โดย : แมวลาย
นอกจากคนไทยจะคุ้นเคยกับชื่อ "กวางตุ้ง" ว่าเป็นผักยอดนิยมในท้องตลาดแล้ว กวางตุ้งก็ยังเป็นชื่อของมณฑลหนึ่งทางตอนใต้สุดของประเทศจีนซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยผู้นิยมการช้อปปิ้งน่ารู้จักกันดี เพราะเมืองเซินเจิ้นอันเป็นแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อนั้นก็มีทำเลที่ตั้งอยู่ในมณฑลแห่งนี้นี่เอง
ผักกวางตุ้งในมณฑลกวางตุ้งจะอร่อยกว่าผักกวางตุ้งในประเทศไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้... ฉันคิดไปเล่นๆเรื่อยเปื่อยขณะอยู่บนเครื่องบินของสายการบินไทยแอร์เอเชียที่กำลังเชิดหัวขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิมุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติไบยุน เมืองกวางเจา(กวางโจว)ในมณฑลกวางตุ้ง ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงเราก็มาถึงเมืองกวางเจากันอย่างปลอดภัย
สำหรับเมืองกวางเจานั้นก็ถือเป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง แต่การมาเยือนกวางตุ้งของเราในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งหน้ามาที่เมืองกวางเจาเพียงแห่งเดียว แต่เรายังได้ท่องเที่ยวไปในอีกหลายๆเมืองที่น่าสนใจในมณฑลกวางตุ้ง โดยการสนับสนุนจากสำนักงานการท่องเที่ยวมณฑลกวางตุ้งด้วย แต่จะเป็นเมืองอะไรบ้างนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป
สำหรับเมืองแรกในมณฑลกวางตุ้งที่เราจะได้มาเยี่ยมชมกันนี้ก็คือเมือง "ไคผิง" (Kaiping) เมืองที่ไม่ควรพลาดชมอย่างยิ่ง เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของสถานที่ซึ่งได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกแห่งแรกของมณฑลกวางตุ้ง นั่นก็คือ "หอสังเกตการณ์เมืองไคผิง" (Kaiping Diaolou and Villages) สิ่งก่อสร้างในช่วงปี ค.ศ.1821-1920 โดย Diaolou หรือ เตียวโหลวนั้น ก็หมายถึงสิ่งก่อสร้างรูปแบบหนึ่งที่ใช้เป็นทั้งบ้านที่อยู่อาศัย และยังใช้เป็นหอสังเกตการณ์ได้ด้วย
ลักษณะของเตียวโหลว หรือที่ฉันขอเรียกว่าหอสังเกตการณ์นี้ก็จะมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบจีนและแบบตะวันตก โดยมีหน้าตาคล้ายตึกแบบฝรั่งทรงสูงทึบมี 5-6 ชั้น สร้างด้วยคอนกรีต มีหน้าต่างโดยรอบแต่อยู่สูงจากพื้นดินมากกว่าปกติ พอจะมองเห็นความเป็นจีนได้จากลวดลายปูนปั้นที่ประดับอยู่ตามเสาหรือบนระเบียง ส่วนด้านบนจะเปิดโล่งเหมือนดาดฟ้าเพื่อไว้ใช้สังเกตการณ์และระแวดระวังความปลอดภัยในละแวกหมู่บ้านอีกด้วย
