xs
xsm
sm
md
lg

มนต์ไทรโยค มนต์อินโนเซ้นท์/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
คอนเสิร์ตวงอินโนเซ้นท์ ในช่วงเพลงมนต์ไทรโยค
ค่ำวันเสาร์ที่ 10 ต.ค. 52 ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี

ค่ำนั้นมีคอนเสิร์ตของวง“ดิ อินโนเซ้นท์” หนึ่งในวงดนตรีที่ผมอยากชมคอนเสิร์ตมากๆและอยากเห็นพวกเขากลับมารวมกันออกอัลบั้มมากที่สุด

ค่ำนั้น 4 หนุ่ม อินโนเซ้นท์ ที่ประกอบไปด้วย ชาตรี คงสุวรรณ(ลีดกีตาร์,ร้องนำ) สายชล ระดมกิจ (ริทึ่ม กีตาร์,ร้องนำ) เสนีย์ ฉัตรวิชัย(เบสกีตาร์,ร้อง) และพีรสันติ จวบสมัย(คีย์บอร์ด,ร้อง) ต่างออกมาวาดลวดลายดนตรีแบบมีกึ๋นสมฝีมือรุ่นใหญ่ สะกดแฟนเพลงชนิดที่ใครตั้งใจไปดูแล้วพลาด!!! บอกคำเดียวว่า“น่าเสียดายสุดๆ”

ค่ำนั้นอินโนเซ้นท์กระชากวัยของผมให้รู้สึกเหมือนกลับสู่วัยละอ่อนอีกครั้ง โดยเฉพาะกับเพลงสนุกๆอย่าง“มนต์ไทรโยค” ที่มีฉากหลังประกอบเป็นภาพรถไฟวิ่งไปตามราง กะฉึก กะฉัก(คนละขบวนกับที่ตกรางที่หัวหิน) โดยมีพี่สายชลนำทีมให้คนอื่นเกาะต่อๆกันเป็นขบวนรถไฟวิ่งไปรอบเวทีในช่วงกลางเพลง ที่ดูแล้วช่างโดนใจดีแท้

บรรยากาศแบบนี้มันทำให้ผมอดนึกถึงคืนวันเก่าๆสมัยเป็นนักศึกษา ที่รวมหัวกับเพื่อนๆนั่งรถไฟไปไทรโยคแบบซำเหมาทัวร์ไม่ได้

1...

“...วาว วาว เสียงรถไฟวิ่งไป ฤทัยครื้นเครง
เรามันคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจใคร
พวกเราเพลิน ชม ไพร นั่งรถไฟ ถึงในไทรโยค
โยน ทุกข์ใดในโลก สู่ไทรโยคไป...”

ท่อนแรกของเพลง มนต์ไทรโยค : ดิ อินโนเซ้นท์

ปกติคนส่วนใหญ่จะได้ยินเสียง(หวูด)รถไฟดัง ปู๊น ปู๊น แต่อินโนเซ้นท์กลับได้ยินเสียงรถไฟดัง “วาว วาว”แปลกดีแฮะ

แต่เสียง วาว วาว แบบนี้แหละที่เป็นแรงบันดาลใจผลักดันให้ผมกับเพื่อนๆเมื่อครั้งเรียนมหาวิทยาลัย 5-6 คน เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า แบกกีตาร์ แบกเต็นท์ แบกจิตใจที่พร้อมลุย เดินทางตามไม้หมอนจากสถานีธนบุรีมุ่งหน้าสู่สถานีน้ำตก(ไทรโยค) กาญจนบุรี

อ้อ!!! ก่อนไปเที่ยวขอออกตัวนิดนึงว่า เพลงมนต์ไทรโยคของอินโนเซ้นท์ ออกมานานหลายปีดีดักแล้ว ตั้งแต่สมัยผมเรียนประถมโน่น แต่ที่เราออกเที่ยวตามเพลงมนต์ไทรโยคนั้นมาจากอิทธิพลของเพลงนี้ต่างหาก เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าผมเป็นคนรุ่นราวไล่เลี่ยกับพี่ๆอินโนเซ้นท์แล้วละก็ ผิดถนัดๆเพราะจริงๆแล้วผมละอ่อนกว่าพวกพี่ๆอินโนเซ้นท์เยอะเลย

เอาล่ะ สบายใจเรื่องอายุแล้ว ทีนี้กลับเข้าสู่เส้นทางออกเที่ยวกันต่อ วันนั้นพวกเราไปขบวนธรรมดา(ไม่ใช่ขบวนพิเศษนำเที่ยว)รถออก 7 โมงเช้าปลายๆ เลือกโบกี้ที่เกือบปลอดคน เพื่อร้อง-บรรเลงเพลงมนต์ไทรโยคอันเป็นธีมของทริปเสียหนึ่งจบ ก่อนนั่งเสพบรรยากาศคลาสิคบนรถไฟกับที่นั่งแข็งๆ พร้อมชมวิว 2 ข้างทางรับลมเย็นๆไปอย่างเพลิดเพลิน เพราะเพียงแค่รถไฟวิ่งออกมานิดเดียวบรรยากาศก็อวลกลิ่นอายชนบทแล้ว

