ในปีฉลูที่เศรษฐกิจโลกทรุด เศรษฐกิจไทยซบ การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศถือเป็นช่องทางการกระตุ้นเศรษฐกิจและการช่วยกระจายรายได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชนที่เม็ดเงินส่วนใหญ่ตกถึงชาวบ้านโดยตรง
และนั่นจึงทำให้ทริปนี้"ตะลอนเที่ยว"เปลี่ยนบรรยากาศจากการขึ้นเขา ขึ้นดอย เที่ยวป่า เที่ยวไพร ที่ มาท่องเที่ยวชุมชนในจังหวัดปริมณฑลติดกรุงอย่างนครปฐม ที่"คลองมหาสวัสดิ์" สถานที่ท่องเที่ยวชุมชนที่มีรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ปี 2550 (Thailand Tourism Awards 2007)การันตีในคุณภาพ
คลองมหาสวัสดิ์ เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เป็นคลองประวัติศาสตร์ที่ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อย่นระการเดินทางไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ คลองมหาสวัสดิ์เปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงชุมชนมาเป็นเวลาร้อยกว่าปี โดยวิถีชีวิตของคนในชุมชนมีความเรียบง่าย ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ทำสวนผลไม้
ชาวบ้านในชุมชนคลองมหาสวัสดิ์ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน มีบ้านเรือนอยู่ริมน้ำหรืออยู่ตามเรือกสวนไร่นา ซึ่งแม้วันนี้จะมีถนนตัดผ่านในชุมชน แต่ชาวบ้านก็ยังไม่ทิ้งการเดินทางโดยทางเรือ ซึ่งในทริปนี้เราก็เลือกใช้การเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก โดยคณะของ"ตะลอนเที่ยว" เริ่มต้นกันที่กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงเกษตร บริเวณวัดสุวรรณาราม ที่เป็นท่าเทียบเรือมาตรฐาน เรือที่นี่ 1 ลำ สามารถนั่งได้ 6 คนมีบริการเสื้อชูชีพและมีหน่วยกู้ภัยคอยดูแลให้คำแนะนำ เพื่อความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
ก่อนออกล่องเรือ เราถือโอกาสทำบุญด้วยการซื้ออาหารมาเลี้ยงปลาตัวโตที่แหวกว่ายอย่างชุกชุมในแม่น้ำบริเวณท่าเรือ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นเขตอภัยทานของวัด
จากนั้นเรือก็ค่อยๆแล่นออกจากท่า ผ่านบ้านเรือนของคนในชุมชนคลองมหาสวัสดิ์สองข้างทางเราจะเพลิดเพลินไปกับการมองบ้านริมน้ำบ้างเป็นบ้านไม้เก่า บ้างเป็นบ้านปูนสมัยใหม่ บนฝั่งบางช่วงมีเด็กๆวิ่งเล่นสนุกสนานเนื้อตัวมอมแมม นับเป็นสีสันริมคลองที่น่ายลไม่น้อย
สำหรับจุดแรกที่"ลุงอู๋"คนขับเรือพาแวะก็คือ "นาบัว"และจุดสาธิตการทำนาบัวประจำตำบล ที่ได้รับการสนับสนุนจาก องค์การบริหารตำบลมหาสวัสดิ์
เมื่อเราไปถึงก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ลุงอู๋พาเราไปที่ศาลากลางบ่อปลูกบัว ตามทางเดินที่เป็นคันดินที่ถมสูงมีความกว้างพอที่จะสามารถเดินสวนทางกันได้ ข้างทางมีต้นผลไม้ เช่นมะม่วง ขนุน ทำให้ทางเดินมีความร่มรื่น
ลุงอู๋ได้เล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านที่นี่จะเก็บบัวกันในช่วงเช้าเพราะแดดไม่ร้อน ที่หากใครมาในช่วงนั้นจะได้เห็นถึงวิธีการต่างๆเกี่ยวกับการทำบัวของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การเก็บบัว คัดบัว หรือลงบัว ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาที่มา
"บัวส่วนใหญ่ที่ชาวบ้านปลูกเป็นพันธุ์ฉัตรบุศย์หรือฉัตรขาวที่ใช้เฉพาะไหว้พระ ไม่มีเมล็ดบัวให้กินเหมือนบัวหลวง บัวที่เก็บแล้วต้องพรมน้ำตลอดเพื่อไม่ให้กลีบบัวเป็นสีดำ"ลุงอู๋อธิบาย
