ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่เชื่อกันว่าเมื่อคู่รักคู่ใดไปแล้วจะทำให้ชีวิตรักสมบูรณ์ยั่งยืนมากขึ้น ส่วนคู่ใดที่ยังไม่แต่งงานแต่กำลังดูใจกันอยู่หลังกลับมาจากสถานที่นั้นอาจจะได้เข้าพิธีวิวาห์กันก็เป็นได้ แต่สำหรับคนโสดไร้คู่ผู้แต่ไม่ไร้รักก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะเมืองไทยมีหลายสถานที่ให้คนไร้คู่ไปขอพรแล้วได้พบเจอเนื้อคู่ สมหวังในรักกลับมา
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่อวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักตามที่กล่าวมาข้างต้น ไล่จากเหนือลงไปใต้ที่เด่นๆก็มี
สถานที่แรก “พระธาตุดอยสุเทพ” วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ บนดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ซึ่งนอกจากจะเป็นพระธาตุประจำปีคนเกิดปีมะแม(ปีแพะ)แล้ว สำหรับชาวล้านนายังมีความเชื่อว่า ถ้าได้มาสักการะพระธาตุ จะมีพบแต่ความสำเร็จในชีวิต สมหวังดังปรารถนา รวมไปถึงเรื่องของความรักตลอดจนเรื่องเนื้อคู่ด้วยเช่นกัน ส่วนผู้ที่มีคู่แล้วก็สามารถมาขอพรเพื่อให้ความรักอยู่ยั่งยืนยาว ปราศจากอุปสรรคหนักๆมาข้องแวะได้เช่นกัน
จากภาคเหนือข้ามไปอีสานเพื่อไปพิสูจน์รักกันที่ (ยอด)ภูกระดึง จ.เลย ปฐมบทของการท่องเที่ยวดอยสูงของไทย สถานที่ยอดนิยมของวัยรุ่นหนุ่มสาวผู้รักกันผจญภัยรุ่นแล้วรุ่นเล่า จนกลายมาเป็นเรื่องเล่าของการพิสูจน์รักแท้ที่ว่า ถ้าคู่รักคู่ไหนอยากรู้ว่าอีกผ่ายหนึ่งนั้นรักเรามากแค่ไหนนั้น ลองมาขึ้นภูกะดึงดูสักครั้ง เพราะในช่วงระหว่างเดินขึ้น เป็นช่วงที่ทั้งสองฝ่ายต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฝั่นฝ่าความลำบากต่างๆจนไปถึงยอดดอย
นอกจากนี้การขึ้นไปเที่ยวภูกระดึงยังทำให้คู่รักได้รู้ถึงธาตุแท้ของกันและกัน ว่าฝ่ายชายนั้นเสียสละ อดทน และแมนแค่ไหน ส่วนฝ่ายหญิงนั้นแม้ธรรมชาติร่างกายจะอ่อนแกกว่า แต่ว่าเธอนั้นเป็นผู้ที่ไม่หวั่นไม่ย้อท่อต่ออุปสรรคมากน้อยแค่ไหน
และนอกเหนือไปจากภูกระดึงแล้ว การไปเที่ยวตามเขาตามดอยสูงๆอีกหลายแห่งในเมืองไทย ก็สามารถใช้เป็นเครื่องพิสูจน์รักแท้ของคู่รักได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ภูสอยดาว ดอยหลวงเชียงดาว เขาหลวง ดอยโมโกจู เป็นต้น
มาที่ภาคกลางกันบ้าง ในกรุงเทพฯ มี“พระตรีมูรติ” หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ เป็นจุดขอพรสำคัญในเรื่องของความรัก ซึ่งแต่ละวันจะมีผู้คนเดินทางมาสักการะขอให้ประสบความสำเร็จในเรื่องของความรักเป็นจำนวนมาก
“พระตรีมูรติ” คืออวตารรวมของพระเป็นเจ้าสูงสุดทั้งสามองค์ในศาสนาพราหมณ์ อันได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระนารายณ์ (ผู้ปกป้องรักษา) และพระอิศวร (ผู้ทำลาย) โดยพระตรีมูรตินั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของมหาเทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ยุคใหม่ เทพเจ้าทั้งสามนี้เทียบเป็นสัญลักษณ์ได้ดังพลังธรรมชาติ ได้แก่ พลังสร้าง พลังรักษา และพลังทำลาย
คำว่า "โอม" เป็นสัญลักษณ์ของพระตรีมูรติ โดยเป็นการรวมอักษร (อักษรเทวนาครี) ได้แก่ อะ หมายถึงพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ เทพเจ้าผู้ดำรงรักษา, อุ หมายถึงพระพรหม เทพเจ้าผู้สร้างโลก และ มะ หมายถึงพระศิวะเทพ เทพเจ้าผู้ทำลาย คนส่วนใหญ่เชื่อว่าการบูชาพระตรีมูรติจะทำให้ชีวิตมีความอุดมสมบูรณ์ ในชีวิต ความรัก และการงาน
สำหรับความเชื่อของชาวไทยต่อพระตรีมูรติ คือ พระองค์เป็นเทพเจ้าแห่งความรักโดยเฉพาะในหมู่หนุ่มสาวที่เคารพและบูชาพระองค์ ในวันวาเลนไทน์ มักมีผู้คนมากมายมาบูชาและขอพรจากพระตรีมูรติ นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น. เป็นเวลาที่พระตรีมูรติจะลงมาประทานพรให้ผู้คนที่บูชาพระองค์ท่าน
