ฤดูร้อนแบบนี้หลายๆ คนอาจจะมุ่งหน้าไปดับร้อนเที่ยวทะเลอันดามันของภาคใต้ แต่ทะเลทางภาคตะวันออกที่แม้จะไม่สวยใสเท่า แต่ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย อย่างในจังหวัดจันทบุรี ตามคำขวัญที่ว่า “น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี”
ตอนเด็กๆ ทุกคนคงจะได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทยเกี่ยวกับเรื่องราวของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งทรงเป็นผู้กอบกู้อิสรภาพคืนจากพม่าที่ตีกรุงศรีอยุธยาแตก พระเจ้าตากสินฯ ทรงพาไพร่พลตีฝ่าวงล้อมข้าศึกมุ่งหน้ามาฝั่งตะวันออก มาถึงเมืองจันทบุรีซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่ชายทะเลตะวันออกเพื่อตั้งหลัก ที่เมืองนี้เองที่พระองค์ทรงใช้จิตวิทยาในด้านการรบ โดยทรงสั่งให้ทหารทุบหม้อข้าวหม้อแกงหมายไปกินอาหารมื้อเช้าในเมืองจันทบุรี ถ้าตีเมืองไม่ได้ก็ต้องอดตาย จนทหารเกิดความฮึกเหิม และสามารถตียึดเมืองจันทบุรีเพื่อเป็นฐานกำลังได้ในที่สุด
เมืองจันท์จึงมีสถานที่สำคัญหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าตากสินฯ เช่น “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ตั้งอยู่บริเวณหน้าค่ายตากสิน อ.เมืองจันทบุรี ตัวศาลเป็นอาคารรูปทรงเก้าเหลี่ยม หลังคาเป็นรูปพระมาลาหรือหมวกยอดแหลม ภายในประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีประชาชนผู้เคารพศรัทธามากราบไหว้เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และไม่ไกลกันนั้นยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในสวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการกอบกู้บ้านเมือง ตามความตั้งใจของพระองค์ที่ทรงเลือกจังหวัดจันทบุรีเป็นที่รวบรวมกำลังพล
จันทบุรียังเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติถึง 4 แห่ง ได้แก่ “อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว” ใน อ.แหลมสิงห์ “อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ” ครอบคลุมพื้นที่ อ.มะขาม และกิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ “อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง” ครอบคลุมพื้นที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี และ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง และ “อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น” อุทยานแห่งชาติน้องใหม่ของเมืองจันท์ และยังมีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีกด้วย
ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์จึงเป็นแหล่งต้นน้ำของน้ำตกหลายๆ แห่ง ซึ่งกลายเป็นที่มาของคำขวัญในประโยค “น้ำตกลือเลื่อง” โดยน้ำตกที่มีชื่อเสียงของเมืองจันท์นั้นก็มีหลากหลาย เช่น น้ำตกพลิ้ว ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว นอกจากจะมีความงามชุ่มฉ่ำมีสายน้ำเย็นใสไหลตลอดทั้งปีแล้ว ยังเป็นน้ำตกที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ โดยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสมายังน้ำตกแห่งนี้หลายครั้ง อีกทั้งยังมีสถูปพระนางเรือล่ม สถูปรูปทรงปิรามิดที่บรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระชายาในรัชกาลที่ 5
นอกจากนั้น น้ำตกที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมก็คือ น้ำตกเขาสอยดาว ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อ.สอยดาว น้ำตกขนาดใหญ่ท่ามกลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ และน้ำตกกระทิง ในอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 13 ชั้น มีความงามแตกต่างกันไป สามารถลงเล่นน้ำได้