ที่นี่เรารู้สึกว่าน่านอนไม่น้อย เพราะบรรยากาศค่อนข้างเป็นใจ เพราะบนศาลามีลมเย็นสบายพัดผ่านตลอด สำหรับนาบัวแห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถลงไปพายเรือชมบรรยากาศได้ แต่ห้ามเด็ดดอกบัวเล่นเด็ดขาด เพราะถือเป็นการทำลายสินทรัพย์ของชาวบ้านที่อุตส่าห์เฝ้าเพียรทะนุถนอมปลูกมา โดยช่วงเวลาที่น่าพายเรือก็คือช่วงเช้า เพราะอากาศดี แดดไม่ร้อน แถมบรรยากาศยามเช้าก็ดูโรแมนติกไม่เบา
หลังเราและชาวคณะพายเรือล่องชมนาบัวแล้ว ลุงอู๋พาเที่ยวต่อไปยังจุด 2 ที่"กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์" เมื่อมาถึงที่นี่ กลุ่มแม่บ้านต่างมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น พร้อมกับหาน้ำเย็นให้ดื่ม
สำหรับกลุ่มแม่บ้านฯมหาสวัสดิ์ เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าโอท็อปชุมชน มีโรงอบกล้วยที่สะอาดปราศจากแมลงวัน มีขนมของดี ของดังของจังหวัดนครปฐม เช่นข้าวตังที่ทำจากข้าวกล้อง ข่าเค็มเสริมไอโอดีน กล้วยอบน้ำผึ้ง มะม่วงปรุงรสและอื่นๆอีกมากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อติดไม้ติดมือกันเป็นของฝาก พร้อมมีตัวอย่างให้ชิมเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อเลือกหา นอกจากนี้ยังมีข้าวตังที่ยังไม่ได้ทอดให้นักท่องเที่ยวได้มาลองทอดรับประทานเองตามใจชอบโดยมีกลุ่มแม่บ้านคอยให้คำแนะนำ
เราใช้เวลาในการเดินเลือกซื้อเลือกชมผลิตภัณฑ์และได้รับความรู้จากกลุ่มแม่บ้านและลุงอู๋จนพอใจ คงเริ่มหิวกันแล้ว เดินกลับมาทางท่าเรือ มีร้านอาหารตามสั่งขอบอกว่ารสชาติใช้ได้เลยทีเดียวโดยเฉพาะหอยทอด หรือจะรับประทานอาหารอีสานเช่นส้มตำ น้ำตก ลาบ ไก่ย่างเฮลส์บลูบอย(ชาวบ้านเรียกกันเองเพราะว่ามีสีแดงอมชมพู) ไม่ต้องกังวลเรื่องท้องไส้ เพราะมีห้องน้ำสะอาดไว้ให้ใช้บริการ
หลังจากรับประทานอาหารกันอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกเราชาวคณะเดินกลับมาลงเรือที่เดิม ระหว่างนั่งเรือ สามารถสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื่นและความอุดมสมบูรณ์ของคลองมหาสวัสดิ์ ถึงแม้แดดจะแรง แต่อากาศกลับเย็นสบายมีลมพัดตลอด
ลุงอู๋บอกพวกเราว่าจะพาไปชมจุดต่อไปที่ "สวนกล้วยไม้" ที่มีการตกแต่งพันธุ์กล้วยไม้โดยเกษตรกรในชุมชน โดยจุดนี้ต้องขึ้นจากเรือแล้วเดินไปบนถนนดินแดงอีกประมาณ 200 เมตรก็จะถึง
สวนกล้วยไม้ ที่นี่มีพื้นที่กว่า 12 ไร่ กล้วยไม้ในนี้แม้ดูเหมือนสวนกล้วยไม้ธรรมดาๆทั่วไป แต่ว่าความจริงแล้วเป็นกล้วยไม้ที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เพราะกล้วยไม้ทั้งหมดของที่นี่ล้วนต่างมีการตัดต่อพันธุ์ใหม่ เกิดเป็นพันธุ์ "ทัศนีย์" ที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เป็นกล้วยไม้ที่ผิวกลีบดูคล้ายกำมะหยี่ยามสะท้อนแสงดูสวยงาม
นอกจากนี้หากใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับกล้วยไม้ก็สามารถขอคำแนะนำจากเจ้าของสวนได้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องวิธีการเลี้ยงกล้วยไม้ วิธีการดูพันธุ์กล้วยไม้ ส่วนใครที่ต้องการต้นกล้วยไม้กลับไปปลูกที่บ้านก็สามารถซื้อได้ที่สวนนี้เลย รับรองว่าของดี ของแท้ และราคาไม่แพง
