xs
xsm
sm
md
lg

เยือน “นครพนม-คำม่วน” อวลบรรยากาศสงบงามริมโขง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครพนม
หากพูดถึงแม่น้ำโขง สายน้ำที่อยู่คู่ภาคอีสานของไทยเรา “ตะลอนเที่ยว” หลับตานึกถึงความสงบสบายไม่รีบเร่งของเมืองริมแม่น้ำโขง โดยเฉพาะจังหวัด “นครพนม” ที่มีคนกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้งว่ามีทิวทัศน์ริมน้ำโขงที่งดงาม ดังนั้นเมื่อทางสายการบินแอร์เอเชียเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพฯ-นครพนม จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้มาเยือนเมืองนครพนมได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และยังเป็นโอกาสที่จะได้มาชมและมาใช้บริการสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ที่เพิ่งเปิดใช้เป็นทางการเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมาด้วย

มาถึงเมืองนครพนม ถ้าไม่ได้ไปกราบสักการะ “พระธาตุพนม” ต้องถือว่ามาไม่ถึง เพราะพระธาตุแห่งนี้ถือเป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองคู่แดนดินถิ่นอีสาน เป็นที่เคารพศรัทธาของทั้งชาวไทยและชาวลาว ตามตำนานของพระธาตุพนมกล่าวว่า ผู้สร้างคือพระมหากัสสปะ พระอรหันต์ 500 องค์ และท้าวพระยาเมืองต่างๆ ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกหน้าอกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้
พระธาตุเรณู พระธาตุประจำวันจันทร์
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีจะมีงานเทศกาลไหว้พระธาตุพนม ผู้คนจากทุกสารทิศจะหลั่งไหลมาร่วมงาน มากราบไหว้พระธาตุพนมเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง อีกทั้งพระธาตุพนมยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอก และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์อีกด้วย

พูดถึงเรื่องพระธาตุประจำวันเกิดแล้ว ก็ต้องบอกว่า จังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดเดียวที่มีพระธาตุประจำวันเกิดครบทั้ง 7 วัน โดยพระธาตุประจำวันอาทิตย์คือพระธาตุพนมอย่างที่กล่าวไปแล้ว ส่วนพระธาตุประจำวันจันทร์คือพระธาตุเรณู ในอำเภอเรณูนคร พระธาตุประจำวันอังคารคือพระธาตุศรีคุณ ในอำเภอนาแก พระธาตุประจำวันพุธคือพระธาตุมหาชัย ในอำเภอปลาปาก พระธาตุประจำวันพฤหัสบดีคือพระธาตุประสิทธิ์ ในอำเภอนาหว้า พระธาตุประจำวันศุกร์คือพระธาตุท่าอุเทน ในอำเภอท่าอุเทน และพระธาตุประจำวันเสาร์คือพระธาตุนคร ในอำเภอเมือง
พระธาตุนคร ในวัดมหาธาตุ นครพนม
มานครพนมครั้งนี้ “ตะลอนเที่ยว” มีโอกาสได้ไปไหว้พระธาตุ 3 แห่ง ที่อยู่ใกล้เคียงกัน คือพระธาตุพนม พระธาตุเรณู และพระธาตุนคร สำหรับ “พระธาตุเรณู” นั้น ประดิษฐานอยู่ในวัดพระธาตุเรณู องค์พระธาตุจำลองมาจากพระธาตุพนมองค์เดิม แต่มีขนาดเล็กกว่า สร้างขึ้นโดยพระอุปัชฌาย์อินภูมิโย เมื่อปี 2461 ซึ่งผู้ที่มาสักการะนอกจากจะได้กราบพระธาตุประจำวันจันทร์แล้ว ก็ยังจะได้รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวผู้ไทย ชนเผ่าหนึ่งในนครพนม โดยในวัดพระธาตุเรณูจัดเป็นศูนย์ศิลปวัฒนธรรมของชาวผู้ไทย มีทั้งโรงละครที่ไว้ใช้จัดการแสดงต่างๆ เช่น การฟ้อนผู้ไทย การสาธิตธรรมเนียมการต้อนรับด้วยการบายศรีสู่ขวัญ
บรรยากาศสงบสบายริมน้ำโขง ชมทิวทัศน์สวยๆ ทางฝั่งลาว
ส่วน “พระธาตุนคร” ประดิษฐานอยู่ในวัดมหาธาตุ ริมแม่น้ำโขง พระธาตุแห่งนี้สร้างขึ้นในราวปี 1150 มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส คล้ายพระธาตุพนมองค์เดิม มีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่แล้วเสร็จเมื่อปี 2465 ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระสีวลี พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆ เป็นที่เคารพสักการะของคนนครพนม
โบสถ์นักบุญอันนา
ไหว้พระธาตุนครเสร็จแล้ว “ตะลอนเที่ยว” เดินออกมาชมวิวแม่น้ำโขงที่ด้านหน้าวัด เมืองนครพนมเป็นอีกหนึ่งเมืองริมแม่น้ำโขงที่มีความสงบงามไม่น้อย คนนครพนมต่างภาคภูมิใจว่าทิวทัศน์ริมน้ำโขงของเมืองนครพนมนั้นสวยงามเป็นที่หนึ่ง จากฝั่งไทยมองไปจะเห็นสายน้ำโขงไหลรินอยู่เบื้องหน้า เลยไปทางด้านหลังมีภูเขาสลับซับซ้อนทางฝั่งแขวงคำม่วนของ สปป.ลาว เป็นฉากหลังเพิ่มความงามให้มากยิ่งขึ้น เรียกว่าภูเขาเป็นของเขา แต่ทิวทัศน์งามๆ เป็นของเรา
พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่า ในเมืองนครพนม
นอกจากนั้น ในช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค. น้ำโขงจะแห้งจนมองเห็นหาดทรายกลางน้ำ เมื่อหาดทรายกระทบกับแสงแดดก็จะส่องประกายเป็นสีทองงดงามยิ่งนัก จุดที่สามารถชมหาดทรายกลางน้ำได้สวยนั้นอยู่บริเวณสวนสาธารณะท้ายเมือง มีชื่อเรียกหาดทรายนี้ว่า “หาดทรายทองศรีโคตรบูรณ์” ในตอนเช้ายังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นสวยงามไปพร้อมๆ กัน

