“อำรุง เกาไศยนันท์” อดีตผู้บรรยายสารคดีรางวัลโทรทัศน์ทองคำ และผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ใช้ทูตมรณะ .38 ยิงกลางศีรษะลูกสาวดับ จากนั้นจ่อขมับตัวลั่นไกตายตาม สาเหตุขอเงินลูกสาว 5 หมื่น ไว้ใช้รักษาตัว แต่ลูกสาวไม่ให้ ทั้งที่ เคยให้เงินลูกสาวไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท
วันนี้ (3 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.45 น.ร.ต.ท.วานิช ภูดวงดาษ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางพลัด รับแจ้งเหตุยิงกันทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บภายในบ้านเลขที่ 1788/319 (39) ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงและเขตบางพลัด กทม.จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.7 พ.ต.อ.อดิศักดิ์ คุณพันธ์ ผกก.สน.บางพลัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 600 ตารางวา ปลูกในรั้วรอบขอบชิด โดยบริเวณหน้าห้องนอนชั้นล่าง พบศพ นายอำรุง เกาไศยนันท์ อายุ 75 ปี ข้าราชการบำนาญของกรมศิลปากร เจ้าของบ้าน ในสภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 เข้าที่ขมับขวา ทะลุขมับซ้าย โดยมีอาวุธปืน .38 ชนิดลูกโม่ตกอยู่บริเวณปลายเท้าผู้ตาย 1 กระบอก ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกันทราบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ทราบต่อมาชื่อ นางศันสนีย์ เกาไสยนันท์ อายุ 43 ปี เป็นบุตรสาวผู้ตาย ถูกยิงเข้าที่กลางศีรษะ 1 นัด แพทย์พยายามช่วยเยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ทว่า นางศันสนีย์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ตำรวจสอบปากคำ นางสุพัตรา ศรีแสงเวช อายุ 53 ปี หลานสาว นายอำรุง ให้การว่า บ้านหลังที่เกิดเหตุมีผู้พักอาศัยรวม 6 คน ประกอบด้วย นายอำรุง ตนเอง บุตรชายตน พร้อมลูกสะใภ้ และหลานสาว อีกคน รวมทั้งแม่ยายของ นายอำรุง ที่อายุเกือบ 100 ปีแล้ว โดย นายอำรุง หลังจากเกษียณจากรับราชการ ไม่ได้ทำอะไร ในขณะที่ นางศันสนีย์ ไปเปิดร้านขายของชำอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งนานๆ ครั้งจะเดินทางมาเยี่ยม นายอำรุง ผู้พ่อครั้งหนึ่ง
นางสุพัตรา ให้การต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 15.00 น.ขณะที่กำลังจัดเตรียมก๋วยเตี๋ยวให้ นายอำรุง รับประทาน ก็ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด จึงรีบวิ่งไปดู และพบว่า นางศันสนีย์ ถูกนายอำรุง ยิงล้มฟุบอยู่ที่หน้าห้องบริเวณที่พบศพ นายอำรุง ด้วยความตกใจ จึงได้สอบถามไปว่า “ยิงลูกทำไม” ซึ่ง นายอำรุง ตอบเพียงว่า “เอาไว้ไม่ได้” จากนั้นรู้สึกชาไปทั้งตัว ทำอะไรไม่ถูก และได้ยินเสียงหลานชายร้องตะโกนห้าม โดย นายอำรุง ตะโกนตอบว่า “ไม่ต้องมาห้าม” จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ปรากฏว่า นายอำรุง ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับยิงตัวตายดังกล่าว
นางสุพัตรา ให้การต่ออีกว่า ส่วนสาเหตุนั้น สันนิษฐานว่า น่าจะมาจากเรื่องที่ทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องเงิน โดยเมื่อหลายปีก่อน นายอำรุง เคยให้เงินจำนวน 4 ล้าน แก่นางศันสนีย์ ไปปลูกบ้านที่อยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่ นางศันสนีย์ ได้สามีเป็นคนไม่ทำมาหากินอะไร และตั้งแต่นั้นมา นางศันสนีย์ ก็เดินทางมาหา นายอำรุง เพื่อขอเงินอยู่บ่อยๆ จนกระทั้งเมื่อปีที่ผ่านมา นายอำรุง ขายที่ใน จ.นนทบุรี ได้เงินมาอีกประมาณ 4 ล้าน จึงแบ่งให้นางศันสนีย์ ไปอีก 2 ล้าน และเก็บไว้เอง 2 ล้าน เพื่อไว้ใช้รักษาตัว เนื่องจาก นายอำรุง เป็นโรคเบาหวาน และความดันอยู่
“หลังจากได้ นางศันสนีย์ ได้เงินก้อนสุดท้ายไป ก็ไม่ค่อยมายุ่งเกี่ยวอีก แต่นานๆ จะมาครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นางศันสนีย์ มาที่บ้านอีกครั้ง และอยู่จนถึงบ่ายสามวันนี้ จากนั้นทั้งคู่เกิดทะเลาะกันรุนแรงขึ้นมา เนื่องจาก นายอำรุง เอ่ยปากขอเงินนางศันสนีย์ 5 หมื่นบาท เพื่อไปรักษาโรคที่เป็นอยู่ แต่ปรากฏว่า นางศันสนีย์ ไม่ให้ ทำให้ทะเลาะกันรุนแรง จนกระทั่งเกิดเหตุสลดขึ้นในครอบครัว” นางสุพัตรา ให้การ
นายอำรุง เกาไศยนันท์ เป็นผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงในสังคม โดยเดิมทีรับราชการเป็นนักดนตรีสังกัดกรมศิลปากร เคยได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ในปี 2531 สาขาผู้บรรยายรายการสารคดีดีเด่น ในรายการแผ่นดินธรรม ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นอกจากนี้ ยังเป็นผู้หนึ่งที่เป็นผู้ลงเสียงในงานพระราชพิธีต่างๆ เสมอ อีกทั้งเคยได้รับการยกย่องจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) ในฐานะเป็นหนึ่งในบุคคลที่เป็น “ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น” ในปี 2550 ปีเดียวกับ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์, รศ.ประทุมพร วัชรเสถียร, นายพิชัย วาศนาส่ง, นางอรุณี แดงพันธ์, นายสุทธิชัย หยุ่น, นายประสาท ทองอร่าม, นายวัฒนะ บุญจับ, นายพิจักษณ์ ตระกูลเค้ามูลคดี (รอง เค้ามูลคดี) และ น.ส.จิตติมาฆ์ สุขพัฒน์ (จินตหรา สุขพัฒน์)
วันนี้ (3 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.45 น.ร.ต.ท.วานิช ภูดวงดาษ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางพลัด รับแจ้งเหตุยิงกันทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บภายในบ้านเลขที่ 1788/319 (39) ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงและเขตบางพลัด กทม.จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.7 พ.ต.อ.อดิศักดิ์ คุณพันธ์ ผกก.สน.บางพลัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 600 ตารางวา ปลูกในรั้วรอบขอบชิด โดยบริเวณหน้าห้องนอนชั้นล่าง พบศพ นายอำรุง เกาไศยนันท์ อายุ 75 ปี ข้าราชการบำนาญของกรมศิลปากร เจ้าของบ้าน ในสภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 เข้าที่ขมับขวา ทะลุขมับซ้าย โดยมีอาวุธปืน .38 ชนิดลูกโม่ตกอยู่บริเวณปลายเท้าผู้ตาย 1 กระบอก ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกันทราบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ทราบต่อมาชื่อ นางศันสนีย์ เกาไสยนันท์ อายุ 43 ปี เป็นบุตรสาวผู้ตาย ถูกยิงเข้าที่กลางศีรษะ 1 นัด แพทย์พยายามช่วยเยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ทว่า นางศันสนีย์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ตำรวจสอบปากคำ นางสุพัตรา ศรีแสงเวช อายุ 53 ปี หลานสาว นายอำรุง ให้การว่า บ้านหลังที่เกิดเหตุมีผู้พักอาศัยรวม 6 คน ประกอบด้วย นายอำรุง ตนเอง บุตรชายตน พร้อมลูกสะใภ้ และหลานสาว อีกคน รวมทั้งแม่ยายของ นายอำรุง ที่อายุเกือบ 100 ปีแล้ว โดย นายอำรุง หลังจากเกษียณจากรับราชการ ไม่ได้ทำอะไร ในขณะที่ นางศันสนีย์ ไปเปิดร้านขายของชำอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งนานๆ ครั้งจะเดินทางมาเยี่ยม นายอำรุง ผู้พ่อครั้งหนึ่ง
