โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
พูดถึงโรคมะเร็ง คงไม่มีใครนึกอยากเป็น หรือไม่อยากให้คนรอบตัวต้องเป็นโรคร้ายที่ต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจในการต่อสู้ แต่โรคมะเร็งร้ายนี้ก็ไม่เข้าใครออกใคร บางคนใช้ร่างกายหนักเกินไปเกิดเป็นโรคมะเร็งก็เป็นธรรมดา แต่บางคนดูแลใส่ใจสุขภาพตัวเองอย่างดี ไปตรวจอีกทีกลับเจอเนื้อร้ายก็มีเหมือนกัน ทางที่ดีควรไปตรวจร่างกายตรวจสุขภาพกันเป็นประจำ เผื่อเจอสิ่งผิดปกติจะได้รักษาได้ทันท่วงทีดีที่สุด
ที่ฉันพูดถึงมะเร็งขึ้นมาเพราะวันนี้ได้มาเยือนที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่มีผลงานโดดเด่นในเรื่องการวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง แต่ที่มาในวันนี้เพราะฉันได้ข่าวมาว่าที่นี่เขามี “สวนวนารมย์” เป็นสวนสมุนไพรที่ตกแต่งได้อย่างร่มรื่นสวยงามให้ความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพรต่างๆ โดยเฉพาะสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ก็ได้เสด็จมาทรงตัดแถบแพรเปิดสวนสมุนไพรอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมานี้เอง
ก่อนที่จะเข้าไปชมว่าในสวนวนารมย์นี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปรู้จักความเป็นมาของสวนนี้กันก่อนดีกว่า ฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณเฉิดโฉม จันทราทิพย์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการสร้างสวนแห่งนี้ และคุณพิชัย จิโรภาส ผู้ออกแบบและปรับปรุงภูมิทัศน์ของสวน ทำให้ทราบว่าแต่เดิมนั้น “สวนวนารมย์” ก็เป็นสวนหย่อมเล็กๆ ของทางสถาบันฯ มีพื้นที่เพียง 1,620 ตารางเมตร หรือกว้างประมาณ 27 เมตร และยาวประมาณ 60 เมตรเท่านั้น
แต่ต่อมา รองศาสตราจารย์นายแพทย์ชัยชน โลว์เจริญกูล ที่ปรึกษาองค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และผู้ช่วยประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายการแพทย์ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการตรวจรับแบบและจัดจ้างงานปรับปรุงภูมิทัศน์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ได้มีโครงการจะปรับปรุงสวนหย่อมนี้ให้สอดคล้องกับต้นไม้พันธุ์ไม้เดิมที่มี และทัศนียภาพโดยรวมของสถาบันฯ อีกทั้งเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติขององค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ หรือ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จึงได้มีการจัดทำสวนสมุนไพรเพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ขึ้น
ที่ว่าเป็นสวนสมุนไพรเทิดพระเกียรตินั้น ก็เนื่องจากพันธุ์ไม้สมุนไพรที่นำมาปลูกในสวนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นพืชสมุนไพรในงานวิจัยสมุนไพรในการรักษาโรคมะเร็งที่ทรงค้นคว้าขึ้นมา เช่น ต้นชะเอมไทย สารภี ดองดึง หวายนั่ง ชงโค เหงือกปลาหมอ เป็นต้น ซึ่งพันธุ์ไม้เหล่านี้บางชนิดนั้นฉันยังไม่เคยได้ยินชื่อเสียด้วยซ้ำ แต่หากมาที่สวนวนารมย์แล้วก็จะได้พบต้นไม้เหล่านี้
และนอกจากพืชสมุนไพรจากงานวิจัยสมุนไพรในการรักษาโรคมะเร็งแล้ว ก็ยังมีเรื่องเกี่ยวกับงานสกัดไม้หอมที่ทรงค้นคว้าด้วยเช่นกัน โดยมีพืชอย่างเล็บมือนาง มหาหงส์ มะลิลา สายหยุด ช้างกระ สายน้ำผึ้ง เป็นพืชในกลุ่มนี้ที่นำมาปลูกในสวนวนารมย์ด้วย
