xs
xsm
sm
md
lg

“สักการะทวยเทพกลางกรุงฯ” สมประสงค์ ณ ราชประสงค์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แยกราชประสงค์ที่มากไปด้วยทวยเทพจนได้รับการเรียกขานว่า “แยกเทพเจ้า”
หากเอ่ยถึงชื่อสี่แยกราชประสงค์แล้ว คงมีเพียงน้อยคนที่ไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าแยกพระพรหม หลายคนอาจจะร้องอ๋อว่าแยกไหน เมื่อเอ่ยถึงย่านราชประสงค์ หลายคนต้องนึกถึงความเป็นแหล่งศูนย์กลางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ที่เพียบพร้อมไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์การค้า ที่พักโรงแรมชั้นนำ และย่านราชประสงค์นี้เองยังเป็นศูนย์รวมที่พึ่งพิงทางจิตใจสำหรับหลายๆคนเพราะเป็นสถานที่ที่มีเทพเจ้าประดิษฐานอยู่หลายองค์ด้วยกัน ซึ่งเป็นที่เคารพและบูชาของประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ตามคติความเชื่อแบบฮินดู (พราหมณ์) จนหลายๆคนเรียกบริเวณนี้ว่า “แยกเทพเจ้า”

เพื่อเป็นการสนับสนุนและร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (หรือ RSTA) ได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ในการจัดโครงการ Visit Ratchaprasong ภายใต้แคมเปญ “เสน่ห์กรุงเทพ เสน่ห์ราชประสงค์” ซึ่งมีกิจกรรมหลักนั่นคือ “ทัวร์สักการะทวยเทพในย่านราชประสงค์” ทั้ง 6 องค์ ได้แก่ ท้าวมหาพรหม, พระอินทร์, พระนารายณ์ทรงสุบรรณ, พระแม่ลักษมี, พระตรีมูรติ และพระพิฆเนศวร

ครูมืด ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย จากกรมศิลป์
ทั้งนี้ในงานเปิดตัวโครงการฯได้รับเกียรติจาก ครูมืด : ประสาท ทองอร่าม ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมไทย จากกรมศิลปากร มาร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 6 องค์ พร้อมเป็นหัวหน้านำทัวร์สักการะให้กับแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนอีกด้วย

โดยครูมืด เริ่มทัวร์สักการะเทพโดยการอธิบายประวัติความเป็นมาขององค์เทพแต่ละองค์ เริ่มที่ ”พระพรหมเอราวัณ” หรือ “ท้าวมหาพรหม” เป็นองค์แรก ซึ่งครูมืดได้กล่าวว่า พระพรหมเกิดจากสีข้างเบื้องขวาของพระวิษณุ ขณะกำลังบรรทมอยู่บนหลังพญานาคระหว่างที่เดินทางประทับอยู่ ณ เกษียรสมุทร พระพรหมเป็นที่สักการะบูชาอย่างมากเพราะพระองค์ถือเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งบนโลก
ศรัทธาที่มีต่อองค์พระพรหมเอราวัณ
“พระพรหมคือหนึ่งในสามเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ รวมกับพระวิษณุและพระศิวะ นอกจากนั้น พระพรหม ยังเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาและพรหมลิขิตของมนุษย์ เพราะพระองค์เต็มไปด้วยความเอื้ออารีและความสงบ ท่านท้าวมหาพรหมยังรับฟังความปรารถนาของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ เนื่องจากพระองค์มีสี่หน้า ที่คอยสอดส่องดูแลทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ และยังประทานพรให้กับผู้บูชาที่ซื่อสัตย์กับพระองค์ทุกคน” ครูมืดอธิบาย
พระอินทร์ เทพเจ้าแห่งความสุขสมบูรณ์
เสร็จจากสักการะพระพรหมแล้ว ครูมืดเดินไปทางด้านหน้าศูนย์การค้าอัมรินทร์ เพื่อทำการสักการะ “องค์อัมรินทราริราช” หรือ “พระอินทร์” ครูมืดได้บอกว่าพระอินทร์มีพระนามหลากหลายมาก ซึ่งจะเรียกตามลักษณะของท่านคือมีเป็นวัชระ (สายฟ้า) เป็นเทพมหาวุธ พระอินทร์ถือเป็นเทพที่มีความเกี่ยวพันกับคนไทยทั้งในทางพุทธศาสนา คือพระอินทร์จะมีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าตั้งแต่การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน และทางวรรณคดีไทยนั้นก็ปรากฏมีเรื่องราวของพระองค์เข้ามาเกี่ยวข้องในหลายๆ เรื่อง ด้วยพระองค์ทรงเป็นเทพที่อยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กายสีเขียว มี 1,000 ตา พระองค์ทรงเป็นที่เคารพในฐานะพระผู้ดูแลทุกข์สุขของมนุษย์โลก พระองค์ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความสุขสมบูรณ์ พระองค์จะประทานสิ่งมงคล ลาภ ยศ สรรเสริญให้กับผู้ที่มาขอพร
พระนารายณ์ทรงสุบรรณ หน้า รร.อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ
หลังจากสักการะพระอินทร์เป็นอันเรียบร้อย ครูมืดก็พาเดินข้ามสะพานลอยมาฝั่งตรงข้าม มาที่บริเวณหน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เพื่อมาทำการสักการะ “พระนารายณ์ทรงสุบรรณ”