นางสุพัตรา ให้การต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 15.00 น.ขณะที่กำลังจัดเตรียมก๋วยเตี๋ยวให้ นายอำรุง รับประทาน ก็ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด จึงรีบวิ่งไปดู และพบว่า นางศันสนีย์ ถูกนายอำรุง ยิงล้มฟุบอยู่ที่หน้าห้องบริเวณที่พบศพ นายอำรุง ด้วยความตกใจ จึงได้สอบถามไปว่า “ยิงลูกทำไม” ซึ่ง นายอำรุง ตอบเพียงว่า “เอาไว้ไม่ได้” จากนั้นรู้สึกชาไปทั้งตัว ทำอะไรไม่ถูก และได้ยินเสียงหลานชายร้องตะโกนห้าม โดย นายอำรุง ตะโกนตอบว่า “ไม่ต้องมาห้าม” จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ปรากฏว่า นายอำรุง ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับยิงตัวตายดังกล่าว
นางสุพัตรา ให้การต่ออีกว่า ส่วนสาเหตุนั้น สันนิษฐานว่า น่าจะมาจากเรื่องที่ทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องเงิน โดยเมื่อหลายปีก่อน นายอำรุง เคยให้เงินจำนวน 4 ล้าน แก่นางศันสนีย์ ไปปลูกบ้านที่อยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่ นางศันสนีย์ ได้สามีเป็นคนไม่ทำมาหากินอะไร และตั้งแต่นั้นมา นางศันสนีย์ ก็เดินทางมาหา นายอำรุง เพื่อขอเงินอยู่บ่อยๆ จนกระทั้งเมื่อปีที่ผ่านมา นายอำรุง ขายที่ใน จ.นนทบุรี ได้เงินมาอีกประมาณ 4 ล้าน จึงแบ่งให้นางศันสนีย์ ไปอีก 2 ล้าน และเก็บไว้เอง 2 ล้าน เพื่อไว้ใช้รักษาตัว เนื่องจาก นายอำรุง เป็นโรคเบาหวาน และความดันอยู่
“หลังจากได้ นางศันสนีย์ ได้เงินก้อนสุดท้ายไป ก็ไม่ค่อยมายุ่งเกี่ยวอีก แต่นานๆ จะมาครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นางศันสนีย์ มาที่บ้านอีกครั้ง และอยู่จนถึงบ่ายสามวันนี้ จากนั้นทั้งคู่เกิดทะเลาะกันรุนแรงขึ้นมา เนื่องจาก นายอำรุง เอ่ยปากขอเงินนางศันสนีย์ 5 หมื่นบาท เพื่อไปรักษาโรคที่เป็นอยู่ แต่ปรากฏว่า นางศันสนีย์ ไม่ให้ ทำให้ทะเลาะกันรุนแรง จนกระทั่งเกิดเหตุสลดขึ้นในครอบครัว” นางสุพัตรา ให้การ
นายอำรุง เกาไศยนันท์ เป็นผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงในสังคม โดยเดิมทีรับราชการเป็นนักดนตรีสังกัดกรมศิลปากร เคยได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ในปี 2531 สาขาผู้บรรยายรายการสารคดีดีเด่น ในรายการแผ่นดินธรรม ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นอกจากนี้ ยังเป็นผู้หนึ่งที่เป็นผู้ลงเสียงในงานพระราชพิธีต่างๆ เสมอ อีกทั้งเคยได้รับการยกย่องจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) ในฐานะเป็นหนึ่งในบุคคลที่เป็น “ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น” ในปี 2550 ปีเดียวกับ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์, รศ.ประทุมพร วัชรเสถียร, นายพิชัย วาศนาส่ง, นางอรุณี แดงพันธ์, นายสุทธิชัย หยุ่น, นายประสาท ทองอร่าม, นายวัฒนะ บุญจับ, นายพิจักษณ์ ตระกูลเค้ามูลคดี (รอง เค้ามูลคดี) และ น.ส.จิตติมาฆ์ สุขพัฒน์ (จินตหรา สุขพัฒน์)
