“สนธิ” ลั่นยอมตาย! ยึดทำเนียบจนกว่า “หุ่นเชิด” จะออก

“สนธิ” ประกาศชัยชนะยึดทำเนียบ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองดีขึ้น ลั่น! ถ้าจะให้ออกจากทำเนียบ ต้องฆ่าให้ตายและเอาศพออกไป พร้อมเชิญ “หมัก” เกาะรั้วทำเนียบฟังปราศรัย และการฉลองชัยชนะของ ปชช.ยันอีกไม่เกิน 1 ชม.ยึดกรมประชาสัมพันธ์ได้แน่

วันนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เดินเท้าออกจากบริเวณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงคมนาคม หน้าถนนราชดำเนินมายังทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมประชาชนประมาณ 5 หมื่นคน นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้บุกเข้าทำเนียบรัฐบาลอย่างอหิงสาสำเร็จ

ทั้งนี้ ก่อนที่จะเดินเท้าเข้ามาที่ประตู 1 นายสนธิได้ทำการกระทืบพื้นดิน 3 ครั้ง จากนั้นได้ขึ้นรถปราศรัย โดยกล่าวว่าพันธมิตรฯ มายึดทำเนียบรัฐบาลแบบอหิสา ถ้าใครมาบอกว่าเราจะอยู่ 2-3 วัน ถือว่าคิดผิด เราจะอยู่ตลอดไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปในทางที่ดี และจนกว่าจะเข้าสู่การเมืองแบบใหม่ รวมทั้งประชาชนกลับมาจงรักภักดีพระมหากษัตริย์เหมือนในอดีต ที่ตนเชิญประชาชนทั่วประเทศเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลเพื่อมาฉลองชัยชนะ ทำเนียบรัฐบาลถือว่ายังเล็กสำหรับพวกเรา ดังนั้น ตนเคยบอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าดูถูกพลังของพี่น้องประชาชน เพราะพลังของพวกเรามีความยิ่งใหญ่ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะพี่น้องทุกคนมาชุมนุมด้วยจิตใจบริสุทธิ์ไม่ได้มุ่งหวังอะไร เพราะเรามาด้วยพลังอันศักดิ์สิทธิ์

“ผมจะไม่ไปจากทำเนียบรัฐบาล จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถ้าจะเอาผมออกไป ต้องฆ่าผมให้ตายและเอาศพผมออกไป ผมกับพี่น้องจะไม่ไปไหน เรามีที่พำนักพักพิง จะมีกี่ครั้งในชีวิตที่เราได้มาขี้เยี่ยวในทำเนียบรัฐบาล ผมบอกแล้วว่าใจต้องเป็นใหญ่ เป็นประธาน ไม่มีใครทำอะไรเราได้ ผมเป็นลูกจีน ทุกคนเป็นลูกจีน ลูกไทย ลูกแขก” นายสนธิกล่าว

นายสนธิยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ประสานงานกับนายพิภพ ธงไชย แล้วว่าไม่เกิน 1 ชั่วโมง เราจะสามารถนำกรมประชาสัมพันธ์กลับมาเป็นของประชาชนและเราจะยึด 3 ที่มั่น เป็นจุดศูนย์กลางของพันธมิตรฯ 3 แห่ง ประกอบด้วย 1.ภายในทำเนียบรัฐบาล 2.บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และ 3.กรมประชาสัมพันธ์และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เราจะบอกคนกรุงเทพฯ ให้รู้ว่า เราจะอยู่บ้านหลังใหม่ของเรา และจะเร่งติดตั้งจอโปรเจกเตอร์ ดังนั้น หากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะมายืนฟังการปราศรัยก็คงจะต้องยืนฟังที่ริมรั้ว ไม่ใช่ในทำเนียบรัฐบาล