ไม่เพียงแต่พืชสมุนไพรเท่านั้น แต่ภายในสวนวนารมย์ก็ยังมีพืชพรรณอื่นๆอีกหลากหลายชนิด เช่น สวนกล้วยไม้ สวนเฟิร์น และพืชเขตร้อนที่แสดงความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย เช่น เฟิร์น กล้วยไม้ ไม้ดอกหอมต่างๆ นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนที่ปลูกพืชที่เป็นสีประจำพระองค์ ซึ่งเป็นดอกไม้สีแสด หรือสีส้ม (สีวันประสูติ) เช่น มธุลดา พวงแสด แวนด้าสีส้ม เข็มแสด และสวนแสดงพันธุ์ไม้ที่โปรด ได้แก่ ต้นรวงผึ้ง ไผ่เล็ก กาสะลองคำ เป็นต้น
รวมทั้งหมดแล้วในสวนวนารมย์นี้มีพืชพรรณต่างๆรวม 138 ชนิด จำนวน 678 ต้นด้วยกัน ซึ่งพันธุ์พืชเหล่านี้ก็ได้รับการสนับสนุนมาจากหลายๆแห่ง ไม่ว่าจะเป็นจากสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจากสวนพฤกษศาสตร์ภาคตะวันออก (เขาหินซ้อน)
รู้จักพืชพรรณต่างๆ ในสวนไปแล้ว คราวนี้มาเดินชมบรรยากาศกันดูบ้างดีกว่า บริเวณด้านหน้าสวนนั้นจะมีแท่นหินใหญ่สลักชื่อสวนวนารมย์ไว้พร้อมกับตราสัญลักษณ์เป็นรูปดอกชงโคที่อ่อนช้อยงดงาม เมื่อเดินเข้าไปตามทางเดินในสวนแล้วจะได้ยินเสียงน้ำไหลมาจากน้ำตกจำลองเล็กๆ สร้างความชุ่มฉ่ำให้แก่พื้นที่ได้มาก
แม้พื้นที่ของสวนจะไม่กว้างนักอย่างที่บอกไปแล้ว แต่กลับมีบรรยากาศที่ร่มรื่นร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่หลายชนิด หากอยากทราบว่าเป็นต้นอะไรบ้างก็ต้องลองก้มลงไปดูป้ายชื่อของต้นไม้แต่ละต้นได้ ตามต้นไม้เหล่านั้นมีสีส้มอันเป็นสีประจำพระองค์จากดอกไม้ชนิดต่างๆ แซมอยู่ สร้างความสดใสให้กับสวนวนารมย์ได้มาก ส่วนเฟิร์นชนิดต่างๆ ที่นำมาปลูกไว้ก็ช่วยทำให้ได้อารมณ์ของป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้น
ทางเดินภายในสวนนั้นเป็นทางเดินเล็กๆ เชื่อมต่อกันตลอด ผู้ที่มาใช้บริการสามารถเดินออกกำลังกินบรรยากาศในสวนแห่งนี้ได้ หรือหากอยากนั่งพักใต้ร่มไม้ก็มีเก้าอี้จัดไว้เป็นจุดๆให้นั่งพักผ่อน นั่งฟังเสียงจากสายน้ำตกที่ไหลต่อมาเป็นลำธารเล็กๆ ในสวน ก่อนจะไหลรวมไปที่บึงน้อยๆ ด้านท้ายสวนให้ปลาได้แหวกว่ายเล่น และหมุนเวียนกลับมาเป็นสายน้ำตกอีกครั้งหนึ่ง
คุณพิชัย ผู้ออกแบบสวนด้วยการใส่จิตวิญญาณเข้าไปในสวนเชื่อว่า ด้วยบรรยากาศเช่นนี้จะทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มารักษาและพักฟื้นในโรงพยาบาลได้รับความสงบ สบายใจและผ่อนคลายเมื่อได้มาอยู่ในสวนวนารมย์แห่งนี้ ไม่เพียงผู้ป่วยเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์ แต่ญาติของผู้ป่วยที่มานั่งรอ ผู้ที่มาใช้บริการหรือติดต่องานในสถาบันฯ รวมไปถึงบุคคลภายนอกที่สนใจพันธุ์ไม้สมุนไพรเหล่านี้ ก็สามารถเข้ามาชมสวนแห่งนี้ได้เช่นกัน โดยในอนาคตจะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับข้อมูลและประโยชน์ของพันธุ์ไม้แต่ละชนิดภายในสวน เพื่อให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามแบบของสวนสมุนไพร
สวนแห่งนี้จึงถือได้ว่า เป็นสวนสมุนไพรที่มีการผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ คือมีคุณค่าด้านการแพทย์และเยียวยาจิตใจ สมกับที่ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้พระราชทานนามให้ไว้ว่า "สวนวนารมย์ - The Herbal Paradise"
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สวนสมุนไพรวนารมย์ ตั้งอยู่หน้าอาคารศูนย์ประชุมและหน้าอาคารบริหาร สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต หลักสี่ กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-2191-5600