หอสังเกตการณ์เหล่านี้สร้างขึ้นโดยชาวจีนโพ้นทะเล หรือชาวจีนที่ไปอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ โดยในมณฑลกวางตุ้งนี้ถือเป็นมณฑลที่ประชากรชาวจีนส่วนมากได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานหรือทำงานในต่างประเทศเนื่องจากปัญหาความอดอยากยากจนในประเทศของตนเอง โดยมีการอพยพไปอยู่ในประเทศอเมริกา แคนาดา หรือออสเตรเลียบ้าง เมื่อไปทำงานที่ต่างประเทศจนเก็บเงินตั้งตัวได้แล้วก็กลับมาสร้างบ้านช่องให้ลูกหลานได้อาศัยอยู่ต่อไป ดังนั้นสถาปัตยกรรมของบ้านจึงมีการผสมผสานกันอย่างที่เห็น และเหตุที่ต้องสร้างให้ดูแข็งแรงแถมต้องมีหอสังเกตการณ์เช่นนี้ก็เพื่อป้องกันความปลอดภัยจากขโมยขโจร เพราะในตอนนั้นเป็นช่วงที่ยังมีความวุ่นวายในประเทศอยู่
หอสังเกตการณ์เหล่านี้เคยมีอยู่ในเมืองไคผิงกว่า 3,000 หลัง แต่ตอนนี้มีหลงเหลืออยู่อักเพียง 1,700 หลังเท่านั้น และก็ได้รับการประกาศจากคณะกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2007 ให้หอสังเกตการณ์เมืองไคผิงนี้เป็นมรดกโลกเนื่องจากเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พบเห็นได้เฉพาะในเมืองไคผิง มณฑลกวางตุ้งเท่านั้น
ในเมืองไคผิงนี้ก็มีอยู่หลายหมู่บ้านด้วยกันที่มีที่อยู่อาศัยลักษณะนี้อยู่รวมกัน แต่หมู่บ้านที่ฉันได้ไปชมนั้นก็คือ หมู่บ้านซี่ลี่ (Zili Village) ที่มีอาคารที่เรียกว่าเตียวโหลวนี้อยู่รวมกันกว่าสิบตึก บรรยากาศภายในหมู่บ้านนี้ก็น่าอยู่ไม่น้อย บ้านแต่ละหลังมีทางเดินเชื่อมถึงกันหมด และมีบึงเล็กๆที่ช่วยเพิ่มทัศนีภาพภายในหมู่บ้านให้งดงาม
เราได้เข้าไปในบ้าน Mingshi Lou ที่ภายในตัวตึกที่แบ่งเป็น 5 ชั้น มีห้องครัว ห้องน้ำ ห้องรับแขกที่ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์แบบจีน และประดับฝาผนังด้วยรูปถ่ายของบรรพบุรุษและเจ้าของบ้าน มีห้องนอนของคนในบ้าน ห้องบูชาป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษ ส่วนชั้นบนสุดก็เป็นเหมือนชั้นดาดฟ้าที่เอาไว้ชมทิวทัศน์ก็ได้ เอาไว้สังเกตการณ์โจรผู้ร้ายก็ได้ด้วย
ไม่ห่างจากหมู่บ้านซี่ลี่นัก ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยฝีมือของชาวจีนโพ้นทะเลเช่นกัน นั่นก็คือ "ลี การ์เด้น" (Li Garden) คฤหาสน์และสวนสวยที่สร้างขึ้นโดยชาวจีนที่ไปทำงานอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีชื่อว่านาย Xie Wei Li โดยสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1936
จากที่จอดรถเราต้องออกกำลังขาเดินเข้ามายังตัวสวน จะต้องผ่านระเบียงทางเดินริมน้ำเป็นระยะทางยาว แต่ทุกคนก็เพลิดเพลินไปกับระเบียงนี้ เพราะจะได้ชมภาพปูนปั้นแกะสลักบนคานเหนือระเบียงเป็นรูปต่างๆ ทั้งรูปสิงสาราสัตว์ รวมไปถึงภาพวาดเกี่ยวกับประวัติการสร้างบ้านอีกด้วย