ไปที่จังหวัดชลบุรี ภาคตะวันออก เพื่อเที่ยวสัมผัสกับ“ศาลเจ้าแม่เขาสามมุข” หนึ่งในสถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการขอพรบนบานในเรื่องความรักกันบ้าง
ศาลเจ้าแม่เขาสามมุข ตั้งอยู่บริเวณเชิงหน้าผา เขาสามมุข ไม่ไกลจากหาดบางแสนนัก สำหรับเรื่องราวของเขาสามมุขและหาดบางแสนมีตำนานเล่ากันว่า หนุ่มแสนกับสาวมุขคู่รักต่างฐานะที่ได้พบรักกันและได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักกันไปตลอดกาล แต่สุดท้ายกลับถูกผู้ใหญ่กีดกันจนไม่สามารถครองคู่กันได้ ทำให้ทั้งฝ่ายหญิงและชาย ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยการกระโดดหน้าผาตาย ณ สถานที่ที่ซึ่งทั้งคู่ได้พบรักกัน ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นศาลเจ้าแม่เขาสามมุขสถานที่กราบไหว้ขอพร ในเรื่องความรักของหนุ่มสาว ภายในจังหวัดและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังบางเขาสามมุข โดยเชื่อกันว่าหากคู่รักที่มีความมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อกัน เมื่อนำว่าวมาเขียนชื่อตนเองและนำมาแขวนไว้บริเวณศาลก็จะได้ครองรักกันยืนยาวตลอดไป
จากภาคตะวันออกล่องใต้ลงมาที่ “ถ้ำเล เขากอบ” จ.ตรัง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งเมืองหมูย่าง ซึ่งสำหรับคนที่เคยไปลอดถ้ำนี้มาแล้วคงพอจะทราบถึงความตื่นเต้นเร้าใจอันเป็นไฮไลท์ของที่นี่ กับการนั่งเรือลำน้อย แล้วค่อยๆล่องลอดผ่านโพรงถ้ำท้องมังกรอันหวาดเสียว เพราะเพดานถ้ำอยู่ต่ำเตี้ย ชนิดต้องนอนราบไปบนเรืออย่างเดียว แถมเพดานถ้ำบางจุดยังอยู่ห่างปลายจมูกแบบฉิวเฉียดหวาดเสียวเหลือประมาณ
ทว่าเมื่อลอดท้องถ้ำผ่านขึ้นมาแล้วเราจะได้พบกับความงามของถ้ำที่แบ่งเป็นห้องต่างๆ โดยหนึ่งในห้องสำคัญก็คือ “ห้องเจ้าสาว” ห้องเล็กๆที่มีหินงอกหินย้อยลักษณะคล้ายม่านประตูอยู่หน้าห้อง ส่วนภายในห้องมีหินที่มีลักษณะคล้ายเตียงนอนตั้งอยู่ ซึ่งมีความเชื่อว่า สำหรับคู่รักถ้าได้เข้ามาห้องนี้ด้วยกันก็จะช่วยให้ชีวิตรักมีความสุขมากยิ่งขึ้น ทำให้มีคู่รักหลายคู่ให้ความสนใจมาเข้ามาห้องนี้กันอยู่เป็นประจำ
ส่วนคนที่ไม่มีคู่หากได้มาลอดม่านถูกช่องก็จะสมหวังในความรักเมื่อกลับออกไป แต่ถ้าลอดผิดช่องงานนี้คงต้องกินแห้วและเป็นโสดต่อไปเหมือนเดิม
ล่องใต้จากตรังลงไปอีกสู่ หมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล เพื่อไปสัมผัสกับ “ซุ้มประตูหินโค้ง” ที่เกาะไข่ หนึ่งในเกาะสำคัญของหมู่เกาะแห่งนี้
สำหรับซุ้มประตูหินโค้ง มีความเชื่อว่าถ้าคู่รักคู่ใดได้มาลอดซุ้มประตูหินแห่งนี้ กลับออกไปจะมีชีวิตรักสมหวังยืนยาว นั่นจึงทำให้คู่รักนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างแวะเวียนกันมาลอดซุ้มประตูหินนี้กันเป็นประจำ จนมีการตั้งฉายาใหม่ให้ซุ้มประตูนี้ว่า "ซุ้มรักนิรันดร์" อีกทั้งยังมีกลอนหวานๆ มาช่วยเพิ่มสีสัน ว่า
“ประตูหินโค้ง ตะรุเตา สตูล จุดเพิ่มพูน ตำนาน รักหนุ่มสาว แดนประเดิมเสริมรักให้ยืนยาว สองเราก้าวสู่ประตู รักนิรันดร์”
และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับเรื่องราวของความรักในเมืองไทย โดยแต่ละแห่งต่างก็มีเรื่องราวความเชื่อแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากใครมีโอกาสแวะเวียนไปยังสถานที่ใดก็สามารถไปขอพรเรื่องความรักกันได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอย้ำว่านี่เป็นเพียงแค่ความเชื่อเท่านั้น เพราะการจะมีรักแท้ที่ยืนยงได้นั้น สิ่งสำคัญก็คือการให้ ความจริงใจ ความซื่อสัตย์ เอาใจเขามาใส่ใจเรา การให้เกียรติ การให้อภัย และการที่คู่รักช่วยกันทะนุถนอมความรักไว้ให้มั่นคงยั่งยืนนาน