โดย : ตะลอนเที่ยว (travel_astvmgr@hotmail.com)
ถึงแม้ว่าสภาพอากาศในช่วงนี้จะแปรปรวน พอๆกับสถานการณ์ทางการเมืองของเรา ในหนึ่งวันมีทั้งอากาศร้อน หนาวและฝนตก แต่เราก็ไม่หวั่นที่จะเก็บกระเป๋าออกเดินทาง เพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต อย่างกับทริปนี้ที่“ตะลอนเที่ยว”เดินทางมายัง“ชัยนาท” จังหวัดที่ถูกมองเป็นเมืองผ่าน แต่หารู้หรือไม่ว่า ชัยนาทนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย
สำหรับสถานที่แรก เราเริ่มต้นเปิดประเดิมทริปอย่างเป็นสิริมงคลด้วยการเดินทางไปที่ “วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดเขาพลอง” วัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งนอกจาก“หลวงพ่อชื้น”ที่เป็นที่รู้จักกันดีทั้งในหมู่ชาวบ้าน ตลอดจนเซียนพระต่างๆแล้ว ด้านบนของวัดนั้นยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์สีทองอร่าม ด้านในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจากบริเวณนี้เองเรายังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองชัยนาทได้แบบ 360 องศา
บริเวณเชิงเขาของวัดนั้นเป็นที่ตั้งของ “พระพุทธอริยธัมโม” พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ มีความสูง 8 วา 3 ศอก 1 นิ้ว รวมฐานสูง 9 วา 3 ศอก 6 นิ้ว หน้าตักกว้าง 6 วา 1 ศอก 8 นิ้ว ศิลปะแบบสุโขทัย ซึ่งหลวงพ่อชื้นท่านได้รวบรวมปัจจัยจากผู้ศรัทธาโดยใช้เวลาสร้างนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันไม่ว่าใครที่ผ่านไปมาแถวนี้ก็จะเห็นกับความงามขององค์พระขนาดใหญ่ เด่นเป็นสง่าอยู่อย่างจัดเจน
ไม่ไกลจากวัดเขาพลองเป็นที่ตั้งของ “สวนนกชัยนาท” สถานทีท่องเที่ยวและให้ความรูด้านสัตว์และธรรมชาติ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมที่จะมากันแบบเป็นครอบครัว มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจ ซึ่งขึ้นชื่อว่าสวนนก แน่นอนว่าต้องเป็นแหล่งที่รวบรวมพันธุ์นกหลากหลาย ทั้งที่มีอยู่ในประเทศไทยเองและที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสเปิดโลกการเรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น ปัจจุบันทางสวนนกชัยนาทได้มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมองค์ประกอบภายในตลอดมาจนมีพื้นที่ราว 248 ไร่
นอกจากกรงนกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่เราสามารถใกล้ชิดกับนกนาๆ พันธุ์แล้ว ยังมีอาคารแสดงพันธุ์ปลาลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาฯ ซึ่งเป็นที่รวบรวมปลาหลายสายพันธุ์ที่สามารถพบได้ในแม่น้ำเจ้าพระยา หรือว่าจะเป็นทางด้านศูนย์วิทยาศาสตร์ท้องฟ้าจำลองซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับเยาวชนตลอดจนผู้ที่สนใจ ภายในมีห้องวีดีทัศน์ดูดาว ซึ่งจะคล้ายๆ กับที่ท้องฟ้าจำลองในกรุงเทพฯ และข้างๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ไข่นก ซึ่งรวบรวมเอาไข่นกนานาชนิด และไข่นกซึ่งนำมาประยุกต์เป็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มาจัดแสดงไว้
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าสวยงามและน่าสนใจมากๆในสวนนกชัยนาท ก็คือ นกฟางหรือหุ่นฟางนก สัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของชัยนาท ที่มีการสร้างนกฟางอย่างเนี๊ยบหลากหลายชนิด(ตัวโต)สีสันสวยงามเหมือนจริงไว้ตามจุดต่างๆให้นักท่องเที่ยวมายืนเคียงคู่ถ่ายรูปโดยไม่ต้องกลัวว่านกฟางจะบินหนีเราไป