ผมดูวิว เกากีตาร์ไปเพลินๆ จู่ๆก็มีลุงเดินหิ้วกระติกขายเครื่องดื่มผ่านมา แหม...บรรยากาศยังนี้ ต้องเบียร์สักป๋อง...ผมคิด แต่ประทานโทษช้าไปครับ เพื่อนผมมันไวกว่าไปคว้าเบียร์ลุงมา 3 ขวดแล้ว สรุปก็คือเราเผาหัวกันตั้งแต่เช้า ส่วนเพื่อนอีกคนมันไปซื้อไก่ย่างหรือหนูนาย่างก็ไม่แน่ใจมาจากสถานีไหนก็ไม่รู้ ทีนี่เมื่อมีเบียร์ มีกับแกล้ม มีกีตาร์ มีเสียงกะฉึกกะฉักของรถไฟเป็นริทึ่ม และมีคุณลุงคอยเดินมาขายเบียร์เพิ่ม สรุปเลยดกเบียร์เพลินยาวเลย

โน่นมารู้ตัวอีกทีตอนรถไฟถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว จากนั้นเราพักวงเบียร์หันมาชมวิวแบบจริงๆจังๆอีกทีตรงช่วงทางรถไฟสายมรณะแถวถ้ำกระแซ ที่เป็นสะพานรางรถไฟสูงโค้งเลียบขุนเขามองลงไปข้างล่างเห็นแม่น้ำแควน้อยไหลรี่

ช่วงนี้รถไฟแล่นช้าๆให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ยุคนั้นกระแสรถไฟตกรางยังไม่ฮิตเหมือนสมัยนี้(ช่วงที่ปิดต้นฉบับ ช่างบังเอิญอย่างร้ายกาจที่รถไฟสายนี้ ธนบุรี-น้ำตกตกราง(อีกแล้วครับทั่น)ที่ราชบุรี) จึงไม่มีคนแสดงอาการหวาดหวั่นแต่อย่างใด

จากนั้นรถไฟวิ่งเรื่อยๆไปสิ้นสุดยังสถานีน้ำตก สถานีปลายทาง ชนิดตรงตามคอนเซ็ปต์ของ ร.ฟ.ท. เปี๊ยะเลย คือช้าไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ แต่ไม่เป็นแค่นี้เล็กน้อย เพราะผมเคยเจอเลทกว่าถึง 2-3 ชั่วโมงมาแล้ว

ที่นี่พวกเราไปถ่ายรูปกับป้ายตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆก่อนเคลื่อนย้ายตัวต่อไปยังน้ำตกไทรโยคตามรอยบทเพลงของอินโนเซ้นท์กันต่อ
มนต์(น้ำตก)ไทรโยค(น้อย)
2...

...มนต์ไทรโยค ติดตรึงใจ เร้า ฤทัยให้มาเยือน
มิเลือน ยังคงอยู่ ชั่ว นิรันดร์ คืนวันที่รอ
สุขจริงหนอ รอคอยหนักหนา อย่ารอช้า ลง มา เล่นน้ำกัน
น้ำ เป็นแอ่ง ปลาว่ายแข่งกัน ดวง ตะวัน ทองอันสดใส
ซึ้งใจ เจ้า ส่อง แสง งาม

ท่อนสองและท่อนฮุคของเพลงมนต์ไทรโยค

ชื่อของน้ำตกไทรโยคไม่ได้มีแค่อินโนเซ้นท์เท่านั้นที่นำมาแต่งเพลง แต่มันมีมาช้านานเป็นอีกหนึ่งบทเพลงอมตะของสยามประเทศที่ส่วนใหญ่ต่างเคยผ่านหูมาแล้วทั้งนั้น แถมท่วงทำนองก็ถูกนักดนตรีรุ่นหลังนำทำนองมาใส่เนื้อร้องใหม่มาหมาย ซึ่งบทเพลงที่ว่านั้นก็คือ “เขมรไทรโยค” ที่ทรงพระนิพนธ์โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ เมื่อคราวติดตามพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสต้นน้ำตกไทรโยค

อย่างไรก็ตามในเพลงมนต์ไทรโยคของอินโนเซ้นท์ ผมเดาเอาว่าน่าจะหมายถึงทั้งน้ำตกไทรโยคน้อยและไทรโยคใหญ่ แต่สำหรับทริปนี้ผมเลือกไปเที่ยวแค่น้ำตกไทรโยคน้อยเท่านั้น เพราะน้ำตกไทรโยคใหญ่เคยนั่งรถไปมาแล้ว