ในไม่ช้าเราก็เดินมาจนถึงตัวบ้านจนได้ จุดเด่นในบริเวณนี้ก็คือรูปปั้นของชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งไขว้ห้างเหม่อมองสิ่งต่างๆอยู่อย่างสบายอารมณ์ เขาคนนี้ก็คือท่านเจ้าของบ้าน นาย Xie Wei Li นั่นเอง ภายในลี การ์เด้นนี้แบ่งออกเป็นสามส่วนด้วยกัน คือส่วนของบ้านพัก สวนหลักขนาดใหญ่ และสวนเล็กๆ แต่เราจะเข้าไปชมภายในบ้านกันก่อน ลักษณะของตัวบ้านนั้นมีรูปทรงคล้ายกับตึกแบบตะวันตก แต่บนหลังคาจะเป็นหลังคาบ้านแบบจีนโบราณทำจากกระเบื้องสีเขียว เมื่อศิลปะสองสไตล์มาผสมกันแล้วก็ดูงดงามไม่ขัดตา ส่วนภายในบ้านก็มีการจัดแบ่งเป็นห้องๆ ยังคงมีเฟอร์นิเจอร์จัดตกแต่งเหมือนเมื่อตอนที่ยังมีคนอาศัยอยู่ในบ้าน
จากตัวบ้านคราวนี้ลงมาชมสวนกันบ้าง ภายในสวนนี้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ แลดูชุ่มฉ่ำด้วยสายน้ำจากคลองที่ขุดขึ้นภายในสวน หากมองข้ามคลองนี้ไปอีกฟากหนึ่งก็จะเห็นเนินเขาลูกเล็กๆ ชื่อว่า Tiger Hill บนเนินเขานั้นมีการปลูกไม้พุ่มเล็กๆตัดแต่งเป็นรูปนกยูง สื่อถึงความสงบสุขของเมืองไคผิง ส่วนฝั่งตรงข้ามที่เป็นพื้นที่สวนนั้นก็มีซุ้มประตูใหญ่งามสง่าตั้งอยู่
ภายในสวนนี้ยังมีเสาโลหะต้นใหญ่สองต้นตั้งอยู่ด้านหลังซุ้มประตู เสาสองต้นนี้ถือว่าเป็นไม้ตีเสือ ก็มาจากความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยของชาวจีน ที่เชื่อว่าเนินเขา Tiger Hill นั้นทำให้เกิดเรื่องร้ายๆและความเจ็บป่วยทั้งหลาย เจ้าของบ้านจึงสั่งให้สร้างสิงโตหินขึ้นประจันหน้ากับเนินเขาเสือ แต่เหมือนสิงโตหินจะตัวเล็กไปหน่อย เรื่องร้ายๆภายในบ้านจึงยังคงมีอยู่ จนมีผู้แนะนำให้สร้างเสาโลหะขนาดใหญ่ขึ้นเสมือนเป็นไม้ที่ใช้ตีเสือ เรื่องร้ายในบ้านจึงค่อยเบาบางลง
ภายในสวนนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่า "รังนก" เป็นเหมือนศาลานั่งเล่นตากอากาศในสวนสไตล์โรมัน มีหน้าตาคล้ายรังนกตามชื่อเรียก รอบๆศาลานี้จะปลูกไม้เลื้อยให้เกาะเกี่ยวปกคลุมไปรอบๆศาลา ทำให้ดูร่มรื่นน่านั่งไม่น้อยเลยทีเดียว
เที่ยวได้เพียงสองแห่งก็หมดวันเสียแล้ว ในตอนหน้าเราจะเดินทางไปยังเมือง "ฝอซาน" เพื่อไปพบกับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลากหลายของมณฑลกวางตุ้งกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"มณฑลกวางตุ้ง" หรือ กว่างตง แบ่งการปกครองออกเป็น 21 เมืองใหญ่ 30 เมืองระดับอำเภอ 42 อำเภอและ 3 เขตปกครองตนเอง ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศ ทางใต้ติดกับทะเลจีนใต้ ใกล้กับเกาะฮ่องกงและมาเก๊า และยังเป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ส่วนเมืองไคผิงนั้นถือเป็นอำเภอหนึ่งในเมืองเจียงเหมิน มณฑลกวางตุ้งนั่นเอง
สายการบินไทยแอร์เอเชียมีเที่ยวบินตรงสู่เมืองกวางเจา เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2515-9999