เดินชมนกจริง นกฟางอยู่ในสวนนกเพลินๆกินเวลามาหลายชั่วโมง จากนั้นเรามุ่งตรงมายัง “วัดมหาธาตุ” เดิมนั้นชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดหัวเมือง” หรือ “วัดมิ่งเมือง” โดยที่วัดนี้ป็นที่ตั้งของโบราณสถานเก่าแก่อันน่าสนใจหลายอย่าง แต่ที่เป็นไฮไลท์คือพระปรางค์ทรงกลีบมะเฟือง เป็นศิลปะแบบลพบุรี ซึ่งมีถึง 3 แบบ 3 องค์ หาชมได้ยาก นอกจากนั้นยังมีพระพุทธรูปเก่ามากมาย ทั้งที่เป็นศิลปะแบบลพบุรีเองและแบบอยุธยา
ต่อมาเราเดินทางมายัง “วัดพระแก้ว” เพื่อมาชมเจดีย์ทรงสูง ศิลปะแบบละโว้ สันนิษฐานว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 มีอายุประมาณ 600-700 ปี แต่ยังคงความสวยงามและความสมบูรณ์มาถึงปัจจุบัน จนหลายคนบอกกันปากต่อปากว่าเป็นเจดีย์ที่สวยที่สุดในเอเชียเลยทีเดียว
ส่วนด้านหน้าของเจดีย์นี้เป็นที่ตั้งของ Unseen ในจังหวัดชัยนาท นั่นก็คือ “หลวงพ่อฉาย” พระพุทธรูปซึ่งสร้างขึ้นจากศิลาแลง แต่ที่มีความไม่เหมือนใครตรงที่เรียกได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์ เดียวในประเทศไทยที่มีทับหลัง แกะสลักเป็นรูปช้างเอราวัณ และพระศิวะ ศิลปะคล้ายกับทางเขมร โดยสันนิษฐานว่าทับหลังนี้อาจจะปนมากับศิลาแลงที่เรานำเข้ามาสร้างเป็นพระพุทธรูป ซึ่งไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจ นับว่าเป็นของเก่าแก่ซึ่งหาดูได้ยากในปัจจุบัน
สำหรับของดีคู่บ้านคู่เมืองชัยนาทอีกอย่างที่คนทั่วไปรู้จักกันดีนั่นก็คือ “หุ่นฟางนก” ที่นอกจะมีให้ชมจำนวนมากในสวนนกชัยนาทแล้ว ทุกๆปีทางจังหวัดชัยนาทยังมีการจัดงานประจำปีมหกรรมหุ่นฟางนกกันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งล่าสุดก็เพิ่งจัดผ่านพ้นไปในไม่กี่วันมานี้
หุ่นฟางนกทำจากจากฝีมืออันปราณีตของชาวบ้าน ซึ่งน้อยคนที่จะรู้ว่า ปัจจุบันงานฝีมือชนิดนี้ การันตีด้วยการส่งขายต่างประเทศ ที่มีกำลังซื้อเข้ามาอย่างไม่ขายสาย เรียกกันว่าทำส่งขายกันไม่ทันเลยทีเดียว
เดิมทีการทำหุ่นจากฟางข้าวนั้นเราจะคุ้นเคยกันกับหุ่นไล่กาเสียมากกว่า ซึ่งชาวชัยนาทเองก็ได้ปรับเปลี่ยนและพัฒนารูปแบบ จนมาลงตัวที่หุ่นฟางนก อย่างทุกวันนี้ นอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างจากการทำไร่ทำนาให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังเป็นการนำวัสดุที่เหลือใช้อย่างฟาง มาทำให้เกิดมูลค่าสร้างรายได้ในชุมชน แต่วิธีการทำนั้นก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องมีการศึกษาและสังเกตุโครงสร้างของนกแต่ละชนิดให้ละเอียดก่อน และค่อยๆ บรรจงทำแต่ละส่วนตั้งแต่ตัว หัว ปีก ซึ่งกว่าจะเสร็จ 1 ตัว ก็ใช้เวลาไปถึง 1 สัปดาห์ แต่ราคาก็คุ้มค่ากับการลงแรง
นอกจากมหกรรมหุ่นฟางนกแล้ว ในชัยนาทยังมีประเพณีที่น่าสนใจอย่าง“การห่มผ้าพระธาตุ” โดยสถานที่ที่เราไปร่วมทำบุญห่มผ้าพระธาตุนั้นก็คือที่ “วัดพระบรมธาตุวรวิหาร” ที่มีองค์พระธาตุเจดีย์สวยเด่น
สำหรับการห่มผ้าพระธาตุนี้ พุทธศาสนิกชนต่างเชื่อกันว่าผู้ร่วมกระทำจะได้บุญมาก และเป็นสิริมงคลกับชีวิตสูงสุด จึงสืบสานมาเป็นประเพณีที่มีในหลายจังหวัด แต่ถ้าขึ้นชื่อที่สุดก็ต้องยกให้ประเพณี แห่ผ้าขึ้นธาตุ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันมาฆบูชาของทุกปี
ด้วยความที่เมืองชัยนาทเองอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เราจึงเปลี่ยนวิถีการเที่ยวจากรถมาลงเรือ เพื่อย้อนอดีตไปยังสมัยก่อน ที่การคมนาคมทางน้ำเป็นอะไรที่สะดวกสบาย และนอกจากนั้นวัดสำคัญๆ ของชัยนาทส่วนใหญ่ก็จะติดริมแม่น้ำ รวมถึงวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งใครมาชัยนาทและไม่ได้มากราบไหว้หลวงปู่ศุขที่วัดนี้ก็ถือว่ายังมาไม่ถึง
ขณะที่นั่งเรือชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำอยู่นั้นเองก็ปรากฏกลุ่มก้อนสีดำ ลอยตัวอยู่ด้านหน้าเรือ ซึ่งเพื่อนร่วมทริปคนหนึ่งบอกว่าอาจเป็นกลุ่มของผึ้งขนาดใหญ่ที่กำลังอพยพ แต่นาทีที่เรือของเราค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหา ปรากฏว่าเป็น
กลุ่มของตัวต่อหัวเสือ ขนาดใหญ่ หลายร้อยตัว คนในเรือต่างหาที่หลบกันโกลาหล แต่น่าอัศจรรย์ที่กลุ่มตัวต่อนั้นไม่เข้ามาในเรือแม้แต่ตัวเดียว แต่กลับบินแหวกทางให้เรือผ่านไปได้ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย สร้างความฉงนสงสัยให้กับเพื่อนร่วมทริปว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นมีความกว้างใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดจึงมีกลุ่มตัวต่อหลายร้อยตัวบินอยู่กลางแม่น้ำ
อาจเป็นเรื่องบังเอิญแต่ก็ทำให้เราอดคิดถึงเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงปู่ศุข” ไม่ได้ ที่ตามตำนานเล่ากันว่า ท่านมีอาคมที่สามารถเสกใบมะขามให้กลายเป็นตัวต่อ แตน ได้ ซึ่งพอนึกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็พาให้หลายคนรู้สึกขนลุกไปตามๆกัน
ปัจจุบันวัดปากคลองมะขามเฒ่านั้นคราคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนกันมากราบไหว้สักการะ เช่าบูชาวัตถุมงคลต่างๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งภายในวัดก็คือ ภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข ซึ่งร่วมกับข้าราชบริพาร เขียนไว้ในพระอุโบสถ เป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติต่างๆ ที่สอดแทรกความเป็นตัวของท่านเอง เฉกเช่นศิลปินคนหนึ่งลงไป ซึ่งมีความสวยงามและแปลกตา ไม่เหมือนใคร
สถานที่เที่ยวเกี่ยวกับน้ำอีกแห่งหนึ่งในชัยนาทที่น่าสนใจมากก็คือ “บึงกระจับใหญ่” ที่มี“เกาะเมืองท้าวอู่ทอง”เกาะกลางน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางบึง
บึงกระจับใหญ่ ในช่วงนี้ถือเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญของชัยนาท เพราะเป็นฤดูที่นกเป็ดน้ำและนกในตระกูลนกปากห่างตลอดจนนกประจำถิ่นต่างๆ อพยพมาอาศัยอยู่นับพันตัว ซึ่งการได้นั่งเรือชมฝูงนกยามเย็นนั้น เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่ต้องลองมาสัมผัสสักครั้งหนึ่ง ลูกนกเป็ดน้ำตัวน้อยค่อยๆ บินถลาลงสู่น้ำ นั้นเป็นภาพที่น่ารักอย่าบอกใคร ก่อนที่ท้ายสุดพระอาทิตย์ดวงโตจะค่อยๆลาลับจากขอบฟ้าไป ทิ้งภาพเมืองชัยนาทไว้ในความทรงจำ
และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่น่าสนใจในชัยนาท จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ซึ่งหากใครมีโอกาสแวะเวียนไปเที่ยว ก็จะพบว่าชัยนาทนั้นมีความน่าสนใจมากกว่าที่คิดจริงๆ
*****************************************
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทาง เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานสุพรรณบุรี(รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดชัยนาทด้วย) โทร. 0-3553-6030