ถนนในเมืองนครพนมที่ตัดเลียบริมน้ำโขงมีชื่อว่า “ถนนสุนทรวิจิตร” ซึ่งนอกจากฟากหนึ่งจะติดริมแม่น้ำโขงสวยงามแล้ว อีกฟากหนึ่งของถนนก็ยังมีบ้านเรือนที่สวยงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญให้เที่ยวชมกัน เหมาะจะขี่จักรยานชมเมือง เดินเที่ยวระยะสั้นๆ หรือจะขับรถก็ได้ไม่ว่ากัน ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ไปดูกันดีกว่าว่าบนถนนเส้นนี้มีอะไรให้เราชมกันบ้าง
รูปภาพของพ่อเมืองนครพนมตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ในพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่า
เรามาเริ่มจากทางด้านเหนือของถนนสุนทรวิจิตรกันก่อน ที่ “วัดนักบุญอันนา หนองแสง” วัดในศาสนาคริสต์ที่สร้างขึ้นในปี 2469 โดยคุณพ่อเอทัวร์ นำลาภ อดีตอธิการโบสถ์ ลักษณะอาคารมีหอคอยคู่ยอดแหลม โดยโบสถ์หลังนี้เป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชนท้องถิ่น ในช่วงสงครามเวียดนามโบสถ์นักบุญอันนาได้รับความเสียหายจากระเบิด และได้รับการบูรณะซ่อมแซมในภายหลัง โดยในช่วงวันคริสต์มาส ชาวคริสต์แต่ละชุมชนจะประดิษฐ์ดาวขนาดใหญ่รูปแบบต่างๆ แล้วแห่มารวมกันไว้ที่นี่
หอนาฬิกาในเมืองนครพนม
ถัดลงมาเป็น “พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่า” ซึ่งเป็นจวนผู้ว่าเก่า แต่ปัจจุบันจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสในช่วงสมัยสงครามอินโดจีน มีอายุเกือบร้อยปีแล้วแต่ยังคงรักษาสภาพและความสวยงามของตัวอาคารไว้ได้เป็นอย่างดี ในอดีตจวนผู้ว่าแห่งนี้ได้ผ่านภารกิจอันยิ่งใหญ่ คือการเป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรในจังหวัดนครพนมในระหว่างวันที่ 12-13 พฤศจิกายน 2498 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความซาบซึ้งใจแก่ชาวนครพนมเป็นที่ยิ่ง
สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3
ปัจจุบันอาคารหลังนี้ไม่ได้ใช้เป็นจวนผู้ว่า แต่จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองนครพนม ประวัติการสร้างอาคารหลังนี้ เรื่องราวการเสด็จจังหวัดนครพนมของในหลวงและพระราชินี รวมไปถึงงานประเพณีต่างๆ ของชาวนครพนมด้วย ขอบอกว่าไม่ควรพลาดชมด้วยประการทั้งปวง

