โดย...สุกัญญา แสงงาม
เด็กเมืองไม่ค่อยมีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ขณะเดียวกัน เด็กชนบทเข้าไม่ถึงวิถีชีวิตเด็กเมืองที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ในแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย
รุ่งรุจน์ธนัน บุณยรักษ์ ผู้จัดการโรงเรียนอนุบาลบุณยรักษ์ ได้ริเริ่ม “โครงการเปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้สู่ภูมิปัญญาท้องถิ่น” เพื่อให้นักเรียนอนุบาลบุณยรักษ์ กับนักเรียนบ้านหนองช้าง จ.กาฬสินธุ์ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมและทักษะการใช้ชีวิตร่วมกัน
“ส่วนตัวมองว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชนเป็นอย่างมาก แต่สังคมสมัยใหม่กลับมองว่าเป็นสิ่งล้าสมัยสำหรับคนยุคโลกาภิวัตน์ ทั้งๆ ที่ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นมรดกทางความรู้ของคนยุคเก่า แม้ไม่ค่อยทันสมัยและส่งต่ออยู่ในวงจำกัดเฉพาะคนในครัวเรือหรือเครือญาติเท่านั้น แต่หากไม่มีการสืบทอดภูมิปัญญาอย่างการทอผ้า กาฬสินธุ์ อาจสูญหาย ด้วยเหตุนี้ ผมจึงปลูกฝังเด็กๆ ให้อนุรักษ์ สืบสานภูมิปัญญาเอาไว้” รุ่งรจน์ธนัน กล่าว
ผู้จัดการ ร.ร.อนุบาลบุณยรักษ์ เล่าให้ฟังด้วยว่า ปลายปีที่ผ่านมา เราได้พานักเรียนอนุบาลบุณยรักษ์พร้อมผู้ปกครอง เดินทางไปกาฬสินธุ์ โดยพักกับชาวบ้าน เด็กๆ สนุกกับการทำ “ข้าวจี่” โดยมีพี่ๆ จาก ร.ร.บ้านหนองช้าง ช่วยสอนวิธีทำ วิธีการรับประทาน ทำให้เด็ก 2 โรงเรียน สนุกกับการปั้นข้าวเหนียวนำไปย่างไฟและทาไข่ สุกแล้วเด็กจะแบ่งกันกิน วิธีนี้เด็กๆ เรียนรู้การแบ่งปัน ความเอื้อเฟือโดยอัตโนัมัติ พร้อมกันนี้ พาไปดูผู้เฒ่าผู้แก่ทอผ้าพื้นเมือง นอกจากนี้ จะให้เด็กๆ สองโรงเรียนยังช่วยกันทอผ้าด้วย พร้อมให้ผู้เฒ่าผู้แก่บรรยายลายทอผ้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เป็นการปลูกจิตสำนึกให้สืบสานการทอผ้าต่อไป
รุ่งรุจน์ธนัน เล่าอีกว่า หลังจากนั้น เมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้ให้การต้อนรับนักเรียนบ้านหนองช้าง เกือบ 100 ชีวิต โดยจัดโปรแกรมให้เด็กได้เปิดหูเปิดตาสัมผัสความหลากหลายแหล่งเรียนรู้ เช่น ฝูงบิน 604 กองทัพอากาศ ดอนเมือง สวนรถไฟ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ท้องฟ้าจำลอง สวนรถไฟ สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ เป็นต้น
“ระหว่างไปชม ฝูงบิน 604 กองทัพอากาศ ดอนเมือง เด็กบางคนถึงกับเอ่ยปากว่า โตขึ้นเขาจะขับเครื่องบิน ผมว่าตรงนี้เป็นแรงจูงใจให้เด็กตั้งใจเรียน ก้าวสู่อาชีพนักบิน เด็กบางคนตื่นเต้นเมื่อได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์” รุ่งรุจน์ธนัน กล่าว
ด้าน ด.ช.ชญานนท์ จารพันธ์ หรือ น้องปอย นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านหนองช้าง เผยความรู้สึกว่า ตื่นเต้นมากและเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มีโอกาสไปเที่ยวแหล่งเรียนรู้หลายแห่ง ที่ชอบมากๆ คือ ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ได้เล่นเครื่องเล่นวิทยาศาสตร์และได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยตัวเอง แถมขึ้นเครื่องบินนั่งขับแอ็คท่าว่านั่งขับเครื่องบินด้วย
“ชอบพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ได้กดปุ่มแล้วฟังคำอธิบาย เข้าใจบ้างไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจ อาจยังเรียนไม่ถึง พอมาเห็นแหล่งเรียนรู้สมัยใหม่แบบนี้ อยากให้ จ.กาฬสินธุ์ มีบ้าง จะได้ไปบ่อยๆ เพราะเลิกเรียนพวกเราจะวิ่งเล่น เตะบอล ถ้ามีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เหมือนกรุงเทพฯ วันเสาร์-อาทิตย์ จะชวนกันไปกดปุ่มตั้งใจฟังคำอธิบาย จะได้รู้ไม่แพ้เด็กกรุงเทพ” น้องปอย บอกด้วยรอยยิ้ม
