โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ภายใต้ภาวะการเมืองที่ร้อนแรง สังคมที่เร่งรีบ เศรษฐกิจที่แข่งขัน ในวันนี้ฉันตั้งใจจะผ่อนคลายความเครียดโดยการเดินทางเยือนจังหวัดใกล้เคียงอย่างนครปฐม เพื่อไปเที่ยวพักผ่อนสมองกายใจที่ “วัดไผ่ล้อม” วัดชื่อดังและสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองส้มโอ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระปฐมเจดีย์
วัดไผ่ล้อมแห่งนี้สันนิษฐานกันว่า สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยพระองค์ทรงมีความเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา ได้เกณฑ์ชาวมอญที่ได้อยู่ใต้โพธิสมภาร มาช่วยกันบูรณองค์พระปฐมเจดีย์ และชาวมอญเหล่านี้ได้มาพักอาศัยอยู่ ณ บริเวณสวนป่าไผ่ใกล้องค์พระปฐมเจดีย์
ในกาลต่อมา ที่บริเวณนี้ก็ร้างผู้คน ดงไผ่ขึ้นหนาทึบกลายเป็นที่สงบร่มเย็น พระภิกษุผู้แสวงหาธรรมหลายรูปต่างจาริกมาวิเวก ปักกลบำเพ็ญสมณธรรม ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเห็นว่า สถานที่บริเวณนี้สมควรตั้งเป็นสำนักสงฆ์ จึงได้อาราธนาพระภิกษุจากวัดพระปฐมเจดีย์มาจำพรรษาเป็นครั้งคราว
เมื่อมีภิกษุมาจำพรรษามากขึ้น ผู้คนก็มาอยู่อาศัยมากขึ้น ทำให้ป่าไผ่ที่เคยหนาทึบได้ถูกชาวบ้านหักล้างถางฟันจนหมด เพื่อไปทำที่อยู่อาศัย จะมีหลงเหลืออยู่บ้างก็บริเวณรอบๆ วัดเท่านั้น จึงกลายเป็นที่มาของชื่อวัดว่า “วัดไผ่ล้อม” ในเวลาต่อมา
ที่วัดไผ่ล้อมแห่งนี้ร้างขาดเจ้าอาวาสอยู่นาน กระทั่งปี พ.ศ. 2486 ทางคณะสงฆ์จึงได้แต่ง ตั้งพระอาจารย์พูล อตตรกโข ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่วัดพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่ตอนนั้นที่วัดยังไม่มีอุโบสถไว้ประกอบสังฆกรรม พระอาจารย์พูลจึงปรึกษากับพระเถระผู้ใหญ่ และญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างอุโบสถขึ้น โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ.2490 และแล้วเสร็จในอีก 3 ปีต่อมา
พระอาจารย์พูล ยังได้ดำเนินการสร้างเสนาสนะ ทำให้วัดไผ่ล้อมแห่งนี้มีความเจริญทางถาวรวัตถุขึ้น อาทิ ศาลาการเปรียญ โรงเรียนปริยัติธรรม ศาลาฌาปนสถาน ศาลาปฏิบัติ หอระฆัง กุฎิสงฆ์ โรงเรียนวัดไผ่ล้อม เป็นต้น
แม้ในปัจจุบันพระอาจารย์พูล หรือหลวงพ่อพูลได้ละสังขารไปแล้วเมื่อปี พ.ศ.2548 แต่ท่านก็ยังได้สร้างปาฏิหาริย์ไว้ ด้วยสรีระของท่านยังคงสภาพเดิมไม่เน่าไม่เปื่อย ทางวัดจึงได้นำร่างของท่านบรรจุโลงแก้วตั้งไว้ที่ “ศาลากรุวิมานุสรณ์” ให้ลูกศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้ นอกจากนี้ภายในศาลายังมีรูปเคารพให้กราบไหว้ขอพรอีกมากมาย อาทิ กุมารทองสมบัติ เล่ากันว่าเป็นกุมารทองที่อยู่กับหลวงพ่อพูลมาตั้งแต่สมัยที่ท่านยังหนุ่ม ตั้งแต่ที่ท่านเดินทางไปเป็นพระคู่สวดที่สุพรรณบุรีพร้อมกับหลวงพ่อเต้าและหลวงพ่อล้ง ในครั้งนั้นหลวงพ่อพูลได้กุมารทองกลับมาด้วย
