ศูนย์ข่าวศรีราชา –ในการร่วมต่อสู้ระบอบทักษิณ และร่วมขับไล่รัฐบาลทรราช 193 วันที่ผ่านมา หลายชีวิตที่ไม่น่าเชื่อว่า จะมีโอกาสพบกัน ด้วยเพราะอยู่กันคนละจังหวัด คนละทิศคนละทาง คนละสายงานอาชีพ ได้มาร่วมใช้ชีวิตบนถนนราชดำเนิน ริมสะพานมัฆวานฯ และหน้าทำเนียบรัฐบาล แถมยังมีการดาวกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ อีกหลายแห่ง การได้มีโอกาสร่วมเป็นหนึ่งในจำนวนผู้คนหลายหมื่นหลายแสนคน ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่พวกเขาและเธอเป็นอย่างมาก
“ สุวิชาณ สุวรรณาคะ “ ผู้ชายคนนี้เป็นอีกหนึ่งคน ที่เข้าร่วมการต่อสู้และขับไล่ระบอบทักษิณมายาวนาน ตั้งแต่เริ่มแรก จนกระทั่งวันประกาศชัยชนะ ...
นายสุวิชาณ สุวรรณาคะ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯจังหวัดจันทบุรี เผยกับทีมข่าว ASTV ผู้จัดการรายวัน ว่า การเข้ามาสู่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตนให้ความสนใจและต่อสู้กับระบอบทักษิณ มาตั้งแต่ปี 2548 -2549 ซึ่งในช่วงนั้นยังไม่มีการรวมกลุ่มกันโดยตนเดินทางไปร่วมฟังการปราศรัย และเสนอแนวความคิดที่สนามหลวงเพียงคนเดียวเท่านั้น
พร้อมทั้งได้มีโอกาสเสนอแนวคิดบางอย่างบนเวที ทั้งได้นำเสื้อที่สกรีนว่า “พรรคชาติหน้า” ขึ้นโชว์บนเวที โดยพิธีกรคุณสำราญ รอดเพชร ซึ่งไปตรงกับคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงนั้นว่า ถ้าจะรอให้ยุบสภา ก็ขอให้รอชาติหน้า และอีกไม่นานก็มีการยุบสภาเกิดขึ้นโดยถือว่าเป็นคำร้องเรียนที่ตรงกับความเป็นจริงในเวลานั้น ซึ่งรู้สึกดีใจว่าเรามีความเห็นที่ไปในแนวทางเดียวกัน
การคัดค้านและต่อต้านระบบทักษิณ ในช่วงนั้น ไม่มีใครกล้าแสดงตัวและเปิดตัวอย่างจริงจัง เพราะกลัวอำนาจหน้าที่ รวมทั้งตนเองก็ไม่กล้าเช่นกัน ที่สำคัญไม่กล้าไปชักชวนใครมาร่วมคัดค้านด้วย เพราะทุกคนหวั่นเกรงกลัวและเป็นเรื่องที่ยากมาก จึงต้องลุยด้วยตัวเองและเข้าไปสัมผัสกับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จนกระทั่งเกิดรัฐประหารและมีการยุบสภา ตนจึงหยุดไประยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีการร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ขึ้น
รวมกลุ่มจัดตั้งทีมงานและเกิดแกนนำพันธมิตรฯ
หลังจากนั้นได้มีการพูดคุยในกลุ่มเพื่อนที่สนิท และมีความเห็นเดียวกัน ซึ่งก็มีการบอกกล่าวกันปากต่อปาก ขยายวงกว้างขึ้น จึงได้รวมตัวกันจัดตั้งกลุ่ม “การเมืองภาคประชาชนจังหวัดจันทบุรี” เพื่อร่วมประชาพิจารณ์ กับทาง ส.ส.ร.ที่รับความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งกลุ่มการเมืองภาคประชาชนได้ตระเวนไปหลายๆพื้นที่ โดยประเด็นหลักๆ ที่เสนอ คือ สภาประชาชนในการมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการเมืองใหม่ และเมื่อร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 พร้อมประกาศใช้ โดยส่วนใหญ่ให้สิทธิประชาชนอย่างมาก แต่ในทางปฏิบัติประชาชนไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างแท้จริง จึงทำให้กลุ่มการเมืองภาคประชาชนจังหวัดจันทบุรีได้เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ โดยไปสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิอย่างเต็มรูปธรรม พร้อมดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงนั้นมา
