ปฏิทินปกแดง ที่คนไทยเชื้อสายจีนมักซื้อหาให้กับญาติพี่น้องในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ในห้วงเวลาของเทศกาลตรุษจีน ... “เยาวราช” ชุมชนชาวจีนที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ดูจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่ต่างมาเลือกซื้อหา ของขวัญ ขนม ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับเทศกาลสำคัญที่กำลังจะมาถึง ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนแทบทุกคนจะต้องซื้อหา ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปฝากญาติพี่น้องก็คือ “ปฏิทินไทย-จีน” ปฏิทินเล่มหนาหน้าปกสีแดง ที่ภายในมีกระดาษที่บันทึกคำทำนายที่เป็นภาษาจีนและรายละเอียดต่างๆ อีกมากมาย
“ปฏิทินไทย-จีน” เป็นสิ่งที่คนไทยไม่ว่าจะเชื้อสายใดต่างต้องเคยเห็นและคุ้นตากันมากว่าครึ่งศตวรรษ แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่าประวัติและกระบวนการทำ “ปฏิทินไทย-จีน” มีความเป็นมาอย่างไร? ข้อความภาษาจีนแต่ละจุดแต่ละส่วนหมายความว่าอย่างไร? ข้อความเหล่านั้นมีประโยชน์อะไรในชีวิตประจำวัน?
ASTVผู้จัดการออนไลน์ ขออาสาพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับ “ปฏิทินไทย-จีน” ให้ละเอียดลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยก็ให้ชาวไทยเชื้อสายจีนรุ่นลูก รุ่นหลัง รุ่นหลานเข้าใจถึงรากเหง้าของวัฒนธรรม ขนบ ประเพณี และ ความเชื่อของบรรพบุรุษให้มากขึ้น
ไขปริศนาบนปฏิทิน
ก่อนอื่นขอเริ่มทำความเข้าใจกับรายละเอียดในแต่ละส่วนที่ปรากฏบนปฏิทินไทย-จีน เสียก่อน โดยจะพิจารณาแต่ละส่วนออกออกตามภาพประกอบของปฏิทินที่ได้แบ่งเป็นช่องๆ พร้อมแทนด้วยหมายเลข เพื่อให้ท่านผู้อ่านสามารถรู้ความหมายในละช่องของปฏิทินได้ชัดเจนขึ้น
ช่องที่ 1 : เดือนและปี พ.ศ. ตามแบบปฏิทินไทย และ ค.ศ.ตามแบบสากล
ช่องที่ 2 :วัน เดือน ปี ข้างขึ้น ข้างแรม ตามจันทรคติของไทย
ช่องที่ 3 :วันที่ตามแบบสากล แต่จะมีรูปภาพปรากฏขึ้นในวันพิเศษ วันสำคัญทางศาสนา วันหยุดราชการ อาทิ วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันตรุษจีน วันวิสาขบูชา วันพืชมงคล วันประสูติพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม และวันคริสต์มาส เป็นต้น
ช่องที่ 4 :เดือนและวันที่เขียนเป็นภาษาจีน นับตามแบบสากล
ช่องที่ 5 :วันที่ตามปฏิทินสากลแต่เขียนเป็นทั้งภาษาไทย จีนและอังกฤษ
ช่องที่ 6 :วัน เวลา ของการครบรอบการเปลี่ยนแปลงวันสารทของคนจีน ซึ่งใน 1 ปี จะมี 24 สารท โดยใน 1 เดือนจะมี 2 สารท คือ สารทเล็กและสารทใหญ่
ช่องที่ 7 :วันที่ตามจันทรคติของจีน