เป็นกุมารทองขนาดใหญ่ เนื้อโลหะสัมฤทธิ์ ฐานกว้าง 9 นิ้ว สูง 15 นิ้ว ท่าจึงนำมาประดิษฐานไว้ที่กุฏิของท่าน และตั้งชื่อให้ว่า “กุมารทองสมบัติ” โดยกุมารทองนี้ได้รับการเลื่องลือในเรื่องของโชคลาภ ธุรกิจค้าขาย จึงทำให้มีผู้คนแวะเวียนกันมาไหว้ทุกวัน
นอกจากนี้ยังมี พระพิฆเณศวร ที่แกะจากไม้ตะเคียนศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ มีเศียรเป็นช้าง มีพระกรรณกว้างใหญ่ มีงายาว แต่ทรงมีร่างกายเป็นมนุษย์ มี 4 กร โดยพระพิฆเณศวรนั้น เป็นมหาเทพแห่งความสำเร็จ เทพแห่งชัยชนะ เจ้าแห่งสติปัญญา มีมนต์ขลังพลังอำนาจยิ่งใหญ่ ผู้คนจึงนิยมมากราบไหว้บูชาเช่นกัน อีกทั้งยังมีเจ้าแม่กวนอิมพันกร หัวโขน และพระพุทธรูปอีกด้วย
ส่วนบริเวณด้านนอกข้างศาลากรุวิมานุสรณ์ เป็นที่ประดิษฐาน “ท้าวเวสสุวรรณ” และ “ท้าวกุเวรมหาราช” นับเป็นเทพเจ้ามหาราช เป็นคหบดีใหญ่ ที่ปรากฏมงคลนามตามคัมภีร์เทวกำเนิด โดยเทพทั้ง 2 แกะสลักจากไม้ตะเคียนขนาดใหญ่อายุนับพันปี
ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวกุเวรมหาราช นั้น มีชื่อเสียงในด้านประทานโชคลาภและความร่ำรวยค้าขายดีมีกำไร การคุ้มครองปกป้องทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วให้ปลอดภัยจากบรรดาภูตผีปีศาจอำนาจชั่ว ร้ายทั้งหลายทั้งปวง และได้รับโชคดีมีชัยปลอดภัยตลอดไป
ใกล้กันเป็นที่ตั้งของ “อุโบสถเฉลิมพระเกียรติ” อุโบสถหลังใหม่ของวัดไผ่ล้อมแห่งนี้ สร้างเป็นลักษณะทรงไทยประยุกต์ พื้นปูหินอ่อน บานประตูหน้าต่างไม้สักแกะสลัก 3 ชั้น ประวัติพระพุทธเจ้า 10 ชาติ ส่วนผนังด้านในแสดงภาพจิตกรรมเกี่ยวกับพุทธประวัติ ผนังด้านนอกเป็นลายปูนปั้นรูปเทพทรงพระขรรค์
กำแพงแก้วประดับด้วยเสาหงส์คาบไฟ และลูกแก้วองค์พระปฐมเจดีย์ ปูหินแกรนิต ซุ้มเสมา ศิลปะอยุธยา ซุ้มประตูอุโบสถทั้ง 4 ทิศ ปั้นเทพประจำทิศทั้งแปด พร้อมปูนปั้นเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมหาราชิกา 8 องค์ รักษาอุโบสถทั้ง 4 ด้าน
ด้านในประดิษฐาน “หลวงพ่อสุโขทัย” พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย เนื้อโลหะลงลักปิดทอง งดงามตามพุทธลักษณะโบราณ ขนาดหน้าตัก 4 ศอก 9 นิ้ว ดำริสร้างโดยหลวงพ่อพูล เมื่อปี พ.ศ. 2540
ด้านหน้าพระประธานยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งหลวงพ่อพูลได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