จากสวนกล้วยไม้เรามาถึง จุดสุดท้ายของการออกทัวร์คลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งลุงอู๋พานั่งเรือย้อนกลับมาใกล้ๆท่าเทียบเรือวัดสุวรรณาราม เพื่อมาแวะ ชม ชิม ช้อป ผลไม้หลากหลายชนิดจาก"สวนเกษตรผสมผสาน"บนเนื้อที่กว่า 40 ไร่
ที่นี่มีผลไม้หลากหลายชนิดวางขาย อาทิ ส้มโอขาวทองดีและขาวน้ำผึ้งที่ถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดนครปฐม กล้วยปลอดสารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นยังมีผลไม้ที่แปรรูปแล้วมาวางขายเพื่อซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้นเจ้าของสวนยังเตรียมผลไม้ใส่จานจัดเป็นโต๊ะไว้ให้นักท่องเที่ยวรับประทานกันอย่างจุใจ ทั้ง ขนุน มะม่วงแช่อิ่ม มะกอกแช่อิ่ม ส้มโอ
แรกทุกคนดูเหมือนจะเขินๆจน เจ้าของสวนต้องแกล้งขู่ว่าถ้าใครไม่ไปนั่งกินจะตีให้ขาหัก ซึ่งนับว่าเป็นลูกเล่นพื้นบ้านชวนกินของเจ้าของสวน ที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจไปตามๆกัน
ความน่าสนใจในจุดสุดท้ายยังไม่หมดเท่านี้ เพราะที่นี่ยังมีกิจกรรมนั่งรถอีแต๋นชมสวนเป็นการปิดท้าย หลายคนอาจมองว่าแค่นั่งรถอีแต๋น ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกเลย แต่เมื่อได้ลองนั่งชมสวนดูก็จะรู้ว่ามันสนุกไม่หยอก เพราะนอกจากบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ของสวนผลไม้ที่นี่แล้ว เรายังได้พบกับความตื่นเต้นบวกกับลีลาท่าทางของคนขับ ที่ชวนให้ตื่นเต้นกันหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงทางโค้งและช่วงที่ 2 ข้างทางเป็นล่องน้ำ ดูเหมือนว่าทุกคนในรถจะลุ้นระทึกกันไม่น้อย
สำหรับช่วงสุดท้าย ถือเป็นทีเด็ดอีกอย่างหนึ่งของคนขับ คือเขาจะกระโดดลงจากรถแล้วปล่อยให้รถวิ่งไปโดยไร้คนควบคุมแบบให้เราใจหายใจคว่ำเล่น ก่อนจะวิ่งบรื๋อกลับมากระโดดขึ้นรถอีกครั้ง ซึ่งก็สามารถสร้างความฮือฮาจากผู้โดยสารบนอีแต๋นได้เป็นอย่างดี ก่อนที่อีแต๋นคันเก่งจะพากลับมาส่งที่เดิมอย่างสวัสดิภาพ นับเป็นการปิดทริปเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์ ทริปใกล้กรุงที่สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้มาน้อยเลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
การท่องเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อความสะดวกควรติดต่อ"กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชุมชนคลองมหาสวัสดิ์" หมู่ที่ 1 บ้านสุวรรณาราม ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) วิ่งไปจนถึงแยกพุทธมณฑลสาย 4 ให้แยกเข้าไปทางศาลายา ผ่านมหาวิทยาลัยมหิดลเข้าสู่ถนนศาลายา-นครชัยศรี ให้สังเกตป้ายวัดสุวรรณาราม และตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆก็จะถึงยังวัดสุวรรณาราม จุดล่องเรือและที่ตั้งของกลุ่มการท่องเที่ยวฯคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มฯ โทร.0-3429-7152,08-1495-9091
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้เคียงคลองมหาสวัสดิ์ก็มี พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ตลาดน้ำดอนหวาย ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงคลองมหาสวัสดิ์และแหล่งท่องเที่ยวใน จ.นครปฐมได้ที่ ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม (สมุทรสงคราม,สมุทรสาคร,นครปฐม) โทร.0-3475-2847 - 8