี
วาวี มีชารสเลิศ

ดอยวาวี ตั้งอยู่ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย บนดอยวาวีมีชนเผ่าอาศัยอยู่ 13 ชนเผ่าอย่างสมานฉันท์ อาทิ อาข่า(มีอยู่เยอะที่สุด) มูเซอ ลีซอ เย้า กะเหรี่ยง จีนฮ่อ และเผ่าอื่นๆ นั่นจึงทำให้ดอยแห่งนี้มีวัฒนธรรมและประเพณี การแต่งกาย บ้านเรือน และภาษา ของแต่ละชนเผ่าที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากใครไปถูกช่วงจังหวะที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองของเผ่าต่างๆก็จะได้สัมผัสกับวิถีวัฒนธรรมประเพณีอันน่าตื่นตาตื่นใจ

ที่ดอยวาวีมีศูนย์กลางอยู่ที่ บ้านวาวี ต.วาวี ที่นี่เดิมเป็นหมู่บ้านของชาวจีนยูนนาน(จีนฮ่อ) ของทหารกองทัพที่ 5 สังกัดกองพล 93 ที่อพยพเข้ามาอยู่เชียงรายรุ่นๆเดียวกับที่ดอยแม่สลอง
ไร่ปลูกลดหลั่นไปตามไหล่เขาที่ดอยวาวี
หมู่บ้านวาวีมีโดดเด่นในเรื่องของชา มีทั้งชาพันธุ์พื้นเมืองสายพันธุ์ "อัสสัม" ชาพันธุ์ไต้หวัน ชิงชิง เบอร์ 12, 13 รวมถึงชาพันธุ์“อู่หลง” ซึ่งดอยวาวีถือเป็นแห่งแรกของเมืองไทยที่ได้ริเริ่มปลูกชาพันธุ์นี้ขึ้น โดยคุณลุงพังโก : พินิจ พิทักษ์วารี ผู้หลงใหลในรสชาติของชาอู่หลง ได้แอบลักลอบนำชาอู่หลงพันธุ์ดีจากไต้หวันเข้ามาปลูกในเมืองไทยเมื่อราวๆเกือบ 40 ปีที่แล้ว คุณลุงใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่ 8 ปี จึงตกผลึกพัฒนามาเป็นชาอู่หลงแบบไทยๆที่ให้รสชาติยอดเยี่ยมสูสีกับชาวอู่หลงรสต้นตำรับที่ไต้หวัน ก่อนที่ชาพันธุ์นี้จะกระจายไปปลูกในที่อื่นๆ

ที่หมู่บ้านวาวีมีชาให้เลือกชิม ช้อป อยู่ทั่วไปหลากหลายร้าน ร้านส่วนใหญ่จะมีการเรียกลูกค้าด้วยการชงชาให้ชิมฟรี ใครถูกใจก็ซื้อกลับไป ด้านใครที่อยากชมไร่ชาที่นี่ก็มีไร่ชาให้ชมกันทั่วไป โดยชาวบ้านจะปลูกเรียงรายลดหลั่นกันไปตามไหล่เขาดูสวยงาม
บ้านเรือนชาว้ขาแบบดั้งเดิมยังมีให้ชมในพื้นที่ดอยช้าง-วาวี
นอกจากที่นี่ยังมีต้น "ชาพันปี" ที่บ้านใหม่พัฒนาเป็นอีกหนึ่งจุดดึงดูดทางการท่องเที่ยว ชาต้นนี้มีขนาดใหญ่วัดเส้นรอบวงบริเวณโคนต้นได้ 150 เซนติเมตร สูงกว่า 20 เมตร เป็นชาสายพันธุ์อัสสัมที่ขึ้นเองตามธรรมชาติบนดอยวาวีมาช้านานแล้ว ชาวบ้านนิยมนำใบมาทำ "เมี่ยง" กินสร้างความกระชุ่มกระชวย

สำหรับชาแล้วถือเป็นหนึ่งในของดีของดายวาวีที่ใครขึ้นแอ่วดอยวาวีไปแล้ว ไม่ได้จิบชา ชิมชา ถือว่าไปไม่ถึง
มุมหนึ่งของรูปพรรณสัณฐานดอยช้าง
ดอยช้าง ไม่เคยร้างเสน่ห์

ดอยวาวีเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาผีปันน้ำตะวันตกอันสลับซับซ้อน ดอยวาวีมีดอยย่อยสำคัญลูกหนึ่งชื่อว่า “ดอยช้าง” ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของพื้นที่ดอยวาวีแห่งนี้ ซึ่งคนที่นั่นบอกว่าเหตุที่ดอยแห่งนี้ชื่อนี้ เพราะมีรูปพรรณสัณฐานดูคล้ายช้างสองแม่ลูกหมอบอยู่

บนดอยช้างมี “ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย(วาวี)” เป็นไฮไลท์ ที่นี่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง อากาศหนาวเย็นตลอดปี มีที่พัก ที่กางเต็นท์ มีการตกแต่งภูมิทัศน์ จัดสวนอย่างสวยงาม ชนิดเรียกชัตเตอร์ของผู้รักการถ่ายภาพได้หลายช็อต
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย(วาวี)
ศูนย์วิจัยฯ วาวี เป็นแหล่งทดลองวิจัยพืชสวนอุตสาหกรรมหลากหลาย ชนิด อาทิ มะคาเดเมีย ท้อ บ๊วย พลัม สตรอเบอร์รี่ พลับ และไม้ดอกเมืองหนาวต่างๆ อาทิ ดอกกระดาษ ป๊อบปี้ พิทูเนีย ซัลเซีย บิโกเนีย ลำโพงขาว กุหลาบพันปี ฯลฯ อีกทั้งยังมีว่านสี่ทิศหลายสายพันธุ์ ทั้งสีแดง ชมพู รวมไปถึงดาวเด่นแห่งศูนย์นั่นก็คือกาแฟพันธุ์อะราบิก้า ที่ขึ้นชื่อลือชาในแบรนด์ “กาแฟดอยช้าง

กาแฟดอยช้างมีมีกลิ่นหอมกรุ่นให้รสชาติเข้มข้นถึงใจ ใครที่เป็นคอกาแฟรสเข้มไม่น่าพลาด
ซากุระเมืองไทยบานสะพรั่งบริเวณศูนย์วิจัยฯ
สำหรับไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของพื้นที่แห่งนี้นั่นก็คือ ต้นนางพญาเสือโคร่งที่มีปลุกอยู่ทั่วบริเวณศูนย์ รวมไปถึงริมสองข้างทาง ไล่ขึ้นไปจนถึงที่จุดวิวบนยอดดอย ซึ่งเดิมพื้นที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย บางข้อมูลว่ากว่า 2 แสนต้น บ้างก็ว่ามีมากกว่า 4 แสนต้น เลยทีเดียว
ดอกนางพญาเสือโคร่งดอยวาวี แม้โดนแบคทีเรีย แต่ก็ยังมีให้ชมอยู่ไม่น้อย
แต่น่าเสียดายตรงที่ปัจจุบันประชากรซากุระเมืองไทยร่อยหรอไปมาก เพราะโดนแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อเรียกย๊ากยาก คือ “อโกร แบคทีเรีย ทูมีฟาเซียส” กิน ทำให้เหลืออยู่แค่หลักหมื่นที่สามารถผลิดอกสีชมพูสดใสออกมาอวดโฉมยามหน้าหนาวได้

พี่ที่ศูนย์วิจัยได้บอกกับผมว่าพวกเขาได้พยายามปลูกนางพญาเสือโคร่งทดแทนทุกปี งานนี้คงต้องดูกันต่อไปว่า ดอยวาวีจะกลับมาครองตำแหน่งแชมป์แหล่งต้นซากุระมากที่สุดของเมืองไทยได้หรือไม่(ปัจจุบันแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่มากที่สุดอยู่ที่ ภูโลมโล จ.เลย)
ดอกบ๊วยบานชูช่อขาวสะพรั่ง
อย่างไรก็ดีแม้จะมีในระดับหลักหมื่น แต่หากไปถูกจังหวะถูกช่วงที่ซากุระพร้อมใจกันออกดอกผลิบาน ก็ยังคงดูสวยชวนเพริศแพร้วคุ้มค่าต่อการฝ่าฟันความยากลำบากขึ้นไปอยู่ดี

