xs
xsm
sm
md
lg

สัมพัจฉรฉินท์ พิธีโบราณ งานสงกรานต์สนามหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สงกรานต์สนามหลวงในปีที่ผ่านมา
เมื่อพูดถึงประเพณีสงกรานต์ ของพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลายๆคนอาจจะนึกถึงภาพการเล่นสาดน้ำที่รุนแรงในพื้นที่ถนนหลายสาย ซึ่งเป็นภาพที่บิดเบือนไปจากประเพณีดั้งเดิมของงานสงกรานต์ในอดีต ดังนั้นเพื่อรักษาความงดงามของประเพณีดังกล่าวไว้ กรุงเทพมหานคร(กทม.) จึงได้จัดงานสงกรานต์ขึ้นในชื่อ มหาสงกรานต์ ปี 52 “ยิ้มรับสงกรานต์ สานสามัคคี” ระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย. 52 ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 24.00 น.(ยกเว้นวันที่ 13 เม.ย. เริ่มเวลา 06.30 น.) ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อให้เป็นสถานที่ละเล่นสงกรานต์ตามประเพณี การละเล่นท้องถิ่น พิธีโบราณ และประเพณีสงกรานต์ของประเทศไทยทั้ง 4 ภาค

ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดงานมหาสงกรานต์ ปี 52 ของ กทม. นั้น ได้มีการเตรียมกิจกรรมที่น่าสนใจไว้มากมายเริ่มตั้งแต่ วันที่ 12 เมษายน แห่ขบวนพระพุทธสิหิงค์ (15.00 น.)พระพุทธรูปที่ปวงชนชาวไทยเคารพบูชา มาให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำมาทุกปี และในช่วงเย็นจะมีการจัดพิธีเปิดเทศกาลสงกรานต์ในพิธี สัมพัจฉรฉินท์(18.30 น.) ซึ่งเป็นพระราชพิธีโบราณที่ผสมผสานระหว่างศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ จัดขึ้นเพื่อจะให้เป็นสวัสดิมงคลแก่พระนคร และพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ตลอดจนราษฎรทั่วไป

สำหรับพิธีสัมพัจฉรฉินท์ ตามตำนานระบุว่า เมื่อเดือน 4 ถึงการพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์โลกสมมุติเรียกว่า ตรุษฝ่ายพุทธศาสตร์ เริ่มการจัดงานโดย พนักงานก็ตั้งบาตรนํ้า บาตรทราย จับด้ายมงคลสูตรใส่ลุ้งไว้ในโรงราชพิธีทั้ง 4 ทิศ พระนครและในพระราชนิเวศน์ จากนั้นอัญเชิญ พระพุทธปฏิมากรมาประดิษฐาน อาราธนาพระมหาเถรานุเถร ผลัดเปลี่ยนกันมาจำเริญพระปริตร ในโรงราชพิธีทุกตำบล สิ้นทิวาราตรีสามวาร

เมื่อพระมหาเถรเจ้าจำเริญ พระอาฏานาฏิยสูตรในราตรี หมู่ทหารยิงปืนใหญ่รอบพระนคร ฝ่ายพราหมณาจารย์ ประชุมกันผูกพรตกระทำการพระราชพิธี ในพระเทวสถานหลวง ตั้งเครื่องพลีกรรมสังเวย บวงสรวงพระเทวรูปทั้งมวล มีพระปรเมศวร เป็นต้น.แล้วเปลี่ยนเวร กันอ่านอาคม ในทิวาราตรีทั้งสาม ครั้นถึงวันขึ้น 14 คํ่า เพลาบ่าย ชายแสง พระครูพรหมพรตพิธีกับชีพ่อพราหมณ์ทั้งหลาย ก็เชิญจตุโลกปาลเทวรูป ขึ้นเสลี่ยงงา แห่เข้ามายังโรงพิธีในพระราชนิเวศน์ กระทำปทักษิณสิ้นวาระ สามรอบแล้ว พราหมณาจารย์ทั้งหลายก็สมาทานบัญจางคลิกศีล ในสำนักสมเด็จพระสังฆราช เสร็จแล้วก็แห่พระเทวรูปทั้ง 4 ออกไปประดิษฐานไว้บนเกย อันกระทำไว้หน้าโรงราชพิธีทั้ง 4 ทิศ พระนคร

ครั้นเพลาพลบคํ่า พระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จพร้อมด้วยพระราชเทพี แลพระบรมวงศา ทรงสถิตในมาฬกดาดเพดานผ้าขาวเป็นพระที่นั่ง แล้วก็ทรงสมาทานบัญจางคิกศีล พร้อมด้วย หมู่ข้าเฝ้าฝ่ายหน้าฝ่ายใน ต่างสดับฟังพระมหาเถรเจ้าจำเริญพระรัตนสูตรและพระอาฏานาฏิยสูตร โดยสัจเคารพ ชาวพนักงานฝ่ายทหารก็ยิงปืนน้อยใหญ่รอบราชธานี สำหรับขับภูตปีศาจ จนสิ้นราษราตรี นับได้ 108 คราวปืน

ครั้นรุ่งขึ้นเป็นวันสิ้นปี ก็ทรงปรนนิบัติพระมหาเถรเจ้าด้วยของคาวหวาน อันประณีต แล้วตั้งขบวนเป็นปัญจพยุหะ หมู่ทหารแต่งกายใส่เสื้อหมวกสีต่างๆ ถือธงฉาน ธงชาย สรรพศัสตราวุธครบมือ ประดับด้วยเครื่องพระอภิรมแลกลองอินทเภรีแตรสังข์ มโหระทึก กังสดาลฉาบแฉ่ง จึงเชิญพระพุทธปฏิมา ขึ้นทรงพระราชยานมีฉัตรกั้นบังสูรย์ อาราธนาพระมหาเถรเจ้าทั้งหลาย ขึ้นสถิตยานราชรถ และรถประเทียบเรียบเรียงกระบวนแห่งนั้นเป็น 5 กระบวน ประนํ้าพระพุทธมนต์ แลโรยทรายรอบพระราชนิเวศน์นั้นกระบวนหนึ่ง รอบพระนคร ตามท้องสถลมารคนั้น 4 กระบวน ดูเป็นสง่ายิ่งนัก เหล่านักเลงก็เล่นมหรสพ เอิกเกริกสมโภชบ้านเมือง เป็นการนักขัตฤกษ์ บรรดานิกรประชาราษฎร ชายหญิงก็แต่งตัวนุ่งห่มกายอ่าโถง พากันมาเที่ยวดูแห่ดูงาน นมัสการพระในวันสิ้นปีและขึ้นปีใหม่เป็นอันมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น