พูดถึงโรคมะเร็ง คงไม่มีใครนึกอยากเป็น หรือไม่อยากให้คนรอบตัวต้องเป็นโรคร้ายที่ต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจในการต่อสู้ แต่โรคมะเร็งร้ายนี้ก็ไม่เข้าใครออกใคร บางคนใช้ร่างกายหนักเกินไปเกิดเป็นโรคมะเร็งก็เป็นธรรมดา แต่บางคนดูแลใส่ใจสุขภาพตัวเองอย่างดี ไปตรวจอีกทีกลับเจอเนื้อร้ายก็มีเหมือนกัน ทางที่ดีควรไปตรวจร่างกายตรวจสุขภาพกันเป็นประจำ เผื่อเจอสิ่งผิดปกติจะได้รักษาได้ทันท่วงทีดีที่สุด
ที่ฉันพูดถึงมะเร็งขึ้นมาเพราะวันนี้ได้มาเยือนที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่มีผลงานโดดเด่นในเรื่องการวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง แต่ที่มาในวันนี้เพราะฉันได้ข่าวมาว่าที่นี่เขามี “สวนวนารมย์” เป็นสวนสมุนไพรที่ตกแต่งได้อย่างร่มรื่นสวยงามให้ความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพรต่างๆ โดยเฉพาะสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ก็ได้เสด็จมาทรงตัดแถบแพรเปิดสวนสมุนไพรอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมานี้เอง
ก่อนที่จะเข้าไปชมว่าในสวนวนารมย์นี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปรู้จักความเป็นมาของสวนนี้กันก่อนดีกว่า ฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณเฉิดโฉม จันทราทิพย์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการสร้างสวนแห่งนี้ และคุณพิชัย จิโรภาส ผู้ออกแบบและปรับปรุงภูมิทัศน์ของสวน ทำให้ทราบว่าแต่เดิมนั้น “สวนวนารมย์” ก็เป็นสวนหย่อมเล็กๆ ของทางสถาบันฯ มีพื้นที่เพียง 1,620 ตารางเมตร หรือกว้างประมาณ 27 เมตร และยาวประมาณ 60 เมตรเท่านั้น
แต่ต่อมา รองศาสตราจารย์นายแพทย์ชัยชน โลว์เจริญกูล ที่ปรึกษาองค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และผู้ช่วยประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายการแพทย์ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการตรวจรับแบบและจัดจ้างงานปรับปรุงภูมิทัศน์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ได้มีโครงการจะปรับปรุงสวนหย่อมนี้ให้สอดคล้องกับต้นไม้พันธุ์ไม้เดิมที่มี และทัศนียภาพโดยรวมของสถาบันฯ อีกทั้งเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติขององค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ หรือ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จึงได้มีการจัดทำสวนสมุนไพรเพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ขึ้น
ที่ว่าเป็นสวนสมุนไพรเทิดพระเกียรตินั้น ก็เนื่องจากพันธุ์ไม้สมุนไพรที่นำมาปลูกในสวนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นพืชสมุนไพรในงานวิจัยสมุนไพรในการรักษาโรคมะเร็งที่ทรงค้นคว้าขึ้นมา เช่น ต้นชะเอมไทย สารภี ดองดึง หวายนั่ง ชงโค เหงือกปลาหมอ เป็นต้น ซึ่งพันธุ์ไม้เหล่านี้บางชนิดนั้นฉันยังไม่เคยได้ยินชื่อเสียด้วยซ้ำ แต่หากมาที่สวนวนารมย์แล้วก็จะได้พบต้นไม้เหล่านี้
และนอกจากพืชสมุนไพรจากงานวิจัยสมุนไพรในการรักษาโรคมะเร็งแล้ว ก็ยังมีเรื่องเกี่ยวกับงานสกัดไม้หอมที่ทรงค้นคว้าด้วยเช่นกัน โดยมีพืชอย่างเล็บมือนาง มหาหงส์ มะลิลา สายหยุด ช้างกระ สายน้ำผึ้ง เป็นพืชในกลุ่มนี้ที่นำมาปลูกในสวนวนารมย์ด้วย