ซึ่งครูมืดได้ให้ข้อมูลว่า ในตำนานของไทยเรานั้น พระนารายณ์จะทรงยอดชฎาแบบพระมหากษัตริย์ พระองค์ทรงบรรทมอยู่กลางเกษียรสมุทร (ทะเลน้ำนม) และพระอินทร์กับพระนารายณ์นั้นมีความเกี่ยวข้องกัน คือ ถ้ามีเหตุเกิดขึ้นในโลกมนุษย์พระอินทร์จะเป่าสังข์เพื่อปลุกบรรทม เพื่อบอกเหตุให้พระนารายณ์ทราบถึงเหตุบนโลก เพื่อจะได้ทรงมาช่วยแก้ไขปัดเป่าเหตุร้ายให้มนุษย์

และการที่พระนารายณ์ทรงครุฑนั้นก็มีเรื่องเล่ามาว่า เพราะมารดาครุฑแพ้พนันเรื่องสีของม้ากับมารดาพญานาค มีทางเดียวที่จะไถ่โทษได้คือ ต้องนำน้ำอมฤตจากเทวดามา พญาครุฑจึงไปขโมยน้ำอมฤต แต่เนื่องจากน้ำอมฤตจะกินได้เฉพาะเทวดาเท่านั้น พระอินทร์จึงตามไปขัดขวาง แต่พระอินทร์ก็ไม่สามารถปราบพญาครุฑได้ ร้อนถึงพระนารายณ์ที่ต้องลงมาปราบแต่ก็ยังไม่ชนะพญาครุฑเช่นกัน ทั้งสองจึงมาเป็นพันธมิตรกัน และให้สัญญาต่อกันว่า เมื่อพระนารายณ์อยู่ที่ไหน พญาครุฑจะต้องอยู่สูงกว่า เมื่อพระนารายณ์เสด็จไหน พญาครุฑก็จะเป็นพาหนะ เฉกเช่นเดียวกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งเปรียบดังสมมุติเทพ เวลาที่จะเสด็จไหนก็จะมีธงครุฑนำหน้าขบวนราชรถ หรือพระมหากษัติรย์ทรงประทับอยู่ที่ไหน ก็จะมีธงครุฑแสดงอยู่ ณ จุดนั้น
พระแม่ลักษมี เทวีแห่งความงดงาม
มาถึงเทพอีกองค์ที่ 4 คือ “พระแม่ลักษมี” ตั้งอยู่ที่บริเวณดาดฟ้าชั้น 4 ของศูนย์การค้าเกษร ครูมืดเล่าว่า พระแม่ลักษมี มีตำนานกำเนิดหลายตำนาน บางตำนานก็ว่าท่านกำเนิดจากดอกบัว หรือบางตำนานก็ว่าท่านเกิดจากพิธีกวนน้ำอมฤต เสด็จจากดอกบัว เป็นมเหสีของพระนารายณ์ ดังนั้นพระแม่ลักษมีมักจะอวตารไปเป็นชายาของพระวิษณุอยู่ทุกครั้งไป เช่น พระวิษณุอวตารเป็นพระราม พระแม่ลักษมีก็ตามไปเกิดเป็นพระนางสีดา พระแม่ลักษมีที่ประดิษฐานนี้อยู่ในปางประทานพร พระแม่ลักษมีถือเป็นเทวีแห่งความงดงาม ความร่ำรวย และความอุดมสมบูรณ์ พระองค์มักประทานความสำเร็จในการประกอบกิจการ การเจรจาต่อรอง การทำมาค้าขาย การประกอบธุรกิจทุกสาขา ตลอดจนประทานโภคทรัพย์ เงินทอง สมบัติ แก่ผู้หมั่นบูชาพระองค์และประกอบความดีอยู่เป็นนิจ
พระตรีมูรติ เทพเจ้าแห่งความรัก
จากนั้นก็มาถึง “พระตรีมูรติ” เทพอีกหนึ่งองค์ที่มีผู้คนแห่มาเคารพบูชามากมาย เพื่อขอให้ประสบความสำเร็จในเรื่องของความรัก ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้างอิเซตัน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พระตรีมูรติคืออวตารรวมของพระเป็นเจ้าสูงสุดทั้งสามองค์ในศาสนาพราหมณ์ อันได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระนารายณ์ (ผู้ปกป้องรักษา) และพระอิศวร (ผู้ทำลาย) โดยพระตรีมูรตินั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของมหาเทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ยุคใหม่ เทพเจ้าทั้งสามนี้เทียบเป็นสัญลักษณ์ได้ดังพลังธรรมชาติ ได้แก่ พลังสร้าง พลังรักษา และพลังทำลาย