นอกจากคนไทยจะคุ้นเคยกับชื่อ "กวางตุ้ง" ว่าเป็นผักยอดนิยมในท้องตลาดแล้ว กวางตุ้งก็ยังเป็นชื่อของมณฑลหนึ่งทางตอนใต้สุดของประเทศจีนซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยผู้นิยมการช้อปปิ้งน่ารู้จักกันดี เพราะเมืองเซินเจิ้นอันเป็นแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อนั้นก็มีทำเลที่ตั้งอยู่ในมณฑลแห่งนี้นี่เอง
ผักกวางตุ้งในมณฑลกวางตุ้งจะอร่อยกว่าผักกวางตุ้งในประเทศไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้... ฉันคิดไปเล่นๆเรื่อยเปื่อยขณะอยู่บนเครื่องบินของสายการบินไทยแอร์เอเชียที่กำลังเชิดหัวขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิมุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติไบยุน เมืองกวางเจา(กวางโจว)ในมณฑลกวางตุ้ง ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงเราก็มาถึงเมืองกวางเจากันอย่างปลอดภัย
สำหรับเมืองกวางเจานั้นก็ถือเป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง แต่การมาเยือนกวางตุ้งของเราในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งหน้ามาที่เมืองกวางเจาเพียงแห่งเดียว แต่เรายังได้ท่องเที่ยวไปในอีกหลายๆเมืองที่น่าสนใจในมณฑลกวางตุ้ง โดยการสนับสนุนจากสำนักงานการท่องเที่ยวมณฑลกวางตุ้งด้วย แต่จะเป็นเมืองอะไรบ้างนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป
สำหรับเมืองแรกในมณฑลกวางตุ้งที่เราจะได้มาเยี่ยมชมกันนี้ก็คือเมือง "ไคผิง" (Kaiping) เมืองที่ไม่ควรพลาดชมอย่างยิ่ง เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของสถานที่ซึ่งได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกแห่งแรกของมณฑลกวางตุ้ง นั่นก็คือ "หอสังเกตการณ์เมืองไคผิง" (Kaiping Diaolou and Villages) สิ่งก่อสร้างในช่วงปี ค.ศ.1821-1920 โดย Diaolou หรือ เตียวโหลวนั้น ก็หมายถึงสิ่งก่อสร้างรูปแบบหนึ่งที่ใช้เป็นทั้งบ้านที่อยู่อาศัย และยังใช้เป็นหอสังเกตการณ์ได้ด้วย
ลักษณะของเตียวโหลว หรือที่ฉันขอเรียกว่าหอสังเกตการณ์นี้ก็จะมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบจีนและแบบตะวันตก โดยมีหน้าตาคล้ายตึกแบบฝรั่งทรงสูงทึบมี 5-6 ชั้น สร้างด้วยคอนกรีต มีหน้าต่างโดยรอบแต่อยู่สูงจากพื้นดินมากกว่าปกติ พอจะมองเห็นความเป็นจีนได้จากลวดลายปูนปั้นที่ประดับอยู่ตามเสาหรือบนระเบียง ส่วนด้านบนจะเปิดโล่งเหมือนดาดฟ้าเพื่อไว้ใช้สังเกตการณ์และระแวดระวังความปลอดภัยในละแวกหมู่บ้านอีกด้วย