ด้านข้างของอุโบสถหลังใหม่ เป็นที่ตั้งของ “อุโบสถหลังเก่า” ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2490 ที่ยังเปิดให้ประชาชนเข้าไปกราบไหว้ขอพร “พระพุทธศิวากร มุนินทรปฏิมากร” พระประธานในอุโบสถ อันเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางขัดสมาธิ ศิลปะเชียง และยังมีรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงปู่สุข วัดห้วยจระเข้ และรูปหล่อหลวงพ่อพูล อัตตะรักโข อีกด้วย
ด้านข้างของอุโบสถหลังเก่า เป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง ลักษณะเป็นศาลาทรงไทยแบบโบราณขนาดย่อม โดยเจ้าแม่ตะเคียนนั้นแกะจากไม้ตะเคียนทองอายุหลายร้อยปี ผู้คนนิยมมาบนบานศาลกล่าวในเรื่องของโชคลาภและความรัก และมักจะนำเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับสวยๆมาถวายเป็นประจำ
และอีกสิ่งสำคัญภายในวัดไผ่ล้อมแห่งนี้ก็คือ “พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ” ที่แกะจากไม้ตะเคียนโบราณ ที่ได้ชื่อว่าป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือไม้ตะเคียนใหญ่สุดในโลก มีความสูงถึง 632 เซนติเมตร มี 1,262 มือ และ 1,000 ตา ปิดทองแท้ สวยงามอร่ามตาทั้งองค์
ใครที่มีโอกาสไปยังวัดไผ่ล้อมก็อย่าพลาดที่ฉันแนะนำ และการเข้าวัดทำบุญก็เป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเราเอง ทำให้วันนี้เรามีความสุข วันที่มีความสุขก็ถือเป็นวันพิเศษได้เช่นกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“วัดไผ่ล้อม” ตั้งอยู่ที่ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โทร. 0-3425-0077-9
ภายใต้ภาวะการเมืองที่ร้อนแรง สังคมที่เร่งรีบ เศรษฐกิจที่แข่งขัน ในวันนี้ฉันตั้งใจจะผ่อนคลายความเครียดโดยการเดินทางเยือนจังหวัดใกล้เคียงอย่างนครปฐม เพื่อไปเที่ยวพักผ่อนสมองกายใจที่ “วัดไผ่ล้อม” วัดชื่อดังและสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองส้มโอ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระปฐมเจดีย์
วัดไผ่ล้อมแห่งนี้สันนิษฐานกันว่า สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยพระองค์ทรงมีความเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา ได้เกณฑ์ชาวมอญที่ได้อยู่ใต้โพธิสมภาร มาช่วยกันบูรณองค์พระปฐมเจดีย์ และชาวมอญเหล่านี้ได้มาพักอาศัยอยู่ ณ บริเวณสวนป่าไผ่ใกล้องค์พระปฐมเจดีย์
ในกาลต่อมา ที่บริเวณนี้ก็ร้างผู้คน ดงไผ่ขึ้นหนาทึบกลายเป็นที่สงบร่มเย็น พระภิกษุผู้แสวงหาธรรมหลายรูปต่างจาริกมาวิเวก ปักกลบำเพ็ญสมณธรรม ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเห็นว่า สถานที่บริเวณนี้สมควรตั้งเป็นสำนักสงฆ์ จึงได้อาราธนาพระภิกษุจากวัดพระปฐมเจดีย์มาจำพรรษาเป็นครั้งคราว
เมื่อมีภิกษุมาจำพรรษามากขึ้น ผู้คนก็มาอยู่อาศัยมากขึ้น ทำให้ป่าไผ่ที่เคยหนาทึบได้ถูกชาวบ้านหักล้างถางฟันจนหมด เพื่อไปทำที่อยู่อาศัย จะมีหลงเหลืออยู่บ้างก็บริเวณรอบๆ วัดเท่านั้น จึงกลายเป็นที่มาของชื่อวัดว่า “วัดไผ่ล้อม” ในเวลาต่อมา