เดินเรื่อยมาอีกนิดจะเจอกับ “หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์” ซึ่งเป็นหอนาฬิกาที่ชาวเวียดนามได้สร้างไว้เป็นอนุสรณ์แก่ชาวนครพนมเมื่อคราวย้ายกลับประเทศ สร้างไว้เมื่อปี 2503 และในละแวกหอนาฬิกานี้เองที่มีเรือนไม้เก่าสวยๆ อยู่หลายหลัง บางหลังทำเป็นร้านอาหาร ร้านขนมเล็กๆ ในช่วงเย็นๆ จะมีทั้งนักท่องเที่ยวและเด็กวัยรุ่นมานั่งเล่นกินข้าวกินบรรยากาศ มีให้เลือกนั่งหลายร้านในย่านนี้
ทิวทัศน์ฝั่งไทยเมื่อมองมาจากฝั่งแขวงคำม่วน
แต่ถ้าอยากช้อปอยากซื้อของฝาก ก็ต้องมาที่ “ตลาดอินโดจีน” ตลาดใหญ่ที่รวมเอาของกิน ของใช้ ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ มารวมไว้ให้เลือกซื้อกันในราคาไม่แพง และบริเวณหน้าตลาดอินโดจีนนี้ยังเป็นด่านท่าเรือนครพนม-คำม่วน ซึ่งเป็นด่านผ่านเข้าออกของชาวลาวที่จะเข้ามาในประเทศไทยมายังนครพนมโดยทางเรือ ซึ่งก็ยังมีความคึกคักอยู่มากแม้จะมีสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 ให้บริการแล้วก็ตาม อีกทั้งใกล้ๆ กันนั้นก็ยังเป็นจุดลงเรือท่องเที่ยวล่องชมความงามแม่น้ำโขงและทิวทัศน์ทั้งสองฟากฝั่ง ใครอยากนั่งเรือชิลล์ๆ ก็สามารถมาล่องกันได้

ที่ริมน้ำโขงมีวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาด คือ “วัดโอกาสศรีบัวบาน” อยู่ติดกับตลาดอินโดจีน ภายในวัดมีหอพระประดิษฐานพระติ้วและพระเทียม พระคู่บ้านคู่เมืองนครพนม อยากให้เข้าไปกราบเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง
กำแพงหินยักษ์ตั้งตระหง่านใน สปป.ลาว
เที่ยวเมืองนครพนมกันไปแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาใช้บริการสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ข้ามไปเที่ยวยังฝั่งลาวกันบ้าง สะพานแห่งนี้ผูกพันกับเลข 11 เพราะเปิดใช้เมื่อวันที่ 11 เดือน 11 ค.ศ. 2011 ในเวลา 11.11 น. เลขสวยจำง่าย แถมตัวสะพานก็ยังสวยงามสอดคล้องกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ สะพานแห่งนี้จะเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างคนไทยและลาวทั้งด้านเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว และมิตรภาพที่ดีงามของทั้งสองประเทศตลอดไป

เมืองลาวที่เราไปเยือนในวันนี้คือ “แขวงคำม่วน” ซึ่งมีความผูกพันกับเมืองนครพนมเป็นอย่างยิ่ง เพราะทั้งสองเมืองถือเป็นแผ่นดินเดียวกันเมื่อครั้งยังเป็นอาณาจักรศรีโคตรบูร
ตึกสไตล์โคโลเนียลในเมืองท่าแขก
ที่แขวงคำม่วนนี้มีสถานที่น่าเที่ยวอยู่หลายแห่ง “ตะลอนเที่ยว” เริ่มต้นบนเส้นทางจากท่าแขกไปทางเวียงจันทน์ ริมถนนเส้นนี้มี “กำแพงหินยักษ์” ฝีมือธรรมชาติสร้างสรรค์ให้หินก้อนใหญ่ตั้งตระหง่านราวกับกำแพงเป็นแนวยาวถึงกว่า 15 ก.ม. ชาวลาวมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับกำแพงหินซึ่งเชื่อมโยงไปถึงตำนานการเกิดแม่น้ำโขง โดยเรื่องเริ่มขึ้นจากเจ้า “ยักษ์สะลึคึ” ยักษ์ที่ไม่ได้ใหญ่แค่ตัว แต่ยังมีอวัยวะเพศใหญ่มโหฬารขนาดที่ว่าเดินไปทางไหนก็จะมีร่องรอยการลากอวัยวะเพศไปเป็นทาง ดังนั้นเส้นทางหาอาหารของยักษ์สะลึคึที่เป็นเส้นทางเดิมๆ นั้นจึงปรากฏเป็นร่องลึกเป็นทาง และเมื่อถึงฤดูฝนน้ำจากเทือกเขาต่างๆ จึงไหลมารวมกันในร่องนี้จนกลายเป็นแม่น้ำโขงนั่นเอง