อ้อ ที่นี่ยังมีดอกบ๊วยสีขาวที่บานสะพรั่งให้ชมกัน ต้นบ๊วยแม้ชื่อของมันจะฟังดูไม่ดี ใครก็อยากได้ตำแหน่งนี้ แต่ดอกของมันยามเบ่งบานสะพรั่งสวยใช่ย่อย มองไกลคล้ายดอกซากุระสีขาว(บ๊วยกับซากุระเป็นพืชตระกูลเดียวกัน)จนหลายๆคนเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าดอกบ๊วยเป็นดอกซากุระขาวไปเสียฉิบ
พุทธอุทยานกับป่าไผ่ต้นเดี่ยว
ในพื้นที่ศูนย์วิจัยฯยังมีไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งนั่นก็คือ “พุทธอุทยาน” ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อันสงบร่มรื่น อุดมไปด้วยไม้นานาพันธุ์ มีสวนไผ่ต้นเดี่ยวที่นำพันธุ์มาจากเมืองจีน(ไผ่บ้านเรามีแต่พันธุ์ขึ้นเป็นกอ) ให้เดินสัมผัสในบรรยากาศแบบหนังจีนกำลังภายในที่มีจอมยุทธ์ต่อสู้กันในป่าไผ่ต้นเดียวแบบนี้

ในพุทธอุทยานยังมีแท่นศิลาศักด์สิทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสมเด็จพระพุทธสิกขี ที่เจ้าหน้าที่ในศูนย์และชาวบ้านในละแวกนี้ให้ความเคารพศรัทธา
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ นิ่งใสดุจกระจกเงา
ใจกลางพุทธอุทยานมี “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” เป็นบ่อน้ำตามธรรมชาติที่ มีน้ำเย็นใสสะอาดไหลเย็นฉ่ำตลอดทั้งปีไม่เคยเหือดแห้ง คนที่นี่เชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีตำนานเล่าขานว่าถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2400 โดยชาวเขาที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยช้าง ได้เห็นประกายแสงพุ่งวาบขึ้นสู่ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกหมู่บ้าน และเกิดเป็นประจำในคืนวันเพ็ญ(15 ค่ำ) ชาวบ้านจึงออกค้นหาพบบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็น 1 ใน 9 แห่ง ที่เคยใช้ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาฯ ซึ่งนอกจากตำนานการค้นพบแล้ว ยังมีตำนานความเชื่อลี้ลับเล่าว่า เคยมีชาวบ้านมาจับปลาที่นี่ไปเผา ปรากฏว่าปลาตายที่โดนจับไปเผา พอจะหยิบมากินกับกลายเป็นปลาเป็นดิ้นหนีไป จากนั้นพอตกเย็นชาวบ้านที่จับปลาก็เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้ยังมีเล่าว่ามีคนเคยเห็นคล้ายๆงูใหญ่ที่นี่ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็น “พญานาค
กบดอยช้าง
ด้วยตำนานเรื่องต่างๆเหล่านี้ จึงมีการทำบ่อลูกเป็นบ่อพักย่อยให้ผู้คนที่ผ่านมาตักน้ำมาล้างหน้าล้างตา ลูบเนื้อลูบตัว เสริมสิริมงคลให้ชีวิต

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงมีตำนานอันน่าพิศวงเท่านั้น แต่ยังมีความสวยงามใส นิ่ง ยามโดนแสงยามเย็นจะสะท้อนเงาเหมือนกระจกดูสวยงาม นอกจากนี้ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ยังมีอีกหนึ่งของดีดอยช้างให้ชวนค้นหานั่นก็คือ “กบดอยช้าง” ที่มีจุดเด่นคือตัวใหญ่ ลำตัวตัวมีแถบข้างสีเหลือง ซึ่งแม้มันจะร้องระงมลั่นป่า แต่ว่าหาตัวมันยากชะมัด ต้องซุ่ม แอบรออยู่นิ่งๆ จนมีกบหลงบางตัวโผล่ขึ้นมาให้ผมได้กดชัตเตอร์กันแบบรัวไม่ยั้ง
รูปเคารพท้าวมหาราชทั้ง 4
ในพุทธอุทยานยังมีนกหลากหลายชนิด มีต้นซากุระให้ชมดอก มีสัตว์เล็กอย่าง กระแต กระรอก มีศาลากลางน้ำ มีรูปเคารพท้าวมหาราชทั้ง 4 ให้สักการะ ซึ่งยามเมื่อมาเดินที่นี่แล้วจิตใจผมพลอยสงบเยือกเย็นตามบรรยากาศอันสงบร่มรื่นอย่างเห็นได้ชัด
สวนสวยบริเวณด้านล่างจุดชมวิว
ส่งตะวัน-รับตะวัน