หอสังเกตการณ์เหล่านี้สร้างขึ้นโดยชาวจีนโพ้นทะเล หรือชาวจีนที่ไปอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ โดยในมณฑลกวางตุ้งนี้ถือเป็นมณฑลที่ประชากรชาวจีนส่วนมากได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานหรือทำงานในต่างประเทศเนื่องจากปัญหาความอดอยากยากจนในประเทศของตนเอง โดยมีการอพยพไปอยู่ในประเทศอเมริกา แคนาดา หรือออสเตรเลียบ้าง เมื่อไปทำงานที่ต่างประเทศจนเก็บเงินตั้งตัวได้แล้วก็กลับมาสร้างบ้านช่องให้ลูกหลานได้อาศัยอยู่ต่อไป ดังนั้นสถาปัตยกรรมของบ้านจึงมีการผสมผสานกันอย่างที่เห็น และเหตุที่ต้องสร้างให้ดูแข็งแรงแถมต้องมีหอสังเกตการณ์เช่นนี้ก็เพื่อป้องกันความปลอดภัยจากขโมยขโจร เพราะในตอนนั้นเป็นช่วงที่ยังมีความวุ่นวายในประเทศอยู่
หอสังเกตการณ์เหล่านี้เคยมีอยู่ในเมืองไคผิงกว่า 3,000 หลัง แต่ตอนนี้มีหลงเหลืออยู่อักเพียง 1,700 หลังเท่านั้น และก็ได้รับการประกาศจากคณะกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2007 ให้หอสังเกตการณ์เมืองไคผิงนี้เป็นมรดกโลกเนื่องจากเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พบเห็นได้เฉพาะในเมืองไคผิง มณฑลกวางตุ้งเท่านั้น
ในเมืองไคผิงนี้ก็มีอยู่หลายหมู่บ้านด้วยกันที่มีที่อยู่อาศัยลักษณะนี้อยู่รวมกัน แต่หมู่บ้านที่ฉันได้ไปชมนั้นก็คือ หมู่บ้านซี่ลี่ (Zili Village) ที่มีอาคารที่เรียกว่าเตียวโหลวนี้อยู่รวมกันกว่าสิบตึก บรรยากาศภายในหมู่บ้านนี้ก็น่าอยู่ไม่น้อย บ้านแต่ละหลังมีทางเดินเชื่อมถึงกันหมด และมีบึงเล็กๆที่ช่วยเพิ่มทัศนีภาพภายในหมู่บ้านให้งดงาม
เราได้เข้าไปในบ้าน Mingshi Lou ที่ภายในตัวตึกที่แบ่งเป็น 5 ชั้น มีห้องครัว ห้องน้ำ ห้องรับแขกที่ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์แบบจีน และประดับฝาผนังด้วยรูปถ่ายของบรรพบุรุษและเจ้าของบ้าน มีห้องนอนของคนในบ้าน ห้องบูชาป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษ ส่วนชั้นบนสุดก็เป็นเหมือนชั้นดาดฟ้าที่เอาไว้ชมทิวทัศน์ก็ได้ เอาไว้สังเกตการณ์โจรผู้ร้ายก็ได้ด้วย
ไม่ห่างจากหมู่บ้านซี่ลี่นัก ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยฝีมือของชาวจีนโพ้นทะเลเช่นกัน นั่นก็คือ "ลี การ์เด้น" (Li Garden) คฤหาสน์และสวนสวยที่สร้างขึ้นโดยชาวจีนที่ไปทำงานอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีชื่อว่านาย Xie Wei Li โดยสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1936
จากที่จอดรถเราต้องออกกำลังขาเดินเข้ามายังตัวสวน จะต้องผ่านระเบียงทางเดินริมน้ำเป็นระยะทางยาว แต่ทุกคนก็เพลิดเพลินไปกับระเบียงนี้ เพราะจะได้ชมภาพปูนปั้นแกะสลักบนคานเหนือระเบียงเป็นรูปต่างๆ ทั้งรูปสิงสาราสัตว์ รวมไปถึงภาพวาดเกี่ยวกับประวัติการสร้างบ้านอีกด้วย