ส่วนกำแพงหินยักษ์นี้ก็มีตำนานว่าเกิดจากยักษ์สะลึคึเดินผ่าน ทำให้ภูเขาหินแยกไปเป็นแถบๆ กลายเป็นคันหินสูงราวกับกำแพงอย่างที่เห็น บ้างก็ว่ายักษ์สะลึคึเป็นคนหยิบหินมาวางซ้อนเรียงกันเพื่อสร้างกำแพงเมืองก็มี แต่หากอยากใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ก็อาจกล่าวได้ว่ากำแพงหินนี้เกิดจากการบีบอัดของเปลือกโลกจนทำให้หินยกตัวขึ้นกลายเป็นกำแพงอย่างที่เห็น
พระธาตุศรีโคดตะบอง ศูนย์รวมจิตใจชาวลาว
จากนั้นเราจะไปไหว้พระธาตุศรีโคตรบองกัน โดยระหว่างทางผ่านเมืองท่าแขก เมืองหลวงของแขวงคำม่วน “ตะลอนเที่ยว” เห็นบ้านเรือนในสไตล์โคโลเนียลหลายหลังซึ่งสร้างขึ้นในช่วงถูกปกครองโดยฝรั่งเศส และไม่นานนัก เราก็มาถึงยังวัดพระธาตุศรีโคดตะบอง วัดคู่บ้านคู่เมืองแขวงคำม่วน และยังถือเป็นพระธาตุพี่น้องกับพระธาตุพนมของเราอีกด้วย โดยในช่วงวันสงกรานต์ ชาวนครพนมและชาวคำม่วนจะร่วมกันจัดผ้าป่ามหาสงกรานต์สองฝั่งโขง นครพนม-คำม่วน เชื่อมโยงสองแผ่นดิน เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของคนทั้งสองฝั่งน้ำโขงผ่านองค์พระธาตุ

“พระธาตุศรีโคดตะบอง” สร้างขึ้นร่วมสมัยกับพระธาตุพนม เมื่อครั้งยังเป็นอาณาจักรศรีโคตรบูร เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้านันทเสนแห่งเมืองศรีโคตรบูร ภายในวัดยังมีอนุสาวรีย์ของพระยาศรีโคดตะบอง กษัตริย์ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของอาณาจักรศรีโคตรบูรที่สุดท้ายแล้วต้องสิ้นชีพเพราะโดนพระชายาหักหลัง ชาวลาวจึงไม่ขอพรเรื่องความรักจากองค์พระธาตุ แต่มักจะบนบานเรื่องการงานและเรื่องของหายได้คืนกัน
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ในวิหารแห่งวัดพระธาตุศรีโคดตะบอง
ไหว้พระธาตุเสร็จแล้ว แต่ที่แขวงคำม่วนยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมาก เช่น ถ้ำนางแอ่น ถ้ำขนาดใหญ่ที่ภายในมีหินงอกหินย้อยอลังการ ภายในถ้ำมีลำน้ำสามารถล่องเรือชมธรรมชาติได้ สมเด็จพระเทพรัตนฯ ก็เคยเสด็จมาเยี่ยมชมถ้ำแห่งนี้ด้วยเช่นกัน และสำหรับใครที่อยากซื้อของฝากจากลาวก็สามารถแวะซื้อได้ที่ตลาดหลักสาม หรือตลาดสุกสมบูน ซึ่งเป็นแหล่งขายสินค้าพื้นเมืองลาว จำพวกเครื่องเงิน ผ้าไหม ของกินของใช้และข้าวของเครื่องใช้ประจำวันต่างๆ
หินงอกหินย้อยอลังการภายในถ้ำนางแอ่น
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางน่าเที่ยว ที่หากใครมีโอกาสได้มาเยือนแล้วก็ไม่อยากให้พลาดที่จะได้ทำความรู้จักบ้านเมืองทั้งสองฝั่งน้ำโขง ที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน

*  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *  *

ด้วยความมีศักยภาพทางการเศรษฐกิจและท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม ทำให้ล่าสุดทางสายการบินแอร์เอเชียได้เปิดเส้นทางการบินใหม่ "กรุงเทพฯ-นครพนม" ขึ้น วันละ 1 เที่ยวบิน ผู้สนใจดูรายละเอียดได้ที่ www.airasia.com หรือสอบถามที่โทร.0-2515-9999

ส่วนผู้ที่ต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานนครพนม โทร. 0-4251-3490 - 1



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย
คลิกที่นี่เลย!!
กำลังโหลดความคิดเห็น