ที่วัดไผ่ล้อมแห่งนี้ร้างขาดเจ้าอาวาสอยู่นาน กระทั่งปี พ.ศ. 2486 ทางคณะสงฆ์จึงได้แต่ง ตั้งพระอาจารย์พูล อตตรกโข ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่วัดพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่ตอนนั้นที่วัดยังไม่มีอุโบสถไว้ประกอบสังฆกรรม พระอาจารย์พูลจึงปรึกษากับพระเถระผู้ใหญ่ และญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างอุโบสถขึ้น โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ.2490 และแล้วเสร็จในอีก 3 ปีต่อมา
พระอาจารย์พูล ยังได้ดำเนินการสร้างเสนาสนะ ทำให้วัดไผ่ล้อมแห่งนี้มีความเจริญทางถาวรวัตถุขึ้น อาทิ ศาลาการเปรียญ โรงเรียนปริยัติธรรม ศาลาฌาปนสถาน ศาลาปฏิบัติ หอระฆัง กุฎิสงฆ์ โรงเรียนวัดไผ่ล้อม เป็นต้น
แม้ในปัจจุบันพระอาจารย์พูล หรือหลวงพ่อพูลได้ละสังขารไปแล้วเมื่อปี พ.ศ.2548 แต่ท่านก็ยังได้สร้างปาฏิหาริย์ไว้ ด้วยสรีระของท่านยังคงสภาพเดิมไม่เน่าไม่เปื่อย ทางวัดจึงได้นำร่างของท่านบรรจุโลงแก้วตั้งไว้ที่ “ศาลากรุวิมานุสรณ์” ให้ลูกศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้ นอกจากนี้ภายในศาลายังมีรูปเคารพให้กราบไหว้ขอพรอีกมากมาย อาทิ กุมารทองสมบัติ เล่ากันว่าเป็นกุมารทองที่อยู่กับหลวงพ่อพูลมาตั้งแต่สมัยที่ท่านยังหนุ่ม ตั้งแต่ที่ท่านเดินทางไปเป็นพระคู่สวดที่สุพรรณบุรีพร้อมกับหลวงพ่อเต้าและหลวงพ่อล้ง ในครั้งนั้นหลวงพ่อพูลได้กุมารทองกลับมาด้วย
เป็นกุมารทองขนาดใหญ่ เนื้อโลหะสัมฤทธิ์ ฐานกว้าง 9 นิ้ว สูง 15 นิ้ว ท่าจึงนำมาประดิษฐานไว้ที่กุฏิของท่าน และตั้งชื่อให้ว่า “กุมารทองสมบัติ” โดยกุมารทองนี้ได้รับการเลื่องลือในเรื่องของโชคลาภ ธุรกิจค้าขาย จึงทำให้มีผู้คนแวะเวียนกันมาไหว้ทุกวัน
นอกจากนี้ยังมี พระพิฆเณศวร ที่แกะจากไม้ตะเคียนศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ มีเศียรเป็นช้าง มีพระกรรณกว้างใหญ่ มีงายาว แต่ทรงมีร่างกายเป็นมนุษย์ มี 4 กร โดยพระพิฆเณศวรนั้น เป็นมหาเทพแห่งความสำเร็จ เทพแห่งชัยชนะ เจ้าแห่งสติปัญญา มีมนต์ขลังพลังอำนาจยิ่งใหญ่ ผู้คนจึงนิยมมากราบไหว้บูชาเช่นกัน อีกทั้งยังมีเจ้าแม่กวนอิมพันกร หัวโขน และพระพุทธรูปอีกด้วย
ส่วนบริเวณด้านนอกข้างศาลากรุวิมานุสรณ์ เป็นที่ประดิษฐาน “ท้าวเวสสุวรรณ” และ “ท้าวกุเวรมหาราช” นับเป็นเทพเจ้ามหาราช เป็นคหบดีใหญ่ ที่ปรากฏมงคลนามตามคัมภีร์เทวกำเนิด โดยเทพทั้ง 2 แกะสลักจากไม้ตะเคียนขนาดใหญ่อายุนับพันปี
ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวกุเวรมหาราช นั้น มีชื่อเสียงในด้านประทานโชคลาภและความร่ำรวยค้าขายดีมีกำไร การคุ้มครองปกป้องทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วให้ปลอดภัยจากบรรดาภูตผีปีศาจอำนาจชั่ว ร้ายทั้งหลายทั้งปวง และได้รับโชคดีมีชัยปลอดภัยตลอดไป