พูดถึงเขาคิชฌกูฏแล้ว ในช่วงนี้เขากำลังจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง บนยอดเขาคิชฌกูฏ โดยมีความเชื่อว่าผู้ที่เดินขึ้นไปถึงยอดเขาซึ่งมีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่นั้นจะได้บุญสูง ผู้คนจำนวนมหาศาลจึงพากันขึ้นไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทกันเป็นจำนวนมหาศาลในทุกๆ ปี สำหรับในปีนี้สามารถขึ้นไปกราบไหว้ได้ถึงวันที่ 24 มี.ค. เท่านั้น
ชมธรรมชาติป่าไม้กันไปแล้ว แต่เมืองจันท์ก็ยังมีดีที่ชายหาดสวยๆ อีกหลายแห่ง เช่น หาดเจ้าหลาว วนอุทยานเขาแหลมสิงห์ แหลมเสด็จ หาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน ซึ่งหากใครที่อยากขับรถเที่ยวชมทิวทัศน์สวยๆ ริมทะเลแล้วละก็ ขอให้ขับรถมาตามถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ที่เรียกว่าเป็น Scenic Route หรือเส้นทางชมทิวทัศน์อันสวยงาม โดยเป็นเส้นทางที่วิ่งเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออก 3 จังหวัดคือ ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งก็จะผ่านจุดชมวิวสวยๆ หลายจุด สำหรับในส่วนของจันทบุรี เราสามารถชมความงามของเส้นทางจาก อ.แหลมสิงห์ ข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ชมวิวปากแม่น้ำจันทบุรี เลียบทะเลผ่านจุดชมวิวปากน้ำแขมหนู สู่หาดเจ้าหลาว และหากขับเลยไปอีกไม่ไกลก็จะถึงอ่าวคุ้งวิมาน ซึ่งมีจุดชมวิวเนินนางพญาเป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด เพราะเป็นแหล่งชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง
ส่วนบริเวณอ่าวคุ้งกระเบนนั้น ไม่เพียงมีหาดที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอย่าง “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ซึ่งเป็นผืนป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ซึ่งในอดีตเคยเป็นป่าเสื่อมโทรมที่ถูกฟื้นฟูจนกลายเป็นป่าชายเลนอันทรงคุณค่าที่มากไปด้วยระบบนิเวศอันหลากหลายอย่างในปัจจุบัน
นอกจากนั้นในบริเวณศูนย์ฯ ก็ยังเป็นที่ตั้งของ “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งจัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำเค็มที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในบริเวณอ่าวคุ้งกระเบน และมีอุโมงค์สัตว์น้ำระยะทางสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลที่น่าสนใจ เช่น ปลากระเบน ปลาฉลาม เป็นต้น
ป่าชายเลนอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจของจันทบุรีที่ไม่ควรพลาดชมก็คือ “ศูนย์เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าชายเลน ลุ่มน้ำเวฬุ” ป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์ที่มีหลากหลายกิจกรรมให้เลือกทำ ทั้งการเดินชมป่าชายเลนในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ปลูกป่าชายเลน ล่องเรือชมฝูงเหยี่ยวแดงที่อยู่นอกชายฝั่ง ขี่จักรยาน (หรือนั่งรถรางไฟฟ้า) เพื่อชมหิ่งห้อยบนถนนลาดยางระยะทาง 2 ก.ม. ที่สองฟากฝั่งเป็นป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งที่นี่มีหิ่งห้อยให้ชมเป็นจำนวนมาก เป็นที่ประทับใจของผู้ที่ได้เห็น
ส่วนคนที่ชอบท่องเที่ยวชมวิถีชีวิต ก็ไม่ควรพลาดมาที่ชุมชนริมแม่น้ำจันทบุรี ใน อ.เมือง ที่นี่มีทั้งชุมชนชาวพุทธ คริสต์ จีน และญวน อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข โดยควรไปชม “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” โบสถ์คริสต์อันซีนไทยแลนด์อายุนับร้อยปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำจันทบุรีในตัวเมืองจันท์ ภายในโบสถ์มีของสำคัญคือรูปปั้นองค์แม่พระประดับพลอย ซึ่งมีพลอยกว่า 200,000 เม็ด ตกแต่ง องค์แม่พระอย่างงดงาม
ส่วน “ชุมชนริมน้ำจันทบูร” ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตชาวจันท์ได้เป็นอย่างดี บนถนนสุขาภิบาลซึ่งเป็นถนนสายแรกของเมืองจันทบุรีนั้นมีงานสถาปัตยกรรมสวยๆ ของบ้านเรือนที่ได้รับอิทธิพลของตะวันตกช่วงที่ฝรั่งเศสยึดเมืองจันทบูร บางหลังเป็นบ้านไม้ทรงหลังคาปั้นหยา เรือนไม้สองชั้น เรือนขนมปังขิง ตึกฝรั่งแบบปีนังและสิงคโปร์ หรือตึกแบบยุโรป ที่ล้วนแล้วแต่มีความเก่าแก่คลาสสิคแตกต่างกันไป