ในไม่ช้าเราก็เดินมาจนถึงตัวบ้านจนได้ จุดเด่นในบริเวณนี้ก็คือรูปปั้นของชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งไขว้ห้างเหม่อมองสิ่งต่างๆอยู่อย่างสบายอารมณ์ เขาคนนี้ก็คือท่านเจ้าของบ้าน นาย Xie Wei Li นั่นเอง ภายในลี การ์เด้นนี้แบ่งออกเป็นสามส่วนด้วยกัน คือส่วนของบ้านพัก สวนหลักขนาดใหญ่ และสวนเล็กๆ แต่เราจะเข้าไปชมภายในบ้านกันก่อน ลักษณะของตัวบ้านนั้นมีรูปทรงคล้ายกับตึกแบบตะวันตก แต่บนหลังคาจะเป็นหลังคาบ้านแบบจีนโบราณทำจากกระเบื้องสีเขียว เมื่อศิลปะสองสไตล์มาผสมกันแล้วก็ดูงดงามไม่ขัดตา ส่วนภายในบ้านก็มีการจัดแบ่งเป็นห้องๆ ยังคงมีเฟอร์นิเจอร์จัดตกแต่งเหมือนเมื่อตอนที่ยังมีคนอาศัยอยู่ในบ้าน
จากตัวบ้านคราวนี้ลงมาชมสวนกันบ้าง ภายในสวนนี้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ แลดูชุ่มฉ่ำด้วยสายน้ำจากคลองที่ขุดขึ้นภายในสวน หากมองข้ามคลองนี้ไปอีกฟากหนึ่งก็จะเห็นเนินเขาลูกเล็กๆ ชื่อว่า Tiger Hill บนเนินเขานั้นมีการปลูกไม้พุ่มเล็กๆตัดแต่งเป็นรูปนกยูง สื่อถึงความสงบสุขของเมืองไคผิง ส่วนฝั่งตรงข้ามที่เป็นพื้นที่สวนนั้นก็มีซุ้มประตูใหญ่งามสง่าตั้งอยู่
ภายในสวนนี้ยังมีเสาโลหะต้นใหญ่สองต้นตั้งอยู่ด้านหลังซุ้มประตู เสาสองต้นนี้ถือว่าเป็นไม้ตีเสือ ก็มาจากความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยของชาวจีน ที่เชื่อว่าเนินเขา Tiger Hill นั้นทำให้เกิดเรื่องร้ายๆและความเจ็บป่วยทั้งหลาย เจ้าของบ้านจึงสั่งให้สร้างสิงโตหินขึ้นประจันหน้ากับเนินเขาเสือ แต่เหมือนสิงโตหินจะตัวเล็กไปหน่อย เรื่องร้ายๆภายในบ้านจึงยังคงมีอยู่ จนมีผู้แนะนำให้สร้างเสาโลหะขนาดใหญ่ขึ้นเสมือนเป็นไม้ที่ใช้ตีเสือ เรื่องร้ายในบ้านจึงค่อยเบาบางลง
ภายในสวนนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่า "รังนก" เป็นเหมือนศาลานั่งเล่นตากอากาศในสวนสไตล์โรมัน มีหน้าตาคล้ายรังนกตามชื่อเรียก รอบๆศาลานี้จะปลูกไม้เลื้อยให้เกาะเกี่ยวปกคลุมไปรอบๆศาลา ทำให้ดูร่มรื่นน่านั่งไม่น้อยเลยทีเดียว
เที่ยวได้เพียงสองแห่งก็หมดวันเสียแล้ว ในตอนหน้าเราจะเดินทางไปยังเมือง "ฝอซาน" เพื่อไปพบกับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลากหลายของมณฑลกวางตุ้งกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"มณฑลกวางตุ้ง" หรือ กว่างตง แบ่งการปกครองออกเป็น 21 เมืองใหญ่ 30 เมืองระดับอำเภอ 42 อำเภอและ 3 เขตปกครองตนเอง ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศ ทางใต้ติดกับทะเลจีนใต้ ใกล้กับเกาะฮ่องกงและมาเก๊า และยังเป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ส่วนเมืองไคผิงนั้นถือเป็นอำเภอหนึ่งในเมืองเจียงเหมิน มณฑลกวางตุ้งนั่นเอง
สายการบินไทยแอร์เอเชียมีเที่ยวบินตรงสู่เมืองกวางเจา เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2515-9999