xs
xsm
sm
md
lg

ดินแดนแห่งขุนเขา อากาศดี มีไม่ไกล ประเทศเราก็มี “สวิสเมืองเหนือ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แปลงพืชผลการเกษตรบนดอยอ่างขาง
“สวิตเซอร์แลนด์” ดินแดนที่ใครก็อยากสัมผัส อากาศบริสุทธิ์เย็นสบายทิวทัศน์ที่งดงาม ไม่ว่าใครๆก็อยากจะได้ไปเชยชม บรรยากาศแบบนั้น แต่ในบางครั้งทุนทรัพย์อาจจะมีไม่เพียงพอ แต่ถ้าบอกว่าไทยแลนด์แดนสยามของเราก็มีสถานที่น่าเที่ยวที่อุดมไปด้วยขุนเขา อากาศอันพิสุทธิ์ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการท่องเที่ยว

ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นดินแดนแห่งขุนเขา มีวิวทิวทัศน์สวยงาม หลายๆแห่งในบ้านเรา ได้ถูกนำไปเปรียบกับสวิตเซอร์แลนด์ และได้รับการขนานนามให้เป็น “สวิตเซอร์แลนด์แดนสยาม” หรือ “สวิสเมืองไทย” ที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศตั้งแต่เหนือจรดใต้

แต่สำหรับในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ ภาคเหนือถือเป็นดินแดนที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปสัมผัสกับบรรยากาศแห่งขุนเขาและอากาศหนาวเหน็บกันเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าในบรรดาสถานที่เด่นๆในภาคเหนือนั้น ย่อมมีดินแดนที่ได้ฉายาว่า “สวิสเมืองไทย” รวมอยู่ด้วย

และนี่ก็คือ“สวิสเมืองเหนือ” หรือ “สวิตเซอร์แลนด์แดนเหนือ” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งในทางเลือกของการท่องเที่ยวในบ้านเรา ซึ่งจะมีที่ไหนขอเชิญทัศนากันได้
สวนแปดสิบ ไฮไลท์แห่งดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง

ออกสตาร์ทกันที่ ”ดอยอ่างขาง”หรือ "โครงการหลวงอ่างขาง” จ.เชียงใหม่ แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงามของต้นไม้ดอกไม้ที่ตกแต่งประดับประดาอยู่ในสวน ในแปลงปลูก และความงามของพืชพรรณตามธรรมชาติ และยังมีผักผลไม้เมืองหนาวให้เลือกซื้อหาได้ตามชอบ ด้วยความงามที่ได้กล่าวมานั้น จึงทำให้ “ดอยอ่างขาง”นี้ได้รับ ฉาย “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” เป็นแห่งแรก

ดอยอ่างขาง เป็นที่ตั้งของ “สถานที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง” โครงการหลวงแห่งแรกของเมืองไทยใต้พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงเปลี่ยนสภาพจากภูเขาที่เคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นและถูกตัดไม้ทำลายป่า มาเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ภายในสถานีแห่งนี้ได้รับการพัฒนามาร่วม 40 ปี จนเกิดเป็นดินแดนอันสวยงามกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงหน้าหนาว ประกอบด้วยจุดท่องเที่ยวเด่นๆ อาทิ สวนแปดสิบ ชนิด สวนกุหลาบอังกฤษ สวนรับเสด็จ อาคารไม้ดอกเมืองหนาว สวนบอนไซ โรงเรือนแปลงกุหลาบ ต้นซากุระเมืองไทย(พญาเสือโคร่ง)

นอกจากนี้ยังมีแปลงไม้ผลเมืองหนาว เช่น ท้อ บ๊วย พลัม สตรอเบอร์รี่ สาลี่ ราสเบอรี่ รวมไปถึงดอกไม้เมืองหนาวมากมากมาน ชนิด อาทิ คาร์เนชั่น กุหลาบ แอสเตอร์ เบญจมาศ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินยลโฉมความงดงามและสัมผัสอากาศเย็นสบายไปพร้อมๆกัน เป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจยิ่งนัก หรือจะจับจ่ายซื้อผลิตผลตามฤดูกาลที่ปลูกในโครงการฯ กลับไปเป็นของฝากติดไม้ติดมือ กลับบ้านกันก็ได้
ปางอุ๋งยามเช้า
ปางอุ๋ง

ต่อกันที่ด้วย “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” จ.แม่ฮ่องสอน หรือที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีในนาม “ปางอุ๋ง” ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างความมั่งคงให้ชายแดน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านแถบนั้น เส้นทางคดเคี้ยวของแนวเทือกเขาริมราชแดนที่ไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

พื้นที่ปางอุ๋ง มีลักษณะเด่น เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำเป็นทิวสนที่ปลูกเรียงรายกัน ท่ามกลางขุนเขาที่แวดล้อม ในช่วงหน้าหนาว ยามเช้าตรู่ ม่านหมอกเหนือทะเลสาบจะลอยอ้อยอิ่งหยอกล้อกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ค่อยๆแย้มกลีบเมฆส่องแสงสีทองอร่าม ก่อนจะค่อยๆทวีความแรงกล้าขึ้น นับเป็นภาพที่ตราตรึงและสร้างความประทับใจ ทำให้ปางอุ๋งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในช่วงฤดูหนาว จนได้ฉายาว่าเป็นหนึ่งใน “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย”
ทะเลสาบ ทิวสน มนต์เสน่ห์แห่งปางอุ๋ง
เขาค้อ-น้ำหนาว

อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ที่มีเทือกเขาทอดตัวตระหง่าน ก็เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ พร้อมกับเป็นพื้นที่แห่งเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่จารึกไว้เมื่อครั้งอดีต ณ สถานที่แห่งนี้ก็ได้รับฉายาว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย”อีกแห่งหนึ่ง

ด้วยความงดงามของเทือกเขาเพชรบูรณ์หนึ่งในขุนเขาแห่งประเทศไทย ลักษณะภูมิประเทศเขตภูเขาและอากาศที่ยังคงความความสะอาดบริสุทธิ์ ภูมิอากาศที่เย็นตลอดทั้งปีและค่อนข้างเย็นมากในฤดูหนาว และแหล่งชมทะเลหมอกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ในบริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก พระตำหนักเขาค้อ จึงทำให้ “เขาค้อ” เป็นแหล่งท่องเที่ยวในลำดับต้นๆ ที่มีการกล่าวถึงในการมาพักตากอากาศ

ไม่ไกลจากเขาค้อ เป็นที่ตั้งของ “อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว” ซึ่งด้วยฤดูการที่ผันแปรตามกาลเวลาจึงทำให้เกิด ปรากฏการณ์ป่าเปลี่ยนสี ผืนป่าสีเขียมชุ่มชื่นและงดงาม พอถึงช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ยามเมื่อลมหนาวได้เริ่มพัดผ่านมายังพื้นที่แห่งนี้ ผืนป่าสีเขียวก็จะเริ่มผลัดใบเป็นสีเหลือง สีส้มและสีแดง กลายเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก และด้วยธรรมชาติที่ยังคงงดงามอยู่จึงทำให้บริเวณนี้มีอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ พร้อมกับอากาศที่เย็นสบายตลอดปี จึงทำให้พื้นที่อุทยานฯน้ำหนาวนี้ ก็ได้รับฉายายกให้เป็นหนึ่งใน “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย”
บรรยากาศยามเย็นที่เขาค้อ
นันทบุรี

ปิดท้ายกันที่น้องใหม่มาแรง นั่นก็คือ “อ.นันทบุรี” อำเภอน้องใหม่ของ จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับสมญานามว่าสวยงามดัง “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย”

นันทบุรี มีความงดงามของธรรมชาติให้ชมในมุมสูงบนยอดดอย โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ “ดอยม่อนจอง” หรือดอยหัวสิงห์ ซึ่งความงดงามของยอดดอยต่างๆ ทิวทัศน์ทุ่งหญ้าตามแนวสันเขายาวสุดสายตาจดขอบฟ้า และที่แเห่งนี้ก็เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของกวางผาหรือม้าเทวดา สัตว์ป่าสงวนฯที่ใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงความงดงามของหลากหลายพืชพรรณ โดยเฉพาะดอกกุหลาบพันปีสีแดงสด โดยมีต้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ก็อยู่ที่นี่และในฤดูหนาวยังสามารถมาสัมผัสกับน้ำค้างแข็งได้อีกด้วย

สำหรับ อ.นันทบุรี เดิมเป็นพื้นที่ของ ตำบลม่อนจอง ตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2555 สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงมติเห็นชอบจัดตั้งอำเภอนันทบุรี เป็นอำเภอที่ 26 จังหวัดเชียงใหม่

พื้นที่บริเวณนี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1000 เมตร เป็นพื้นที่ป่าฝนพร้อมกับมีธรรมชาติสวยงามอยู่รายล้อม จึงเป็นสวรรค์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยและหลงใหลในธรรมชาติ ที่ยังคงรักษามนต์เสน่ห์เอาไว้อย่างสมบูรณ์
ดอยม่อนจอง (ภาพ : www.sbayura.com)
และนั่นก็คือเสน่ห์ของธรรมชาติของดินแดนที่อุดมไปด้วยขุนเขา ป่าไม้ อากาศอันพิสุทธิ์ และวิวทิวทัศน์อันงดงาม จนได้รับการยกย่องให้เป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” แห่งดินแดนภาคเหนือ ซึ่งสถานที่แต่ละแห่งต่างก็มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป รอคอยให้ผู้สนใจเดินทางไปเที่ยวชม สัมผัสในความงาม

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

นอกจาก “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” หรือ “สวิสเมืองไทย” ในภาคเหนือแล้ว บ้านเรายังมีดินแดนอันสวยงามที่ได้รับฉายาว่า สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย หรือ สวิตเซอร์แลนด์แดนสยาม อยู่กระจายในหลายพื้นที่ ในภูมิภาคอื่นๆ ได้แก่ ภูเรือ จ.เลย, วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา, ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี, สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และที่ คีรีวง จ. นครศรีธรรมราช ซึ่งในแต่ละที่นั้นก็จะมีเอกลักษณ์เด่นและความพิเศษที่แตกต่างกันออกไป ตามสภาพภูมิศาสตร์และที่ตั้ง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น