ถึงแม้ว่าสภาพอากาศในช่วงนี้จะแปรปรวน พอๆกับสถานการณ์ทางการเมืองของเรา ในหนึ่งวันมีทั้งอากาศร้อน หนาวและฝนตก แต่เราก็ไม่หวั่นที่จะเก็บกระเป๋าออกเดินทาง เพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต อย่างกับทริปนี้ที่“ตะลอนเที่ยว”เดินทางมายัง“ชัยนาท” จังหวัดที่ถูกมองเป็นเมืองผ่าน แต่หารู้หรือไม่ว่า ชัยนาทนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย
สำหรับสถานที่แรก เราเริ่มต้นเปิดประเดิมทริปอย่างเป็นสิริมงคลด้วยการเดินทางไปที่ “วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดเขาพลอง” วัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งนอกจาก“หลวงพ่อชื้น”ที่เป็นที่รู้จักกันดีทั้งในหมู่ชาวบ้าน ตลอดจนเซียนพระต่างๆแล้ว ด้านบนของวัดนั้นยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์สีทองอร่าม ด้านในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจากบริเวณนี้เองเรายังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองชัยนาทได้แบบ 360 องศา
บริเวณเชิงเขาของวัดนั้นเป็นที่ตั้งของ “พระพุทธอริยธัมโม” พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ มีความสูง 8 วา 3 ศอก 1 นิ้ว รวมฐานสูง 9 วา 3 ศอก 6 นิ้ว หน้าตักกว้าง 6 วา 1 ศอก 8 นิ้ว ศิลปะแบบสุโขทัย ซึ่งหลวงพ่อชื้นท่านได้รวบรวมปัจจัยจากผู้ศรัทธาโดยใช้เวลาสร้างนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันไม่ว่าใครที่ผ่านไปมาแถวนี้ก็จะเห็นกับความงามขององค์พระขนาดใหญ่ เด่นเป็นสง่าอยู่อย่างจัดเจน
ไม่ไกลจากวัดเขาพลองเป็นที่ตั้งของ “สวนนกชัยนาท” สถานทีท่องเที่ยวและให้ความรูด้านสัตว์และธรรมชาติ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมที่จะมากันแบบเป็นครอบครัว มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจ ซึ่งขึ้นชื่อว่าสวนนก แน่นอนว่าต้องเป็นแหล่งที่รวบรวมพันธุ์นกหลากหลาย ทั้งที่มีอยู่ในประเทศไทยเองและที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสเปิดโลกการเรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น ปัจจุบันทางสวนนกชัยนาทได้มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมองค์ประกอบภายในตลอดมาจนมีพื้นที่ราว 248 ไร่
นอกจากกรงนกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่เราสามารถใกล้ชิดกับนกนาๆ พันธุ์แล้ว ยังมีอาคารแสดงพันธุ์ปลาลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาฯ ซึ่งเป็นที่รวบรวมปลาหลายสายพันธุ์ที่สามารถพบได้ในแม่น้ำเจ้าพระยา หรือว่าจะเป็นทางด้านศูนย์วิทยาศาสตร์ท้องฟ้าจำลองซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับเยาวชนตลอดจนผู้ที่สนใจ ภายในมีห้องวีดีทัศน์ดูดาว ซึ่งจะคล้ายๆ กับที่ท้องฟ้าจำลองในกรุงเทพฯ และข้างๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ไข่นก ซึ่งรวบรวมเอาไข่นกนานาชนิด และไข่นกซึ่งนำมาประยุกต์เป็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มาจัดแสดงไว้
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าสวยงามและน่าสนใจมากๆในสวนนกชัยนาท ก็คือ นกฟางหรือหุ่นฟางนก สัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของชัยนาท ที่มีการสร้างนกฟางอย่างเนี๊ยบหลากหลายชนิด(ตัวโต)สีสันสวยงามเหมือนจริงไว้ตามจุดต่างๆให้นักท่องเที่ยวมายืนเคียงคู่ถ่ายรูปโดยไม่ต้องกลัวว่านกฟางจะบินหนีเราไป