คำว่า "โอม" เป็นสัญลักษณ์ของพระตรีมูรติ โดยเป็นการรวมอักษร (อักษรเทวนาครี) ได้แก่ อะ หมายถึงพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ เทพเจ้าผู้ดำรงรักษา, อุ หมายถึงพระพรหม เทพเจ้าผู้สร้างโลก และ มะ หมายถึงพระศิวะเทพ เทพเจ้าผู้ทำลาย คนส่วนใหญ่เชื่อว่าการบูชาพระตรีมูรติจะทำให้ชีวิตมีความอุดมสมบูรณ์ ในชีวิต ความรัก และการงาน ความเชื่อของชาวไทยต่อพระตรีมูรติ คือ พระองค์เป็นเทพเจ้าแห่งความรักโดยเฉพาะในหมู่หนุ่มสาวที่เคารพและบูชาพระองค์ ในวันวาเลนไทน์ มักมีผู้คนมากมายมาบูชาและขอพรจากพระตรีมูรติ นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น. เป็นเวลาที่พระตรีมูรติจะลงมาประทานพรให้ผู้คนที่บูชาพระองค์ท่าน
พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งศิลปะ ความสำเร็จ
เทพองค์สุดท้ายที่ครูมืดพาเรามาสักการะคือ “พระพิฆเนศวร” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าห้างอิเซตัน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ครูมืดได้เล่าประวัติของพระพิฆเนศวรให้ฟังว่า

ในขณะที่พระศิวะได้ทำพิธีโสกันต์และพระวิษณุเทพพลั้งเผลอเปล่งวาจา "ไอ้ลูกหัวหาย กวนใจจริง" ทำให้เศียรของกุมารหายไป จึงได้มีเทวโองการให้หาเศียรของมนุษย์ที่เสียชีวิตมาต่อให้ แต่ปรากฏว่าในวันอังคารนั้นไม่มีมนุษย์ผู้ใดถึงฆาต มีเพียงช้างงาเดียวที่นอนตายอยู่ทางทิศเหนือ จึงตัดเศียรมาต่อให้ และเหตุที่มีงาข้างเดียวนั้น เนื่องจากปรศุรามจะเข้าเฝ้าพระศิวะที่เขาไกรลาส ซึ่งกำลังสนทนาอยู่กับนางปราวตี พระคเณศไม่ยอมให้ปรศุรามเข้าพบ ปรศุรามโมโหจึงขว้างขวานใส่ ไปยังพระคเณศ พระองค์จึงใช้งาข้างซ้ายรับขวานนั้นแทน ครูมืดยังกล่าวอีกว่า พระพิฆเนศถือเป็นเทพเจ้าแห่งสรรพมงคล ทั้งด้านศิลปะ ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง ความสมบูรณ์พูนสุข และมีความสำคัญและผูกพันกับสังคมไทยมาเป็นเวลาช้านาน

องค์พระพิฆเนศวร ถือเป็นเทพองค์สุดท้ายในเส้นทาง“ทัวร์สักการะทวยเทพในย่านราชประสงค์” ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเดินสักการะทวยเทพทั้งหมด 6 องค์ไม่นาน(ราว 1-2 ชั่วโมง) ซึ่งหากผู้ใดสนใจ กรุงเทพมหานครและสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ได้จัดทัวร์สักการะเทพในย่านราชประสงค์ขึ้น โดยจัดขึ้นในทุกวันเสาร์ ตลอดเดือนพฤษภาคมนี้ ฟรี! เรียกว่าไม่ต้องไปสักการะไกลถึงเมืองนอกเมืองนา แค่เข้ามาเยือนใจกลางกรุงเทพฯ ก็สามารถสัมผัสถึงความผสมผสานกันอย่างกลมกลืนระหว่างความทันสมัย และมนต์ขลังแห่งเทวสถานทั้ง 6 ในย่านราชประสงค์ได้ที่เดียวแบบครบเครื่อง อิ่มบุญกันถ้วนทั่ว
*****************************************

“ทัวร์สักการะทวยเทพในย่านราชประสงค์” กำหนดจัดขึ้นทุกวันเสาร์ตลอดเดือนพฤษภาคม ผู้สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ hotline 0-2225-7612-5 แต่ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถไปสักการะเทพเจ้าในย่านราชประสงค์ด้วยตัวเองได้ทุกวัน เพราะสถานที่ประดิษฐานเทพเจ้าทั้งหมดนั้นอยู่ในย่านเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น