ไม่เพียงแต่พืชสมุนไพรเท่านั้น แต่ภายในสวนวนารมย์ก็ยังมีพืชพรรณอื่นๆอีกหลากหลายชนิด เช่น สวนกล้วยไม้ สวนเฟิร์น และพืชเขตร้อนที่แสดงความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย เช่น เฟิร์น กล้วยไม้ ไม้ดอกหอมต่างๆ นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนที่ปลูกพืชที่เป็นสีประจำพระองค์ ซึ่งเป็นดอกไม้สีแสด หรือสีส้ม (สีวันประสูติ) เช่น มธุลดา พวงแสด แวนด้าสีส้ม เข็มแสด และสวนแสดงพันธุ์ไม้ที่โปรด ได้แก่ ต้นรวงผึ้ง ไผ่เล็ก กาสะลองคำ เป็นต้น
รวมทั้งหมดแล้วในสวนวนารมย์นี้มีพืชพรรณต่างๆรวม 138 ชนิด จำนวน 678 ต้นด้วยกัน ซึ่งพันธุ์พืชเหล่านี้ก็ได้รับการสนับสนุนมาจากหลายๆแห่ง ไม่ว่าจะเป็นจากสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจากสวนพฤกษศาสตร์ภาคตะวันออก (เขาหินซ้อน)
รู้จักพืชพรรณต่างๆ ในสวนไปแล้ว คราวนี้มาเดินชมบรรยากาศกันดูบ้างดีกว่า บริเวณด้านหน้าสวนนั้นจะมีแท่นหินใหญ่สลักชื่อสวนวนารมย์ไว้พร้อมกับตราสัญลักษณ์เป็นรูปดอกชงโคที่อ่อนช้อยงดงาม เมื่อเดินเข้าไปตามทางเดินในสวนแล้วจะได้ยินเสียงน้ำไหลมาจากน้ำตกจำลองเล็กๆ สร้างความชุ่มฉ่ำให้แก่พื้นที่ได้มาก
แม้พื้นที่ของสวนจะไม่กว้างนักอย่างที่บอกไปแล้ว แต่กลับมีบรรยากาศที่ร่มรื่นร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่หลายชนิด หากอยากทราบว่าเป็นต้นอะไรบ้างก็ต้องลองก้มลงไปดูป้ายชื่อของต้นไม้แต่ละต้นได้ ตามต้นไม้เหล่านั้นมีสีส้มอันเป็นสีประจำพระองค์จากดอกไม้ชนิดต่างๆ แซมอยู่ สร้างความสดใสให้กับสวนวนารมย์ได้มาก ส่วนเฟิร์นชนิดต่างๆ ที่นำมาปลูกไว้ก็ช่วยทำให้ได้อารมณ์ของป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้น
ทางเดินภายในสวนนั้นเป็นทางเดินเล็กๆ เชื่อมต่อกันตลอด ผู้ที่มาใช้บริการสามารถเดินออกกำลังกินบรรยากาศในสวนแห่งนี้ได้ หรือหากอยากนั่งพักใต้ร่มไม้ก็มีเก้าอี้จัดไว้เป็นจุดๆให้นั่งพักผ่อน นั่งฟังเสียงจากสายน้ำตกที่ไหลต่อมาเป็นลำธารเล็กๆ ในสวน ก่อนจะไหลรวมไปที่บึงน้อยๆ ด้านท้ายสวนให้ปลาได้แหวกว่ายเล่น และหมุนเวียนกลับมาเป็นสายน้ำตกอีกครั้งหนึ่ง
คุณพิชัย ผู้ออกแบบสวนด้วยการใส่จิตวิญญาณเข้าไปในสวนเชื่อว่า ด้วยบรรยากาศเช่นนี้จะทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มารักษาและพักฟื้นในโรงพยาบาลได้รับความสงบ สบายใจและผ่อนคลายเมื่อได้มาอยู่ในสวนวนารมย์แห่งนี้ ไม่เพียงผู้ป่วยเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์ แต่ญาติของผู้ป่วยที่มานั่งรอ ผู้ที่มาใช้บริการหรือติดต่องานในสถาบันฯ รวมไปถึงบุคคลภายนอกที่สนใจพันธุ์ไม้สมุนไพรเหล่านี้ ก็สามารถเข้ามาชมสวนแห่งนี้ได้เช่นกัน โดยในอนาคตจะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับข้อมูลและประโยชน์ของพันธุ์ไม้แต่ละชนิดภายในสวน เพื่อให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามแบบของสวนสมุนไพร
สวนแห่งนี้จึงถือได้ว่า เป็นสวนสมุนไพรที่มีการผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ คือมีคุณค่าด้านการแพทย์และเยียวยาจิตใจ สมกับที่ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้พระราชทานนามให้ไว้ว่า "สวนวนารมย์ - The Herbal Paradise"
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สวนสมุนไพรวนารมย์ ตั้งอยู่หน้าอาคารศูนย์ประชุมและหน้าอาคารบริหาร สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต หลักสี่ กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-2191-5600