น้ำตกไทรโยคน้อย อยู่ใกล้ถนนแค่เดินหน่อยเดียว แต่บรรยากาศต้นไม้แวดล้อมนี่สิร่มรื่นไม่เบา ช่วงที่ไปผมจำได้ว่าน้ำตกไทรโยคที่ไหลผ่านหินปูนเป็นเชิงชั้นสวยงามนั้นมีน้ำไหลบางๆเหมือนเปิดก๊อกแบบประหยัดน้ำ แต่คนที่ไปเที่ยวสิ เพียบเลย ทั้งไปยืนบนตัวน้ำตก ทั้งเล่นน้ำในแอ่งน้ำตก เรียกว่ามากพอๆกับของกินของขายหน้าทางเข้าน้ำตกทีเดียว

เห็นคนมาเล่นน้ำตกเยอะอย่างนี้ พวกผมเลยทำแค่ยืนดูตาปริบๆไม่ได้ลงไปร่วมเล่นกับเขา

เปล่า!?! เราไม่ได้กลัวนักท่องเที่ยว แต่กลัวนักท่องเที่ยว“กลัวเรา”ต่างหาก เพราะแต่ละคนผมเผ้ายาว หน้าตาโทรม เซอร์ ชนิดที่ถ้าไปลงเล่นน้ำกับคนหมู่มากพวกเขาจะตกใจ นึกว่าโจรหรือคนป่ามาเล่นน้ำด้วย แล้วพากันหนีขึ้นบกหมดก็เป็นได้

เมื่อสภาพการณ์เป็นอย่างนี้ พวกเราที่คิดไปเองจึงไปหาที่เหมาะๆเหนือน้ำตกขึ้นไปเพื่อกางเต็นท์เตรียมที่หลับที่นอนก่อน ซึ่งหลังกางเต็นท์ในทำเลเหมาะเหม็งเป็นอย่างดีเสร็จสรรพ จู่ๆงานเข้าครับพี่น้อง มีพระธุดงด์รูปหนึ่งเดินมาขอบิณฑบาตสถานที่กางเต็นท์เฉยเลย ท่านบอกว่า “อาตมาจะขอปักกลดที่นี่ มันสงบดีนะโยม”

โอ...หลวงพี่ทำไมเพิ่งมาบอกตอนทำทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว แต่เมื่อพระท่านขอ พวกเราก็ยินยอมแบบไม่ขัดข้องเก็บเต็นท์ไปหาที่กางเต็นท์ใหม่ต่อไป เอาแบบไกลๆกลดของท่านหน่อย เพราะดึกๆอาจเมา เสียงอาจไปรบกวนท่านได้

หลังกางเต็นท์ที่ใหม่เสร็จ พวกเราไปต่อด้วยการไปเล่นน้ำอาบน้ำในลำธารใสเย็นในทำเลปลอดคน แบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว ซึ่งผมเชื่อว่าคนที่เห็นพวกเราเล่นน้ำคงไม่กล้ายางกรายเข้าใกล้เป็นแน่แท้ เพราะมีใครบางคนในกลุ่มเกิดอาการโหยหาวันเกิด แสดงพฤติกรรมเลียนแบบคุณพราย ปฐมพร แต่งชุดวันเกิดล่อนจ้อนเล่นน้ำเฉยเลย

แต่ก็นี่แหละคือมนต์ไทรไยค ที่ใครได้ไปสัมผัสแล้ว มักจะได้รับความประทับใจแตกต่างกันออกไป

3...

ลม ยาม เย็น พัดธารไหลล่อง แสงทองอร่าม
มอง ดูความงาม ธรรมชาติสร้างไว้
ดุจดังเป็น มณี สินอันมีค่า หาซื้อไม่ได้
งาม เพลินใจ หากใครได้ชม...

...ท่อนท้ายเพลงมนต์ไทรโยค

ค่ำวันเสาร์ที่ 10 ต.ค. 52 ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี

คอนเสิร์ตอินโนเซ้นท์ ในเพลงมนต์ไทรโยค พาจินตนาการผมโลดลิ่วย้อนยุคกลับไปสมัยนักศึกษาเมื่อครั้งนั่งรถไฟไปเที่ยวไทรโยคอีกครั้ง ซึ่งแม้วันเวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่บทเพลงมนต์ไทรโยคของอินโนเซ้นท์ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ไม่เปลี่ยนแปลง

เฉกเช่นเดียวกับรถไฟไทยที่ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันเป็นเอกอุ เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น แทบไม่เปลี่ยนแปลง

...ปู๊น ปู๊น!!! กะฉึก กะฉัก ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง...ปู๊น ปู๊น
กำลังโหลดความคิดเห็น