ชาวจังหวัดจันทบุรี ในช่วงนั้นได้เริ่มรู้จัก และได้รับข้อมูลจาก ASTV. ซึ่งเกิดแนวความคิดและต้องการจะรวมตัวกัน แต่ขาดผู้นำที่จะประสานกับทีมงาน ASTV จึงได้ติดต่อทาบทามตนให้เป็นผู้นำ จนเกิดการรวมตัวกันขึ้น เป็นแกนนำพันธมิตรฯ และมีกิจกรรม เวทีพันธมิตรฯ ขึ้นครั้งแรกเมื่อ วันที่ 21 กรกฎาคม 2551 และประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยมีประชาชนและกลุ่มพันธมิตรฯเข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน ทั้ง ๆที่เตรียมรองรับประชาชนไว้เพียง 2,000 คนเท่านั้น จึงเริ่มมีกำลังใจในการทำงานเพิ่มขึ้น
หลังประสบผลสำเร็จในการรวมตัวและจัดงาน เวทีพันธมิตรฯในพื้นที่แล้ว ก็เริ่มขยายแนวความคิดไปสู่จังหวัดตราด ซึ่งต้องการจะมีเวทีพันธมิตรฯเหมือนกัน และก็มีการรวมตัวกันเกิดขึ้น และจัดเวทีร่วมกันในวันนี้
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กว่าจะมายืน ณ จุดนี้ ก็เกิดความท้อแท้มาโดยตลอด แต่ไม่สามารถเลิกและหยุดกิจกรรมต่างๆ ได้ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่รักของประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งจุดนี้ยังได้รับการสนับสนุนส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง ทำให้กิจกรรมเกิดขึ้นและช่วยเหลือกันมาโดยตลอด ที่สำคัญเป้าหมายตรงกับแกนนำพันธมิตรฯส่วนกลาง คือ การคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปกป้องสถาบัน พระมหากษัตริย์ และขจัดระบอบทักษิณ ให้หมดไป เพราะระบอบทักษิณ เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือ การเมืองใหม่
การจัดตั้งแกนนำพันธมิตรฯนั้น มีปัญหาและอุปสรรคตลอดระยะเวลา ทั้งโทรศัพท์ก่อกวน โทรศัพท์ข่มขู่ มีรถติดตาม และทำลายทรัพย์สิน แต่เนื่องจากมีการรวมตัวและช่วยเหลือกัน ก็มีการแจ้งข้อมูลข่าวสารเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้น และสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆได้ต่อเนื่องและไม่มีอุปสรรค
ยอมทิ้งชีวิตราชการ สู่เวทีผู้นำ
นายสุวิชาณ เผยต่อไปว่า ในอดีตนั้นตนรับราชการในกระทรวงสาธารณสุข มาเป็นเวลานานถึง 13 ปี โดยตลอดการทำงานไม่ได้รับความสะดวกสบาย และไม่มีอิสระในแนวความคิดเห็นต่างๆ นานา เนื่องจากมีกรอบและข้อจำกัดหลายอย่าง จึงลาออกจากราชการ และมาประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว หลังออกมาแล้วสามารถมีแนวความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ แต่ก็มีปัญหาทางด้านเงินทุน เพราะไม่เหมือนราชการที่มีงบประมาณสนับสนุน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอุปสรรคแต่อย่างใด ซึ่งทำให้เราทำอะไรได้มากขึ้น จนมาถึงการทำงานการเมืองภาคประชาชน เพราะการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาล ทักษิณและนอมินี
สำหรับการเมืองปัจจุบัน ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับประเทศชาติ เพราะยังเป็นการเมืองเก่า ๆ ที่ยังมีการแบ่งและจัดสรรผลประโยชน์ หากไม่ลงตัวก็มีการด่ากัน โดยเรื่องนี้ต้องปล่อยให้มีการบริหารไประยะหนึ่ง คาดว่าในช่วง 3 เดือนคงจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม ต้องเร่งผลักดันการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นด้วย หากไม่ปฏิบัติตามแนวความคิดของประชาชนและสร้างความเสียหายอีก ทางกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯจันทบุรี-ตราด และในพื้นที่ภาคตะวันออก ก็พร้อมจะเข้าไปร่วมชุมนุมกันต่ออย่างแน่นอน โดยในช่วงนี้ในพื้นที่จะเน้นการทำกิจกรรมในกลุ่มเล็กๆกระจายทุกพื้นที่ในจังหวัดจันทบุรี เพื่อขยายเครือข่ายให้เพิ่มมากขึ้น