ศูนย์ข่าวภูเก็ต -พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภูเก็ตยังเป็นแฟนพันธุ์แท้ ASTV ติดตามดูรายการที่ให้ข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์บ้านเมืองตลอด หลังยุติการชุมนุม พร้อมทั้งบ่นว่าเหงาที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ
ภายหลังจากที่การชุมนุมขับไล่รัฐบาลทรราชสิ้นสุดลง พันธมิตรฯทั้งหมดได้เดินทางกลับบ้านเกิดของตัวเอง เฉกเช่นเดียวกันพันธมิตรฯภูเก็ต ที่ขณะนี้ได้เดินทางกลับภูเก็ตทั้งหมดแล้ว และบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า เหงาที่ไม่ได้ไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ แต่ก็ยังติดข่าวสารจาก ASTV อย่างต่อเนื่อง
นางรวงอรุณ บุรีรักษ์ เจ้าของบริษัท ฟิลลิ่งแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ติดตามข่าวสารกับ ASTV มาโดยตลอดในช่วงที่ไม่ได้ขึ้นไปร่วมชุมนุม แต่ที่ผ่านมาได้เดินทางเข้าร่วมการชุมนุมทุกครั้ง เนื่องจากมีความพร้อมในหลายๆด้าน หากมีการชุมนุมเมื่อไหร่สามารถไปได้เลยเมื่อนั้น และมีความรักชาติ เกลียดการโกง
การไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล จะเดินทางไปสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ไปกลับอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากต้องทำงานที่ภูเก็ตด้วย เริ่มเดินทางไปตั้งแต่มีการชุมนุมจนกระทั่งประกาศชัยชนะ
“หลังจากไม่มีการชุมนุมรู้สึกเหงา จึงต้องมาหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ โดยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในภูเก็ต เพราะเพื่อนพันธมิตรฯด้วยกันเป็นคนที่มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว คุยกันรู้สึกถึงความเหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังติดตามข่าวสารจาก ASTV อยู่ตลอด เพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้น”
นางรวงอรุณ กล่าวต่อว่า กลัวมากถึงผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับ ASTV ได้ชักชวนเพื่อนๆ ให้สนับสนุนข้อความข่าวของ AST คนละ 200 บาทต่อเดือน โดยบอกปากต่อปากให้มีผู้หันมาสนับสนุนข้อความข่าวของ ASTV ให้มากขึ้น แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะช่วยเหลือได้นิดหน่อยๆแต่ก็เต็มใจ และพร้อมที่จะชักชวนเพื่อนฝูงให้มาสนับสนุน ASTVตลอดไป
นางรจนา ชลศิริ แม่ค้าขายข้าวไข่เจียว บอกว่า ได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯทั้งที่ภูเก็ตและกรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็ไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบและสนามบินสุวรรณภูมิ แต่หลังจากที่ยกเลิกการชุมนุมก็ยังติดตามข่าวสารบ้านเมืองผ่าน ASTV ทางเคเบิลทีวีทุกวัน โดยทุกๆ ช้าจะต้องมาอยู่หน้าทีวีตลอดเวลา เพราะไม่อยากพลาดรายการดีๆ
“ตอนเช้าต้องเจอปอง(อัญชลี ไพรรีรัช )ก่อน เพราะการพูดของเขาเข้าใจง่าย เร้าใจ บางคนบอกว่าพูดหยาบ แต่คิดว่าไม่ใช่ เพราะในสมรภูมิต้องพูดแรงจะมาพูดแบบนิ่มนวล มันเป็นไปได้ ไม่สามารถดึงใจและดึงคนได้” นางรจนา กล่าวและว่า
การได้ดูรายการของ ASTV ในช่วงเช้าๆทุกวัน เพื่อเป็นการติดตามข้อมูลข่าวสารของบ้านเมืองว่าเหตุอะไรขึ้นและติดตามข่าวสารจาก ASTV ตลอดไป
ด้านนายชาญชัย ปากพุก หนึ่งในพันธมิตรฯภูเก็ต กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เดินทางไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯมาโดยตลอดพร้อมกับภรรยา ซึ่งจากการเดินทางไปร่วมชุมนุมแต่ละครั้ง รับไม่ได้พฤติกรรมของรัฐบาลนอมินีของทักษิณ ที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน พร้อมทั้งได้ติดตามข่าวสารผ่านทาง ASTV มาโดยตลอด และขณะนี้หลังจากที่ยุติการชุมนุมแล้วตนกับภรรยาก็ยังติดตามข่าวสารผ่าน ASTV ตลอดเช่นกัน เพราะการติดตามข้อมูลข่าวสารจาก ASTV ทำให้รับทราบข้อมูลต่างๆได้ลึกกว่าการติดตามข้อมูลข่าวสารจากทีวีช่องอื่นๆ
ขณะที่นางอุบล เลิศจำรัสพงษ์ พันธมิตรฯภูเก็ต กล่าวว่า ตนเป็นแฟนพันธ์แท้ของ ASTV ติดตามข่าวสารผ่านทาง ASTV ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการชุมนุมที่กรุงเทพฯทุกครั้งจะเปิดทีวีตลอดทั้งวันทั้งคืน เพราะมีความรู้สึกเป็นห่วงกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับทาง ASTV และพี่น้องพันธมิตรฯที่ร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งตนเคยเดินทางไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบครั้งหนึ่ง เพราะติดปัญหาเรื่องลูกและธุรกิจในภูเก็ตไม่สามารถเดินทางไปร่วมชุมนุมได้ทุกครั้ง
“พอมีการประกาศยกเลิกการชุมนุมก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปเหมือนกัน ว่าจะติดตามดูข่าวสารได้ที่ไหน แต่พอวันรุ่งขึ้นคุณสนธิออกมาแจ้งรายการของ ASTV ก็ดีใจที่จะได้ติดตามข่าวสารต่อไป” นางอุบล กล่าวและว่า
ตอนนี้ยังติดตามรายการของ ASTVทุกวัน เพียงแต่ไม่ได้เปิดตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง แต่จะเลือกติดตามชมรายการที่ชอบ เช่น ช่วงเช้าขาดไม่ได้จะต้องดูรายการที่คุณอัญชลี ไพรรีรัช จัดทุกๆวันและรายการอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์บ้านเมือง เป็นต้น