ช่องที่ 8 :ปีและเดือน ตามจันทรคติของประเทศจีน ซึ่งจะดูตามโหราศาสตร์จีนโบราณ โดยใช้สัญลักษณ์ของราศีบนกับราศีล่างทั้ง 24 ราศี แทนการเขียนเดือนลงบนปฏิทิน
ช่องที่ 9 :การดูฮวงจุ้ยและทิศที่เหมาะในการสร้างบ้าน
ช่องที่ 10 :ทิศที่ดีประจำวันและกิจกรรมที่ไม่เหมาะที่จะทำในวันนั้น เช่น วันที่ 26 ม.ค. ไม่ควรไปจับปลาหรือไปล่าสัตว์ ไม่ควรหมักเหล้า เป็นต้น
ช่องที่ 11 :ครึ่งข้างบนจะเป็นการบอกดวงดาวประจำวันนั้นๆ เพื่อนำไปพิจารณาร่วมกับการหาฤกษ์มงคล ส่วนครึ่งข้างล่างจะเป็นการแนะนำว่าวันนี้เหมาะที่จะทำกิจกรรมใดบ้าง
ช่องที่ 12 :ในปฏิทินจะบอกถึงปีนักษัตรที่ชงกันในวันนั้น เช่น ในวันที่ 26 ม.ค. คนที่เกิดในปีมะแม ไม่ควรทำกิจกรรมหรือการค้าใดๆ กับ คนที่เกิดปีฉลู เพราะจะทำให้กิจกรรมที่ทำร่วมกันนั้นมีอุปสรรคและไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ช่องที่ 13 :กำหนดวันที่ดีกับวันที่ไม่ดี เพื่อนำไปหาฤกษ์ในวันที่จะทำพิธีมงคล
ช่องที่ 14 :ลักษณะวัน ที่มีคำทำนายภาษาไทยอธิบายรายละเอียดอยู่ ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ว่าหากวันไหนเป็นวันธงไชย วันกาลกินี และวันอุบาทว์ ในปฏิทินจะมีการเขียนคำทำนายเป็นตัวอักษรเป็นสีแดงทั้งหมด ซึ่งลักษณะวันที่ปรากฏในส่วนนี้จะเปลี่ยนไปทุกวัน ทุกปี และจะวนกลับมาตรงกันอีกครั้งในทุก 180 ปี ซึ่งนับตามจันทรคติของจีน
อย่างไรก็ดีสำหรับการนับวันตามแบบปฏิทินไทย จีนนั้น จะมี 2 เดือน คือเดือนเล็กมี 29 วัน เดือนใหญ่มี 30 วัน ซึ่งทุกต้นเดือนของทั้งเดือนเล็กและเดือนใหญ่จะถือเป็นวันพระจีนหรือที่เรียกว่า “ชิวอิก (初一)”
เมื่อทราบและเข้าใจถึงความหมายของทุกส่วนที่ปรากฏปฏิทินไทย-จีน แล้ว ลำดับต่อไปขอพาทุกท่านไปรู้จักความเป็นมา วิธีทำนายและขั้นตอนการผลิตรวมถึงความเห็นต่างๆ ของผู้ผลิต ผู้รู้ภาษาจีนและผู้ใช้ ที่มีต่อปฏิทินไทย-จีน
ประวัติศาสตร์ 2,000 ปี
"โหรโง้ว งึ้งหมง" ใช้ตำราที่ได้รับสืบทอดมาจากอาจารย์ที่ใช้พยากรณ์ดวงมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง
นายงึ้งหมง แซ่โง้ว หรือ โหราจารย์ โง้ว งึ้งหมง ผู้พยากรณ์คำทำนายลงในปฏิทินไทย-จีน โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง เล่าถึงประวัติความเป็นมาของวิธีการพยากรณ์คำทำนายลงบนปฏิทินไทย-จีนว่า ลุงของตน (นายเฮียง แซ่โง้ว) ได้นำรูปแบบการทำนายบนปฏิทินมาจากเมืองจีน และนำมาดัดแปลงประยุกต์เป็นปฏิทินไทย-จีน ที่ยึดรูปแบบตามปฏิทินจีนเกือบทุกประการ ซึ่งการทำปฏิทินไทย-จีน ที่ขายกันตามท้องตลาดนั้น มีมานานแล้วถึง 60 ปี โดยการพยากรณ์คำทำนายแบบนี้ มีต้นกำเนิดมาจากราชวงศ์ฮั่น เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมีการนำมาเผยแพร่ให้ประชาชนได้รู้จักอย่างจริงจังในราชวงศ์ซ่ง (ประมาณพันปีก่อน) ซึ่งการพยากรณ์คำทำนายลงบนปฏิทินไทย-จีนนั้น ได้ยึดหลักการตามตำราที่ได้รับสืบทอดมาจากราชวงศ์ชิง ซึ่งถือว่าเป็นราชวงศ์สุดท้ายที่มีการปกครองโดยจักรพรรดิในประเทศจีน