ใกล้กันเป็นที่ตั้งของ “อุโบสถเฉลิมพระเกียรติ” อุโบสถหลังใหม่ของวัดไผ่ล้อมแห่งนี้ สร้างเป็นลักษณะทรงไทยประยุกต์ พื้นปูหินอ่อน บานประตูหน้าต่างไม้สักแกะสลัก 3 ชั้น ประวัติพระพุทธเจ้า 10 ชาติ ส่วนผนังด้านในแสดงภาพจิตกรรมเกี่ยวกับพุทธประวัติ ผนังด้านนอกเป็นลายปูนปั้นรูปเทพทรงพระขรรค์
กำแพงแก้วประดับด้วยเสาหงส์คาบไฟ และลูกแก้วองค์พระปฐมเจดีย์ ปูหินแกรนิต ซุ้มเสมา ศิลปะอยุธยา ซุ้มประตูอุโบสถทั้ง 4 ทิศ ปั้นเทพประจำทิศทั้งแปด พร้อมปูนปั้นเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมหาราชิกา 8 องค์ รักษาอุโบสถทั้ง 4 ด้าน
ด้านในประดิษฐาน “หลวงพ่อสุโขทัย” พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย เนื้อโลหะลงลักปิดทอง งดงามตามพุทธลักษณะโบราณ ขนาดหน้าตัก 4 ศอก 9 นิ้ว ดำริสร้างโดยหลวงพ่อพูล เมื่อปี พ.ศ. 2540
ด้านหน้าพระประธานยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งหลวงพ่อพูลได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
ด้านข้างของอุโบสถหลังใหม่ เป็นที่ตั้งของ “อุโบสถหลังเก่า” ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2490 ที่ยังเปิดให้ประชาชนเข้าไปกราบไหว้ขอพร “พระพุทธศิวากร มุนินทรปฏิมากร” พระประธานในอุโบสถ อันเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางขัดสมาธิ ศิลปะเชียง และยังมีรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงปู่สุข วัดห้วยจระเข้ และรูปหล่อหลวงพ่อพูล อัตตะรักโข อีกด้วย
ด้านข้างของอุโบสถหลังเก่า เป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง ลักษณะเป็นศาลาทรงไทยแบบโบราณขนาดย่อม โดยเจ้าแม่ตะเคียนนั้นแกะจากไม้ตะเคียนทองอายุหลายร้อยปี ผู้คนนิยมมาบนบานศาลกล่าวในเรื่องของโชคลาภและความรัก และมักจะนำเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับสวยๆมาถวายเป็นประจำ
และอีกสิ่งสำคัญภายในวัดไผ่ล้อมแห่งนี้ก็คือ “พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ” ที่แกะจากไม้ตะเคียนโบราณ ที่ได้ชื่อว่าป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือไม้ตะเคียนใหญ่สุดในโลก มีความสูงถึง 632 เซนติเมตร มี 1,262 มือ และ 1,000 ตา ปิดทองแท้ สวยงามอร่ามตาทั้งองค์
ใครที่มีโอกาสไปยังวัดไผ่ล้อมก็อย่าพลาดที่ฉันแนะนำ และการเข้าวัดทำบุญก็เป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเราเอง ทำให้วันนี้เรามีความสุข วันที่มีความสุขก็ถือเป็นวันพิเศษได้เช่นกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“วัดไผ่ล้อม” ตั้งอยู่ที่ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โทร. 0-3425-0077-9