"ดอกไม้ป่า"...อาจดูด้อยค่าในสายตาของใครหลายคน
แต่หารู้ไม่ว่ายามที่ดอกไม้ป่าบางชนิดพร้อมใจกันผลิดอกเบ่งบานแสดงศักยภาพความงามออกมาอย่างเต็มเปี่ยม มนต์เสน่ห์ของมันสามารถกระชากใจเราให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มได้อย่างไม่ยากเย็น ชนิดที่ดอกไม้บ้าน ดอกไม้เมือง ดอกไม้แจกัน ดอกไม้กระถาง ดอกไม้พลาสติก ดอกไม้เหล็ก ดอกไม้จันทน์ ต้องค้อนเคืองคอยหลบรัศมีไปตามๆกัน
1...
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
ช่วงต้นหนาวของทุกปี หลังฝนทิ้งช่วง ดินเหือดน้ำ ลานหินทรายอันโล่งแล้งเหนือน้ำตกสร้อยสวรรค์ที่เคยมีแต่ต้นหญ้าสั้นๆจะเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ธรรมชาติประจำฤดูกาลขึ้น เมื่อมวลหมู่ดอกไม้ป่า(ส่วนใหญ่เป็นพืชกินแมลง)ดอกเล็กดอกน้อยสารพัดสารพันนับแสนๆดอกที่ซุกซ่อนกายอยู่ใต้ผิวดิน ต่างพร้อมใจกันผลิดอก แตกกลีบ ชูช่อไสว เริงระบำทักทายลมหนาวพราวสะพรั่งเต็มท้องทุ่งดูสวยงามตระการตาไปทั่วบริเวณ ซึ่งในอดีตสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์มาทอดพระเนตรความงามของทุ่งดอกไม้แห่งนี้อยู่หลายปี พร้อมได้ทรงพระราชทานนามให้กับดอกไม้เหล่านี้ใหม่ ได้แก่
"ดอกหญ้าสีทอง" ที่ออกดอกสีเหลืองทองอร่ามดารดาษไปทั่วลานหิน พระราชทานนามว่า "สร้อยสุวรรณา"
"หญ้าข้าวก่ำน้อย" ดอกไม้กลีบบางสีม่วงแกมน้ำเงิน พระราชทานนามว่า "ดุสิตา"
"กระดุมเงิน" ดอกกลมๆสีขาวนวล พระราชทานนามว่า "มณีเทวา"
ทั้งสามถือเป็นกลุ่มดอกไม้ที่ขึ้นเป็นหลักในท้องทุ่งแห่งนี้ ส่วนดอกไม้เล็กๆที่ขึ้นแซม อย่าง "หญ้าหนวดเสือ" สีม่วงแกมน้ำเงิน พระราชทานนามว่า "สรัสจันทร" หรือ "หญ้าฝอยเล็ก" ดอกสีชมพูอ่อนถึงม่วง พระราชทานนามว่า "ทิพเกสร"
นอกจากดอกไม้นามพระราชทานแล้ว ที่นี่ยังมีพืชเล็กๆเด่น อาทิ กระดุมทอง (สีเหลือง) หญ้าข้าวก่ำ (สีม่วงอมน้ำเงิน) จอกบ่วาย (ดอกเป็นกลีบ-แฉกติดดิน มีขนดักแมลงสีแดง) ร่วมด้วยดอกไม้ป่าอื่นๆที่ขึ้นสอดแซม อย่างเช่น โคลงเคลง ช้างน้าว เอนอ้า หงอนนาค แดงอุบล เอื้องเหลืองพิศมร รวมถึงพืชกินแมลงอันโดดเด่นอย่าง หม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่มาในรูปของกระเกาะสีเขียวอ่อนสวยงามขึ้นแทรกอยู่ตามสภาพการณ์ของธรรมชาติ
สำหรับช่วงเวลาที่ดอกไม้ป่าจะบานเต็มที่นั้นอยู่ประมาณ 11.00 น. ซึ่งจะมีผึ้งจำนวนมากบินฉวัดเฉวียนมาดอมดอม ใครที่ไปไปเดินดงชมทุ่งดอกไม้ก็ขอให้ระวัง "ผึ้งต่อย"!!! เอาไว้ด้วย โดยเฉพาะพวกเป้าใหญ่ๆนี่ผึ้งมันชอบนักแล เพราะต่อยทีไรไม่เคยพลาดเป้าเลยซักที
2...