ตารางพิเศษที่มีไว้บอกใบ้ตัวเลข ซึ่งจะปรากฎอยู่บนปฏิทินทุกวันที่ 15 และ 31 ของทุกเดือน
โหรโง้ว งึ้งหมง อธิบายต่อว่า ปฏิทินจีนมีข้อแตกต่างกับปฏิทินไทย-จีนอยู่ตรงที่ปฏิทินจีนจะไม่มีช่องที่บอกใบ้ตัวเลขในวันที่ 15 30 และ 31 เหมือนกับปฏิทินไทย จีน ซึ่งการทำนายตัวเลขถือเป็นเอกลักษณ์ของปฏิทินไทย-จีน โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง ที่ทำตามคำเรียกร้องของลูกค้า ส่วนจะแม่นหรือไม่แม่นนั้น ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล
ภาพ "ในหลวง" ที่ปรากฏบนปฏิทินไทย-จีน ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ส่วนกรณีที่มีการวาดรูปและสัญลักษณ์ในวันสำคัญตามประเพณีไทยและจีนลงไปบนปฏิทินไทย-จีน นั้น โหรโง้ว งึ้งหมงให้เหตุผลว่า
“การวาดรูปลงไปในวันสำคัญตามประเพณีไทย ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตนถือว่าคนจีนที่มาอยู่เมืองไทยก็ต้องเคารพรักในหลวงและต้องเคารพนับถือประเพณีไทย เพราะถือว่าได้มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ท่าน ซึ่งในประเทศไทยมีคนจีนที่เข้ามาอาศัยอยู่มาก ดังนั้นการทำปฏิทินไทย-จีน จึงต้องผสมผสานระหว่างขนบประเพณีประเพณีจีนและไทยเอาไว้ด้วยกัน”
พิมพ์ปีละล้านเล่ม-สินค้าส่งออก
"ชาญชัย นำพิทักษ์ชัยกุล" เจ้าของกิจการปฏิทินไทย-จีน โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง
คุณชาญชัย นำพิทักษ์ชัยกุล เจ้าของกิจการปฏิทินไทย-จีน โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง เล่าถึงขั้นตอนในการทำปฏิทินว่า การทำปฏิทินต้องมีการเตรียมงานล่วงหน้าทั้งปี โดยในช่วงเดือนมกราคม ถึง เมษายนจะเป็นการคำนวณและทำนายรายละเอียดต่างๆ ของทั้ง 365 วัน ส่วนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมและมิถุนายนจะเป็นขั้นตอนตรวจคำผิดและทำนายซ้ำอีก 1 รอบ เพื่อความแม่นยำ หลังจากนั้นจะออกแบบรูปเล่มและจัดวางออกประกอบของหน้าปฏิทินก่อนนำไปตีพิมพ์ในเดือนกรกฎาคม และจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคม โดยหลังวันตรุษจีนทางบริษัทจะหยุดขายปฏิทิน ซึ่งกระบวนการทำปฏิทินจะเป็นอย่างนี้ทุกปี