แม่เหล็กสำคัญอีกอย่างหนึ่งบนดอยช้าง คือจุดชมวิว ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,450 เมตร จุดชมวิวดอยช้างเป็นเนินชันมีการจัดแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม ปลูกไม้ดอกไม้ประดับสร้างสีสันตามจุดต่างๆดูสวยงาม อีกทั้งยังมีการสร้างศาลาไว้ให้นักพักนั่งชมวิว ซึ่งในช่วงหน้าหนาวจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเฝ้ารอสัมผัสกับภาพตะวันลับฟ้าบนนี้กันไม่น้อยเลย
ทิวทัศน์ยามเย็นเมื่อมองจากจุดชมวิวดอยช้าง
นอกจากจุดส่งตะวันแล้ว ดอยวาวีก็มีจุดรับตะวันยามเช้าอยู่ที่ “ดอยกาดผี” แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน

ดอยกาดผีเป็นดอยย่อยลูกหนึ่งของดอยช้าง มีความสูงประมาณ 1,500 เมตร บนดอยมีลานโล่งให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปกางเต็นท์นอนได้จำนวนหนึ่ง
ดอยกาดผี
แม้ดอยกาดผีจะขึ้นลำบากต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถ 2 แถวในพื้นที่ที่ชำนาญ แต่ที่นี่ถือเป็นจุดชมวิว จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และจุดชมทะเลหมอกชั้นดี ซึ่งบรรยากาศแต่ละวันก็แตกต่างกันไป ตามสภาพภูมิอากาศ
แสงแรกแย้มยามเช้าที่ดอบกาดผี
และนี่ก็คือเสน่ห์ของดอยวาวี-ดอยช้าง ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีของสวยๆงามๆ ของดีๆในนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกันเพียบ ดินแดนดอยแห่งนี้แม้จะอยู่ในพื้นที่ยิ่งสูงยิ่งหนาว

แต่ว่าก็เป็นความสูงและความหนาวที่มากไปด้วยเสน่ห์อันชวนหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
*****************************************

ดอยวาวีอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 85 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2ชม. จากตัวเมืองเชียงรายไปตามทางหลวงหมายเลข 118 ถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ แยกขวาไปตามถนนสายบ้านตีนดอย-บ้านใหม่หมอกจ๋าม ผ่านเขื่อนแม่สรวย ขึ้นสู่ดอยวาวี เส้นทางมีสภาพค่อนข้างคดเคี้ยว แต่เป็นถนนลาดยางตลอดเส้นทาง รถยนต์ทุกประเภทสามารถเดินทางได้

ส่วนการเดินทางสู่ดอยช้าง ใช้เส้นทางไปดอยวาวี แต่เลี้ยวขวาที่บ้านห้วยไคร้ประมาณ 8 กม. ก็จะถึงดอยช้าง เส้นทางสู่ดอยช้างและในพื้นที่ดอยช้างเป็นถนนคอนกรีตค่อนข้างแคบ บางช่วงชันมาก ต้องขับด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวบริการสู่ดอยวาวี-ดอยช้างที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่สรวยทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00น.

ดอยกาดผี ตั้งอยู่ในวนอุทยานดอยกาดผี มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,650 เมตร จากดอยวาวีเดินทางจากบ้านเลาลีไปทางทิศเหนือประมาณ 4 กม. ถึงแยกบ้านห้วยชมพูแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางบ้านปากกิ่วอีกประมาร 6 กม. จะพบทางขึ้นสู่วนอุทยานฯ ดอยกาดผี (ทางขึ้นเหมาะสำหรับรถกระบะ รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถ 2 แถวในพื้นที่)

ผู้สนใจสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวดอยวาวี-ดอยช้าง เพิ่มเติมได้ที่ อบต.วาวี โทร. 0-5360-5950 หรือที่ 0-530-8932, 0-5360-5932

หมายเหตุ : ดอกพญาเสือโคร่งในปีนี้ ทาง ททท.เชียงรายแจ้งว่าบานช้ากว่าปกติ อาจบานเต็มที่ในช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือต้นเดือน ก.พ.

 

กำลังโหลดความคิดเห็น