xs
xsm
sm
md
lg

ดอกไม้เหล็กแห่งเวที พธม. “ชญาบุญ เพชรพรหม” สละชีพได้เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ชญาบุญ เพชรพรหม” หรือที่พี่น้องพันธมิตรฯเกาะสมุยเรียกว่า “เจ๊กอบ”(คนขวา)
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ดอกไม้เหล็ก” แห่งเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ สมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประกาศพร้อมสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ “ไม่ตาย ไม่ถอย” เผยเข้าร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันประกาศชัยชนะ

“ชญาบุญ เพชรพรหม” หรือที่พี่น้องพันธมิตรฯ เกาะสมุย เรียกว่า “เจ๊กอบ” ดอกไม้เหล็กแห่งเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หญิงแกร่งแห่งเกาะสมุย เมืองคนดี สุราษฎร์ธานี หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ เกาะสมุย ที่ยืนหยัดร่วมต่อสู้ขับไล่ระบอบทักษิณกับ 5 แกนนำและพี่น้องพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ มาตั้งแต่พันธมิตรฯ เริ่มต้นต่อสู้เมื่อปี 2549 จนถึงวันที่พันธมิตรฯ ประกาศยุติการชุมนุมและประกาศชัยชนะที่ร่วมต่อสู้กันมายาวนานาน โดยในการต่อสู้ครั้งหลัง 193 วัน ไม่เคยถอยจากเวทีพันธมิตรฯ แม้แต่วันเดียว

ชญาบุญ เล่าย้อนหลังถึงการตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อต่อต้านทรราช และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ตนเป็นคนเกาะสมุย เป็นนักธุรกิจ ปกติไม่ค่อยจะมีเวลาอ่านหนังสือพิมพ์ หรือติดตามข่าวสารบ้านเมืองมากนัก แต่ก็ได้ติดตามดูรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่ดำเนินรายการโดย “สนธิ ลิ้มทองกุล” หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ที่สามารถสรุปข่าวได้อย่างชัดเจนและสามารถฟังเข้าใจง่าย และได้ติดตามมาโดยตลอด ทำให้มองเห็นความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลสมัยทักษิณ ชินวัตร และที่ทนไม่ได้ก็เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์

“ตอนนั้นคิดว่าจะติดตามดูรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ได้ที่ไหน เมื่อทักษิณสั่งปิดรายการเสียแล้ว เมื่อมีการประกาศว่าจะจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่หอประชุมธรรมศาสตร์ ไม่รอช้าตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เข้าร่วมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ร่วมรายการมาโดยตลอด และศึกษาข้อมูลต่างๆ จนกระทั่งมีการรวมตัวชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เข้าร่วมการชุมนุมมาโดยตลอด” ชญาบุญ เล่าถึงก้าวแรกที่เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ

การเข้าร่วมต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทรราชของชญาบุญ ไม่ใช่เฉพาะตัวเองคนเดียวเท่านั้น แต่คนในครอบครัวก็เห็นด้วยกับการชุมนุมขับไล่รัฐบาลทรราช ภายใต้การนำของทักษิณ ชินวัตร ทำให้พี่น้องทั้ง 9 คนของครอบครัว “เพชรพรหม” เข้าร่วมต่อสู้ทั้งหมด เหลือไว้แต่พ่อเพียงคนเดียวที่อยู่เกาะสมุย

แต่ไม่ใช่ว่าพ่อจะไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม แต่พ่อสนับสนุนเต็มที่ โดยอาสาเป็นคนเฝ้าบ้าน และพ่อก็แก่มากแล้วไม่สะดวกในการเดินทางไปร่วมชุมนุม พ่อจึงเปิดโอกาสให้ลูกๆ ทั้ง 9 คนร่วมต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ขับไล่ทรราชออกจากประเทศ โดยไม่มีความเคลือบแคลง พร้อมที่จะต่อสู้ทุกวิถีทาง เพื่อป้องกันและรักษาไว้ซึ่งสถาบันฯ ไม่ให้ทรราชทำลาย นี่คือจุดยืนของ “ชญาบุญ” และคนในครอบครัว “เพชรพรหม” ที่ยืนหยัดต่อสู้ร่วมกับพันธมิตรฯ จนได้ร่วมกันประกาศชัยชนะ
ชญาบุญ กับเพื่อนที่ร่วมต่อสู้จนได้รับชัยชนะ
ชญาบุญ บอกอีกว่า ตนพร้อมกับครอบครัวตั้งปฏิญาณไว้ว่า “ถ้ายังมีแรง ไม่ตาย จะร่วมต่อสู้ไม่ถอย” ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กๆ จะได้รับการสั่งสอนจากพ่อมาโดยตลอดเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เห็นว่าพระองค์ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประชาชนมากมาย ที่บ้านจะมีรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประดับฝาบ้านเพื่อกราบไหว้บูชา จึงยอมไม่ได้ที่กลุ่มคนบางกลุ่มจ้องที่จะทำลายสถาบัน จึงได้ออกมาร่วมต่อต้านและหยุดการกระทำของกลุ่มดังกล่าว

การชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรของ “ชญาบุญ” เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน เมื่อกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ไปปิดล้อมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในช่วงประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการสลายการชุมนุม ตอนนั้นตนยืนอยู่ใกล้กับ “น้องโบว์” นางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่ถูกแก๊สน้ำตายิงเข้าใส่จนเสียชีวิต ในขณะที่ตนกำลังขนขวดน้ำเดินออกมา ถูกแรงกระแทกของวัตถุอย่างหนึ่ง แต่โชคดีที่วัตถุดังกล่าวกระแทกเข้าที่ขวดน้ำแทนที่จะเป็นร่างกาย ทำให้ขวดน้ำแตกกระจาย และทำให้ตนสลบไป

มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในวงล้อยางรถยนต์ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนๆพันธมิตรฯ หลังจากรู้สึกตัวก็พยายามคลานเข้าไปอยู่ในเต็นท์ของพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบฯ เมื่อดีขึ้นก็ไปร่วมรดน้ำศพน้องโบว์ และเดินทางกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านพ่อบอกว่า “ไม่ตายให้ออกไปสู้ใหม่ สู้จนกว่าจะชนะ” ทั้งครอบครัวจึงร่วมต่อสู้กันมาโดยตลอด จนถึงวันที่มีการประกาศชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรฯ

ในช่วงที่มีการชุมนุม ได้ร่วมทำหน้าที่หลายอย่าง ช่วงแรกๆ นั้นจะไปอยู่หน้าเวที แต่หลังจากนั้นก็ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานกับกลุ่มพันธมิตรฯ จากเกาะสมุย มีการสร้างเต็นท์ของพันธมิตรฯเกาะสมุยขึ้นมาโดยจัดซื้อของเองทุกอย่าง ภายในเต็นท์สามารถทำครัวได้ มีห้องอาบน้ำสำเร็จรูป ทำหน้าที่เป็นแม่ครัว แม้กระทั่งเป็นการ์ดในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

“ยังรู้สึกงงทำอะไรไม่ถูก เพราะที่ผ่านมาตลอด 193 วัน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมมาโดยตลอด นอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างในชีวิตไป” ชญาบุญ บอกเล่าถึงความรู้สึกหลังจากที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในการชุมนุมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ก็ยังติดตามดูรายการจาก ASTV ตลอด และเปิดดูตลอด 24 ชั่วโมง และติดต่อกับกลุ่มพันธมิตรฯ คนอื่นๆ ทางโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง มีการพูดคุยกันตลอดแม้ว่าจะไม่ได้พบกันที่เวทีพันธมิตรฯ ก็ตาม

ส่วนพันธมิตรฯ สมุย อาจจะไม่มีการตั้งเวทีแต่ทุกคนก็จะติดตามดูการเคลื่อนไหวผ่านทาง ASTV ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา หากมีการเรียกรวมพลเมื่อไหร่ก็พร้อมทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะทุกคนเตรียมพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้วเรียกเมื่อไหร่พร้อมเมื่อนั้น เกาะสมุยเป็นเกาะเล็กๆ มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารกันตลอดเวลา พันธมิตรฯ สมุยส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจมีความพร้อมทุกเรื่อง

“เชื่อว่าตอนนี้การต่อสู้ที่ผ่านมาได้ส่งผลให้เกิดองค์กรภาคประชาชนขึ้นแล้ว ประชาชนรวมตัวกันได้แล้ว และพร้อมที่จะเดินหน้าไปด้วยกันเพื่อยับยั้งการกระทำของทรราช และการรวมตัวนั้นเป็นการรวมอย่างมีคุณภาพ ส่วนผลที่จะทำให้เกิดการเมืองใหม่นั้นยังไม่มั่นใจว่าจะเกิดได้หรือไม่ แต่ที่เห็นผลอย่างชัดเจนคือการยับยั้งไม่ให้มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นมากกว่านี้”

“ชญาบุญ” ยังได้กล่าวถึงการจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของพันธมิตรฯ สมุย ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอน เพราะจะรอเลี้ยงฉลองใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งจากการพูดคุยทราบว่าทางกลุ่มแกนนำจะเลือกพื้นที่สมุยเป็นที่แรกในการจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ก็คงจะต้องรอดูสถานการณ์หลังจากนี้

ชญาบุญ และครอบครัว เป็นอีกบุคคลที่น่าเชิดชู เพราะเป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรฯที่ยืนหยัดต่อสู้ขับไล่ทรราชและพร้อมที่จะสละชีพเพื่อรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เฉกเช่นเดียวกับพันธมิตรฯ ทั่วทั้งประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น