เจ้าของกิจการปฏิทินไทย-จีน โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยงกล่าวต่อว่า ปีหนึ่งๆ ทางบริษัทจะพิมพ์ปฏิทินขนาด เล็ก-กลาง-ใหญ่ออกจำหน่ายรวมประมาณ 1,000,000 เล่ม และมักจะไม่ตีพิมพ์ซ้ำอีก เนื่องจากหลังจากวันตรุษจีนคนจะซื้อปฏิทินน้อยลง และเป็นความตั้งใจของบริษัทอยากให้ขายปฏิทินหมดปีต่อปี เพื่อไม่ให้ปฏิทินเหลือตกค้างอยู่ในตลาด ยกเว้นในกรณีที่ปฏิทินขายหมดก่อนวันตรุษจีน ทางบริษัทจึงจะจัดพิมพ์ใหม่อีกครั้ง โดยแหล่งจำหน่ายแหล่งใหญ่คือที่ตลาดเยาวราช นอกจากนี้ปฏิทินยังถูกส่งไปขายทั่วประเทศและขายในต่างประเทศ อาทิ เขมร ลาว พม่า กัมพูชา สิงคโปร์ ฮ่องกงและมาเลเซีย เนื่องจากในประเทศเพื่อนบ้านมีคนจีนที่อพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปอาศัยอยู่มาก ทำให้ความต้องการของปฏิทินไทย-จีน มีเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ปฏิทิน 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ที่มียอดขายปีละกว่า 1 ล้านเล่ม
เมื่อถามว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ปฏิทินไทย-จีน ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงตรุษจีน เจ้าของกิจการโหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง ให้เหตุผลว่า ทางบริษัทจะพยายามใช้คำง่ายๆ รวบรัดแต่ได้ใจความในการทำนาย เพื่อให้ผู้อ่านแล้วเข้าใจได้เร็ว ซึ่งคิดว่าตรงจุดนี้เป็นสิ่งที่ลูกค้าชอบ และลูกค้ามักโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าคำทำนายบนปฏิทินแม่นและน่าเชื่อถือ ส่วนกรณีที่ปฏิทินขายดีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้นเป็นเพราะความตั้งใจเดิมของพ่อ (นายเฮียง แซ่โง้ว) ผู้บุกเบิกทำกิจการมาตั้งแต่แรก ที่ตั้งใจทำให้ปฏิทินเป็น ส.ค.ส.ในวันปีใหม่จีน อีกทั้งยังถือว่าคำนายเป็นการเตือนให้ทำสิ่งที่เป็นมงคลชีวิตในวันตรุษจีน
ความต่างปฏิทินไทย-จีน
ทั้งนี้ อ.สันติ ตั้งรพีพากร ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา-วัฒนธรรมจีนและอาจารย์พิเศษประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวอธิบายเกี่ยวกับปฏิทินไทย-จีนว่า บนหน้ากระดาษปฏิทินไทย-จีน จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ส่วนข้างบนที่เป็นตัวเลขบอกวัน เดือน ปี ตามแบบปฏิทินสากล หรือที่คนจีนเรียกว่าสุริยะคติ หรือ “หยางลี่ (阳历)” 2.ส่วนของล่างที่เป็นภาษาจีน มักเป็นคำทำนายเพื่อบอกใบ้ให้รู้ว่าแต่ละวันควรทำอะไร และคนที่เกิดปีอะไรไม่ควรทำกิจกรรมกับคนที่เกิดในปีที่ชงกัน
“คำทำนายที่ปรากฏบนปฏิทินก็คงเป็นข้อมูลประกอบในการหาฤกษ์ยามดีที่จะประกอบพิธีมงคลเท่านั้น ซึ่งเนื้อหาก็จะมีการนำไปเปรียบเทียบข้อมูลกับปฏิทิน 100 ปีของประเทศจีน โดยปฏิทินดั้งเดิมของประเทศจีนนั้นจะเกี่ยวข้องกับการดูดวงกำหนดชะตาชีวิต ทำนายฤกษ์ยามในการทำเกษตรกรรม เพาะปลูก หว่านและเก็บเกี่ยวนาข้าว ซึ่งจะต่างกับปฏิทินไทย-จีน ตรงที่มีการใส่ตัวเลขใบ้หวยลงไปด้วย” อ.สันติกล่าว
ปฏิทิน แทน ส.ค.ส.