เดินชมนกจริง นกฟางอยู่ในสวนนกเพลินๆกินเวลามาหลายชั่วโมง จากนั้นเรามุ่งตรงมายัง “วัดมหาธาตุ” เดิมนั้นชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดหัวเมือง” หรือ “วัดมิ่งเมือง” โดยที่วัดนี้ป็นที่ตั้งของโบราณสถานเก่าแก่อันน่าสนใจหลายอย่าง แต่ที่เป็นไฮไลท์คือพระปรางค์ทรงกลีบมะเฟือง เป็นศิลปะแบบลพบุรี ซึ่งมีถึง 3 แบบ 3 องค์ หาชมได้ยาก นอกจากนั้นยังมีพระพุทธรูปเก่ามากมาย ทั้งที่เป็นศิลปะแบบลพบุรีเองและแบบอยุธยา
ต่อมาเราเดินทางมายัง “วัดพระแก้ว” เพื่อมาชมเจดีย์ทรงสูง ศิลปะแบบละโว้ สันนิษฐานว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 มีอายุประมาณ 600-700 ปี แต่ยังคงความสวยงามและความสมบูรณ์มาถึงปัจจุบัน จนหลายคนบอกกันปากต่อปากว่าเป็นเจดีย์ที่สวยที่สุดในเอเชียเลยทีเดียว
ส่วนด้านหน้าของเจดีย์นี้เป็นที่ตั้งของ Unseen ในจังหวัดชัยนาท นั่นก็คือ “หลวงพ่อฉาย” พระพุทธรูปซึ่งสร้างขึ้นจากศิลาแลง แต่ที่มีความไม่เหมือนใครตรงที่เรียกได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์ เดียวในประเทศไทยที่มีทับหลัง แกะสลักเป็นรูปช้างเอราวัณ และพระศิวะ ศิลปะคล้ายกับทางเขมร โดยสันนิษฐานว่าทับหลังนี้อาจจะปนมากับศิลาแลงที่เรานำเข้ามาสร้างเป็นพระพุทธรูป ซึ่งไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจ นับว่าเป็นของเก่าแก่ซึ่งหาดูได้ยากในปัจจุบัน
สำหรับของดีคู่บ้านคู่เมืองชัยนาทอีกอย่างที่คนทั่วไปรู้จักกันดีนั่นก็คือ “หุ่นฟางนก” ที่นอกจะมีให้ชมจำนวนมากในสวนนกชัยนาทแล้ว ทุกๆปีทางจังหวัดชัยนาทยังมีการจัดงานประจำปีมหกรรมหุ่นฟางนกกันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งล่าสุดก็เพิ่งจัดผ่านพ้นไปในไม่กี่วันมานี้
หุ่นฟางนกทำจากจากฝีมืออันปราณีตของชาวบ้าน ซึ่งน้อยคนที่จะรู้ว่า ปัจจุบันงานฝีมือชนิดนี้ การันตีด้วยการส่งขายต่างประเทศ ที่มีกำลังซื้อเข้ามาอย่างไม่ขายสาย เรียกกันว่าทำส่งขายกันไม่ทันเลยทีเดียว
เดิมทีการทำหุ่นจากฟางข้าวนั้นเราจะคุ้นเคยกันกับหุ่นไล่กาเสียมากกว่า ซึ่งชาวชัยนาทเองก็ได้ปรับเปลี่ยนและพัฒนารูปแบบ จนมาลงตัวที่หุ่นฟางนก อย่างทุกวันนี้ นอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างจากการทำไร่ทำนาให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังเป็นการนำวัสดุที่เหลือใช้อย่างฟาง มาทำให้เกิดมูลค่าสร้างรายได้ในชุมชน แต่วิธีการทำนั้นก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องมีการศึกษาและสังเกตุโครงสร้างของนกแต่ละชนิดให้ละเอียดก่อน และค่อยๆ บรรจงทำแต่ละส่วนตั้งแต่ตัว หัว ปีก ซึ่งกว่าจะเสร็จ 1 ตัว ก็ใช้เวลาไปถึง 1 สัปดาห์ แต่ราคาก็คุ้มค่ากับการลงแรง
นอกจากมหกรรมหุ่นฟางนกแล้ว ในชัยนาทยังมีประเพณีที่น่าสนใจอย่าง“การห่มผ้าพระธาตุ” โดยสถานที่ที่เราไปร่วมทำบุญห่มผ้าพระธาตุนั้นก็คือที่ “วัดพระบรมธาตุวรวิหาร” ที่มีองค์พระธาตุเจดีย์สวยเด่น
สำหรับการห่มผ้าพระธาตุนี้ พุทธศาสนิกชนต่างเชื่อกันว่าผู้ร่วมกระทำจะได้บุญมาก และเป็นสิริมงคลกับชีวิตสูงสุด จึงสืบสานมาเป็นประเพณีที่มีในหลายจังหวัด แต่ถ้าขึ้นชื่อที่สุดก็ต้องยกให้ประเพณี แห่ผ้าขึ้นธาตุ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันมาฆบูชาของทุกปี
ด้วยความที่เมืองชัยนาทเองอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เราจึงเปลี่ยนวิถีการเที่ยวจากรถมาลงเรือ เพื่อย้อนอดีตไปยังสมัยก่อน ที่การคมนาคมทางน้ำเป็นอะไรที่สะดวกสบาย และนอกจากนั้นวัดสำคัญๆ ของชัยนาทส่วนใหญ่ก็จะติดริมแม่น้ำ รวมถึงวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งใครมาชัยนาทและไม่ได้มากราบไหว้หลวงปู่ศุขที่วัดนี้ก็ถือว่ายังมาไม่ถึง
ขณะที่นั่งเรือชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำอยู่นั้นเองก็ปรากฏกลุ่มก้อนสีดำ ลอยตัวอยู่ด้านหน้าเรือ ซึ่งเพื่อนร่วมทริปคนหนึ่งบอกว่าอาจเป็นกลุ่มของผึ้งขนาดใหญ่ที่กำลังอพยพ แต่นาทีที่เรือของเราค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหา ปรากฏว่าเป็น
กลุ่มของตัวต่อหัวเสือ ขนาดใหญ่ หลายร้อยตัว คนในเรือต่างหาที่หลบกันโกลาหล แต่น่าอัศจรรย์ที่กลุ่มตัวต่อนั้นไม่เข้ามาในเรือแม้แต่ตัวเดียว แต่กลับบินแหวกทางให้เรือผ่านไปได้ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย สร้างความฉงนสงสัยให้กับเพื่อนร่วมทริปว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นมีความกว้างใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดจึงมีกลุ่มตัวต่อหลายร้อยตัวบินอยู่กลางแม่น้ำ
อาจเป็นเรื่องบังเอิญแต่ก็ทำให้เราอดคิดถึงเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงปู่ศุข” ไม่ได้ ที่ตามตำนานเล่ากันว่า ท่านมีอาคมที่สามารถเสกใบมะขามให้กลายเป็นตัวต่อ แตน ได้ ซึ่งพอนึกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็พาให้หลายคนรู้สึกขนลุกไปตามๆกัน
ปัจจุบันวัดปากคลองมะขามเฒ่านั้นคราคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนกันมากราบไหว้สักการะ เช่าบูชาวัตถุมงคลต่างๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งภายในวัดก็คือ ภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข ซึ่งร่วมกับข้าราชบริพาร เขียนไว้ในพระอุโบสถ เป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติต่างๆ ที่สอดแทรกความเป็นตัวของท่านเอง เฉกเช่นศิลปินคนหนึ่งลงไป ซึ่งมีความสวยงามและแปลกตา ไม่เหมือนใคร
สถานที่เที่ยวเกี่ยวกับน้ำอีกแห่งหนึ่งในชัยนาทที่น่าสนใจมากก็คือ “บึงกระจับใหญ่” ที่มี“เกาะเมืองท้าวอู่ทอง”เกาะกลางน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางบึง
บึงกระจับใหญ่ ในช่วงนี้ถือเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญของชัยนาท เพราะเป็นฤดูที่นกเป็ดน้ำและนกในตระกูลนกปากห่างตลอดจนนกประจำถิ่นต่างๆ อพยพมาอาศัยอยู่นับพันตัว ซึ่งการได้นั่งเรือชมฝูงนกยามเย็นนั้น เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่ต้องลองมาสัมผัสสักครั้งหนึ่ง ลูกนกเป็ดน้ำตัวน้อยค่อยๆ บินถลาลงสู่น้ำ นั้นเป็นภาพที่น่ารักอย่าบอกใคร ก่อนที่ท้ายสุดพระอาทิตย์ดวงโตจะค่อยๆลาลับจากขอบฟ้าไป ทิ้งภาพเมืองชัยนาทไว้ในความทรงจำ
และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่น่าสนใจในชัยนาท จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ซึ่งหากใครมีโอกาสแวะเวียนไปเที่ยว ก็จะพบว่าชัยนาทนั้นมีความน่าสนใจมากกว่าที่คิดจริงๆ
*****************************************
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทาง เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานสุพรรณบุรี(รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดชัยนาทด้วย) โทร. 0-3553-6030