อาณาจักรดอกไม้ป่าแห่งผาแต้มมีขนาดเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ เป็นทุ่งดอกไม้ป่าบนพลาญหิน(ลานหิน)ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีระยะเวลาในการเบ่งบานตั้งแต่ช่วงปลายฝนต้นหนาวราวปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ มีกิตติศัพท์ด้านความงามที่ระบือขจรไปไกล จนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ยกเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์เมืองไทยที่ต้องไปสัมผัสในโครงการ “12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน”
ปัจจุบันทางอุทยานฯผาแต้มสามารถบริหารจัดการ(บังคับการให้น้ำ)ให้อาณาจักรดอกไม้แห่งนี้ทยอยขึ้นเป็นแปลงๆไล่ไปจากแปลง 1,2,3,4...ได้ นับเป็นความยอดเยี่ยมไม่น้อยเลย
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวเดินชมทุ่งดอกไม้ป่าที่ทางอุทยานฯจัดไว้ให้นั้นเป็นเส้นทางตามรอยเสด็จ เมื่อ "ตะลอนเที่ยว" เริ่มเดินเข้าเขตโลกของดอกไม้ เราได้เห็นบรรดาดอกดุสิตาแซมกับดอกกระดุมเงินจำนวนหนึ่งโยกไหวไปตามสายลมดูประหนึ่งพวกมันส่งสัญญาณทักทาย ก่อนที่ทางเดินจะพาข้ามลำธารสร้อยสวรรค์อันใสแจ๋วข้ามไปสู่อาณาจักรดอกไม้ ที่บริเวณข้างทางริมโขดหินใหญ่มีเอื้องเหลืองพิศมรสีเหลืองสดโยกล้อตามลมไหวๆทักทายแก่ผู้มาเยือน
จากนั้นเดินไปอีกไม่กี่สิบก้าว เราก็มาถึงยังจุดหมายอันดารดาษกว้างไกลไปด้วยมวลหมู่ของดอกสร้อยสุวรรณาสีเหลืองทองอร่าม แทรกด้วยดอกดุสิตา ดอกกระดุมเงิน และดอกไม้ป่าสารพัดสารพัน(ตามที่กล่าวมาข้างต้น)สอดรับไปกับท้องฟ้าสีครามและฉากหลังของป่าเต็งรังอันเขียวขจี
บรรดาดอกไม้ป่าเหล่านี้ บ้างขึ้นเป็นแปลง บ้างขึ้นเป็นกลุ่ม บ้างขึ้นเป็นดอกโดดๆ บ้างแทรกแซมอยู่กับกลุ่มดอกไม้อื่นๆ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนเกิดจากฝีมือการสร้างสรรค์ของธรรมชาติอย่างลงตัว จนเราต้องขอซูฮกคารวะต่อธรรมชาติที่ผาแต้มด้วยใจจริงว่า ช่างบรรจงแต่งแต้มสร้างสรรค์สิ่งอันสวยงามมาให้เราได้ชมกันแบบน่าทึ่งเสียนี่กระไร
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเดินชมทุ่งดอกไม้แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเดินตามเส้นทางที่อุทยานฯกำหนด เพราะดอกไม้ป่าพวกนี้ ดอกมันเล็กและบอบบางมาก แถมบานเพียงปีละครั้ง ซึ่งหากมีใครเดินเข้าไปเหยียบย่ำชนิดอยากถ่ายรูปกับดอกไม้อย่างใกล้ชิด แน่นอนว่าพวกมันย่อมไม่อาจต้านทานทนต่อฝ่าเท้าน้อย-ใหญ่ ของมนุษย์ได้ ฉะนั้นทางที่ดีเดินตามทางที่เขากำหนดเถอะ อย่าทำตัวเป็นคนนอกลู่นอกทางเลย และก็อย่าเด็ดทึ้งดึงโดนจนดอกไม้เสียหาย ขอให้ดูแต่แล้วให้ดอกไม้ไปเบ่งบานในหัวใจเป็นดีที่สุด
3...