พ่อค้าแม่ค้าย่านเยาวราช
เมื่อกล่าวถึง “ปฏิทินเล่มแดง” ด้านพ่อค้าแม่ขาย ย่านเยาวราช กล่าวแสดงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ปฏิทินไทย-จีน เล่มแดง จะขายดีมาก เมื่อใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าขาดตลาด เนื่องจากประชาชนมักจะมาซื้อปฏิทินเพื่อนำไปมอบเป็นของขวัญแทน ส.ค.ส.ให้แก่ญาติพี่น้อง โดยปฏิทินไทย-จีนจะวางจำหน่าย ในช่วงเดือนปลายเดือนตุลาคมของทุกปี และทุกร้านจะหยุดขายปฏิทินหลังเทศกาลตรุษจีน ซึ่งราคาของปฏิทินจะแพงขึ้นตามปริมาณของสินค้า เช่น ปกติปฏิทินเล่มเล็ก ราคา 60 บาท เล่มกลาง 120 และเล่มใหญ่ 180 บาท แต่ในช่วงที่ปฏิทินขาดตลาด ราคาจะขึ้นมาถึงเล่มละ 80 บาท 140 บาท และ 200 บาท ตามขนาด โดยราคาอาจขยับขึ้นสูงอีกหากสินค้าหมดและไม่มีการพิมพ์เพิ่ม ซึ่งยี่ห้อปฏิทินที่ครองตลาดอยู่ในปัจจุบัน คือ ปฏิทินไทย-จีน โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง และ ปฏิทินไทย-จีน-อังกฤษ โหราศาสตร์จูป๋อ
"ภูมิศักดิ์ พิสิฐชัยรักษ์" พ่อบ้านไทยที่สืบเชื้อสายจีน
ส่วนคุณภูมิศักดิ์ พิสิฐชัยรักษ์ พ่อบ้านไทยที่สืบเชื้อสายจีน กล่าวว่า การให้ปฏิทินไทย จีนกับญาติพี่น้องก็เหมือนกับการให้ ส.ค.ส. หรือ การ์ดอวยพร สวัสดีปีใหม่กันก่อนวันตรุษจีน โดยถือเป็นธรรมเนียมที่คนไทยเชื้อสายจีนมักปฏิบัติกันก่อนช่วงปีใหม่ ทั้งนี้หากสังเกตให้ดี จะพบว่าแทบทุกบ้านในย่านเยาวราชต้องมีปฏิทินไทย-จีนติดบ้าน เพื่อเอาไว้ดูวันพระของจีน เนื่องจากในปฏิทินธรรมดาจะไม่มีการบอกวันพระจีน ซึ่งตัวเลขที่บอกวันที่ในปฏิทินมีขนาดใหญ่ อ่านง่าย และช่วยป้องกันไม่ให้จำวันวันผิด เพราะต้องฉีกปฏิทินเพื่อเปลี่ยนวันที่ทุกวัน
“หากวันไหนในปฏิทินทำนายว่าเป็นวันอุบาทว์ก็จะพับขึ้นและไม่อ่าน แต่ถ้าวันไหนในปฏิทินทำนายว่าเป็นวันดีก็ดีไป อย่างวันที่ 15 ม.ค. ลูกสาวผมคลอดลูก ผมก็จะฉีกวันที่หลานเกิดเก็บไว้ เพื่อเอาไว้ดูคำทายและข้อห้ามที่บอกไว้ในปฏิทิน แต่คงไม่เชื่อคำนายทุกคำที่ปรากฏในปฏิทิน เพราะคำทำนายเป็นแค่แนวทางในการดูฤกษ์ดูยามเฉยๆ แต่ในทางปฏิบัติถ้าวันไหนที่บ้านจะจัดงานมงคล ก็จะไปหาซินแสเพื่อให้ช่วงดูฤกษ์ ยามในวันประกอบพิธีให้” พ่อบ้านชาวไทยเชื้อสายจีน กล่าวพร้อมอธิบายความคิดเห็นเกี่ยวกับการดูฤกษ์ ยาม ในปฏิทินไทย-จีน
เมื่อทำความรู้จักกับปฏิทินไทย-จีน เรียบร้อยแล้ว ท่านผู้อ่านคงจะสามารถเข้าใจและตีความหมายบนปฏิทินได้อย่างถูกต้องและไม่ว่าคำทำนายบนปฏิทินจะเป็นอย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนพิจารณาคำทำนายควบคู่กับความเป็นเหตุเป็นผลที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันด้วย สุดท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านมีความสุข สมหวังกับวันตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อความ “เฮง เฮง เฮง” กันอย่างถ้วนทั่วทุกคน