เด็กเมืองไม่ค่อยมีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ขณะเดียวกัน เด็กชนบทเข้าไม่ถึงวิถีชีวิตเด็กเมืองที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ในแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย
รุ่งรุจน์ธนัน บุณยรักษ์ ผู้จัดการโรงเรียนอนุบาลบุณยรักษ์ ได้ริเริ่ม “โครงการเปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้สู่ภูมิปัญญาท้องถิ่น” เพื่อให้นักเรียนอนุบาลบุณยรักษ์ กับนักเรียนบ้านหนองช้าง จ.กาฬสินธุ์ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมและทักษะการใช้ชีวิตร่วมกัน
“ส่วนตัวมองว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชนเป็นอย่างมาก แต่สังคมสมัยใหม่กลับมองว่าเป็นสิ่งล้าสมัยสำหรับคนยุคโลกาภิวัตน์ ทั้งๆ ที่ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นมรดกทางความรู้ของคนยุคเก่า แม้ไม่ค่อยทันสมัยและส่งต่ออยู่ในวงจำกัดเฉพาะคนในครัวเรือหรือเครือญาติเท่านั้น แต่หากไม่มีการสืบทอดภูมิปัญญาอย่างการทอผ้า กาฬสินธุ์ อาจสูญหาย ด้วยเหตุนี้ ผมจึงปลูกฝังเด็กๆ ให้อนุรักษ์ สืบสานภูมิปัญญาเอาไว้” รุ่งรจน์ธนัน กล่าว
ผู้จัดการ ร.ร.อนุบาลบุณยรักษ์ เล่าให้ฟังด้วยว่า ปลายปีที่ผ่านมา เราได้พานักเรียนอนุบาลบุณยรักษ์พร้อมผู้ปกครอง เดินทางไปกาฬสินธุ์ โดยพักกับชาวบ้าน เด็กๆ สนุกกับการทำ “ข้าวจี่” โดยมีพี่ๆ จาก ร.ร.บ้านหนองช้าง ช่วยสอนวิธีทำ วิธีการรับประทาน ทำให้เด็ก 2 โรงเรียน สนุกกับการปั้นข้าวเหนียวนำไปย่างไฟและทาไข่ สุกแล้วเด็กจะแบ่งกันกิน วิธีนี้เด็กๆ เรียนรู้การแบ่งปัน ความเอื้อเฟือโดยอัตโนัมัติ พร้อมกันนี้ พาไปดูผู้เฒ่าผู้แก่ทอผ้าพื้นเมือง นอกจากนี้ จะให้เด็กๆ สองโรงเรียนยังช่วยกันทอผ้าด้วย พร้อมให้ผู้เฒ่าผู้แก่บรรยายลายทอผ้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เป็นการปลูกจิตสำนึกให้สืบสานการทอผ้าต่อไป
รุ่งรุจน์ธนัน เล่าอีกว่า หลังจากนั้น เมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้ให้การต้อนรับนักเรียนบ้านหนองช้าง เกือบ 100 ชีวิต โดยจัดโปรแกรมให้เด็กได้เปิดหูเปิดตาสัมผัสความหลากหลายแหล่งเรียนรู้ เช่น ฝูงบิน 604 กองทัพอากาศ ดอนเมือง สวนรถไฟ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ท้องฟ้าจำลอง สวนรถไฟ สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ เป็นต้น
“ระหว่างไปชม ฝูงบิน 604 กองทัพอากาศ ดอนเมือง เด็กบางคนถึงกับเอ่ยปากว่า โตขึ้นเขาจะขับเครื่องบิน ผมว่าตรงนี้เป็นแรงจูงใจให้เด็กตั้งใจเรียน ก้าวสู่อาชีพนักบิน เด็กบางคนตื่นเต้นเมื่อได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์” รุ่งรุจน์ธนัน กล่าว
ด้าน ด.ช.ชญานนท์ จารพันธ์ หรือ น้องปอย นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านหนองช้าง เผยความรู้สึกว่า ตื่นเต้นมากและเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มีโอกาสไปเที่ยวแหล่งเรียนรู้หลายแห่ง ที่ชอบมากๆ คือ ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ได้เล่นเครื่องเล่นวิทยาศาสตร์และได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยตัวเอง แถมขึ้นเครื่องบินนั่งขับแอ็คท่าว่านั่งขับเครื่องบินด้วย
“ชอบพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ได้กดปุ่มแล้วฟังคำอธิบาย เข้าใจบ้างไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจ อาจยังเรียนไม่ถึง พอมาเห็นแหล่งเรียนรู้สมัยใหม่แบบนี้ อยากให้ จ.กาฬสินธุ์ มีบ้าง จะได้ไปบ่อยๆ เพราะเลิกเรียนพวกเราจะวิ่งเล่น เตะบอล ถ้ามีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เหมือนกรุงเทพฯ วันเสาร์-อาทิตย์ จะชวนกันไปกดปุ่มตั้งใจฟังคำอธิบาย จะได้รู้ไม่แพ้เด็กกรุงเทพ” น้องปอย บอกด้วยรอยยิ้ม