ใครที่ชมทุ่งดอกไม้ป่าเสร็จแล้ว โปรดอย่าเพิ่งไปไหนไกล เพราะบริเวณนี้ยังมีความชุ่มฉ่ำของ "น้ำตกสร้อยสวรรค์" ที่ตกลงเป็นสายขาวฟ่องฟูยาวจากหน้าผามากระทบแอ่งน้ำเบื้องล่าง ซึ่งแม้ในหน้าหนาวนี้สายน้ำตกอาจจะดูเบาบางไปบ้าง แต่ก็ยังไม่วายที่จะทิ้งลายความสวยไว้ให้ชื่นชมกัน
สำหรับใครที่ชื่นชอบในอารมณ์น้ำตกเป็นพิเศษโดยไม่ต้องง้อ ข้าวเหนียว ลาบ ส้มตำ ในอุทยานฯผาแต้มยังมีน้ำตกแปลกและขึ้นชื่อในระดับอันซีนไทยแลนด์ให้ชื่นชมกันนั่นก็คือ "น้ำตกแสงจันทร์" หรือ "น้ำตกลงรู" ที่ในช่วงหน้าน้ำ(ไม่ใช่หน้าหนาว)จะน่าดูไปด้วยสายน้ำตกซู่ซ่าไหลเป็นสายพลิ้วขาวฟูฟ่องผ่านรูขนาดใหญ่(ชนิดที่ถ้าคนตกลงรอดรูไปชีวิตอาจไม่รอดได้) ที่เมื่อตกลงไปกระทบกับแอ่งน้ำเบื้องล่างแล้ว หากไปยืนในตำแหน่งที่เหมาะสมจะเห็นเป็นรูปหัวใจสีขาวดูน่าอัศจรรย์ดีแท้
ส่วนใครที่ชอบความแปลกที่ผาแต้มเขามีบรรดาประติมากรรมหินธรรมชาติรูปทรงแปลกตาให้ชมกันมากมาย โดยเฉพาะบรรดา "เสาเฉลียง" ที่ไม่ใช่ชื่อวงดนตรี หากแต่เป็นชื่อที่แผลงมาจากคำว่า "สะเลียง" ในภาษาส่วย ที่หมายถึง "เสาหินที่มีลักษณะแปลก" ซึ่งที่เด่นๆก็มี
"เสาเฉลียงเล็ก" บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นกลุ่มหินที่มี 3 เสา สูงประมาณ 5 เมตร บนยอดมีหินแบนวางทับดูคล้ายดอกเห็ด
"เสาเฉลียงใหญ่" บ้านผาชัน เป็นสาวใหญ่ ขาว อวบ เอ๊ย !!! ไม่ใช่ เป็นเสาใหญ่ 2 เสา ตั้งเคียงคู่ติดกัน มีแผ่นหินตั้งอยู่ข้างบน ดูน่าเกรงขาม นับเป็นเสาเฉลียงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
"เสาเฉลียงคู่" ป่าดงนาทาม เป็นเสาหิน 2 เสา ฐานกว้างด้านบนคอดมีแผ่นหินวางอยู่ข้างบนอย่างหวาดเสียวว่าจะตกไม่ตกแหล่ เสาเฉลียงคู่ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดีอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย
ของดีที่ผาแต้มยังไม่หมดแค่นี้ เพราะที่นี่ยังมีของดีในระดับไฮไลท์อยู่อีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์อายุราว 3-4 พันปี บนภูผาตัดเรียบริมฝั่งโขง อันเป็นที่มาของ ชื่อ "ผาแต้ม" อันลือลั่น ซึ่งประกอบไปด้วยภาพน่าสนใจ อาทิ คน ช้าง ปลา วัว ควาย สุนัข รูปทรงเราขาคณิต ภาพอุปกรณ์หาปลาที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ตุ้ม" และภาพฝ่ามือจำนวนมาก ถือเป็นแหล่งภาพเขียนสีโบราณที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
นอกจากสิ่งน่าสนใจตามที่กล่าวมาแล้ว ผาแต้ม ยังมีจุดน่าเที่ยวชมอีกมากมาย อาทิ น้ำตกทุ่งนาเมือง ลานหินตั้ง ป่าดงนาทาม ภูสะมุย เถาวัลย์ยักษ์ ผาชะนะได จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งแรกในเมืองไทย ซึ่งหนาวนี้อุทยานฯผาแต้มถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่หากใครพาคนรู้ใจไปเที่ยวแล้วจะรู้ว่า แม้อากาศจะหนาวเหน็บสักเพียงไหน แต่การได้มีคนรู้ใจอยู่เคียงข้าง หัวใจมันกลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถชมดอกไม้ป่าบานบนพลาญหินได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงราวเดือน ก.พ. ปีหน้า โดยผู้สนใจสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติผาแต้มได้ โทร. 0-4524-6332-3 และสามารถสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวในอุบลฯเชื่อมโยงกับผาแต้มได้ที่ ททท. สำนักงานอุบลราชธานี โทร. 0-4524-3770,0-4525-0714