และสำหรับชาวไทยเชื้อสายจีนที่ได้เดินทางมาเมืองจันท์ ก็ไม่ควรพลาดที่จะมากราบพระที่ “วัดมังกรบุปผาราม” หรือ “เล่งฮั้วยี่” ใน อ.แหลมสิงห์ วัดแห่งนี้มีประวัติเกี่ยวข้องกับพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (สกเห็ง) ผู้สร้างวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน้ยยี่) ที่เยาวราช กรุงเทพฯ และวัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) จ.ฉะเชิงเทรา ว่ากันว่า ทั้งสามวัดนี้สร้างขึ้นในสามจุดสำคัญตามฮวงจุ้ยมังกร ตำแหน่งหัวมังกรอยู่ที่ย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ที่เยาวราช หรือที่วัดเล่งเน่ยยี่ ส่วนตำแหน่งท้องมังกร อยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา หรือวัดเล่งฮกยี่ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ส่วนตำแหน่งหางมังกร อยู่ที่วัดเล่งฮั้วยี่ ซึ่งเป็นแหล่งอัญมณีที่สำคัญของภาคตะวันออกและจังหวัดเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ
สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาดคือ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี” ใน อ.เมือง ที่สร้างขึ้นเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมของคนที่เกี่ยวข้องกับน้ำ โดยมุ่งเน้นในเรื่องความเป็นมาของการคมนาคมทางน้ำ การติดต่อค้าขายและความสัมพันธ์ระหว่างเมืองท่าต่างๆ นับจากอดีตเชื่อมโยงมาถึงปัจจุบัน รวมถึงเป็นสถานที่ศึกษาเรื่องราวของท้องถิ่นในหลากหลายมิติ ภายในพิพิธภัณฑ์มีทั้งห้องจัดแสดงสินค้าและวิถีชีวิตชาวเรือ โดยมีการจำลองเอาเรือสำเภาไทยโบราณมาจัดแสดงไว้ นอกจากนั้นยังมีห้องจัดแสดงการจำลองวิถีชีวิตชาวเรือบนเรือบรรพนาวิน ห้องแนะนำปฏิบัติการโบราณคดีใต้น้ำ ห้องคลังเก็บโบราณวัตถุ ห้องแสดงเรือและชีวิตชาวเรือ ห้องของดีเมืองจันท์ ห้องบุคคลสำคัญ ที่หากใครมีโอกาสก็อยากให้มาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพราะนี่คือพิพิธภัณฑ์แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทยที่เก็บรักษาโบราณวัตถุใต้ท้องทะเลจำนวนมากนับหมื่นๆชิ้นที่หาชมไม่ได้ง่ายๆ
ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเมืองจันทบุรีที่ทุกคนมักนึกถึงก็คือ “พลอยเมืองจันท์” ที่หากใครอยากไปชมตลาดค้าพลอยก็ต้องไปที่บริเวณถนนศรีจันท์และตรอกกระจ่างในตัวเมือง โดยช่วงวันศุกร์-เสาร์ จะคึกคักไปด้วยบรรยากาศการซื้อขายพลอยของพ่อค้าพลอยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาตั้งโต๊ะต่อรองราคาซื้อขายพลอยกันในบริเวณนี้ ซึ่งถือเป็นตลาดค้าพลอยที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด เรียกว่าเป็น “ถนนสายอัญมณี” เลยทีเดียว
สำหรับคนที่มาเมืองจันท์แล้วอยากหาซื้อของฝาก ขอแนะนำผลไม้หลากหลายชนิดเพราะเมืองจันท์แห่งนี้ถือว่าเป็นเมืองผลไม้ ด้วยภูมิอากาศที่เหมาะสมในการปลูกผลไม้หลายชนิด ทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ระกำ สละ ลองกอง โดยเฉพาะในฤดูผลไม้ช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ของทุกปี จะเป็นช่วงที่ผลไม้ทั้งหลายสุกงอม และทางจังหวัดก็จะจัดงาน “อร่อยทุกไร่ชิมไปทุกสวน” ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชิมผลไม้อร่อยๆ กันได้แบบไม่อั้นแบบสดๆ จากต้น ไม่เพียงผลไม้เท่านั้น จันทบุรียังเป็นแหล่งปลูกพริกไทยพันธุ์ดี เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดอีกด้วย
หรือหากใครไม่อยากซื้อของกิน “เสื่อจันทบูร” ก็เป็นอีกหนึ่งของฝากที่น่าสนใจ เสื่อจันทบูรนี้ทำจากต้นกกจันทบูรที่นำมาแปรรูป ทอเป็นลวดลายและสีสันให้ทันสมัย ผลิตเป็นเสื่อ ที่รองจาน ที่รองแก้วน้ำ กระเป๋า หมวก เป็นต้น