รมว.ท่องเที่ยวฯ ไฟแรง จะทำงานเหมือนม้า เร่งฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ สานต่อนโยบายเดิม พร้อมดึงวีระศักดิ์เป็นที่ปรึกษา ด้านเอกชนขานรับเพราะมีประวัติดี วอนเร่งกระตุ้นความเชื่อมั่นของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยวกลับคืนมาโดยเร็ว
นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวกับผู้บริหารและข้าราชการว่า จะทำหน้าที่เหมือนม้า ไม่ก้าวล่วง และจะเป็นนักบริหารที่ดีตามแผนที่กระทรวงวางไว้ ทั้งระยะสั้นและยาว
นายชุมพล ยังเผยว่า จะไม่กำหนดนโยบายใหม่ แต่พร้อมสานจะต่อนโยบายด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหลือ ขณะเดียวกัน จะเชิญนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ มาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว
เร่งฟื้นฟูท่องเที่ยว-เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
นายชุมพล ยังเปิดเผยว่า จะเริ่มทำงานทันที เนื่องจากได้มีการวางนโยบายของการทำงานไว้แล้ว ซึ่งจากนี้จะเป็นการจัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่จะต้องแก้ไข อาทิ แผนฟื้นฟูการท่องเที่ยว การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา รวมถึงการพิจารณางบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินนโยบาย ทั้งนี้เรื่องของกรอบเวลานั้น ไม่ได้มีการพูดถึงแต่ยืนยันว่า ต้องแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ นายชุมพล กล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้เร่งทำงานในการดูแลธุรกิจโรงแรม ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว ขณะที่ตนเองได้ยืนยันกับนายอภิสิทธิ์ว่าสามารถดูแลปัญหาได้
เอกชนพอใจ ขานรับ รมต.ท่องเที่ยวคนใหม่
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ยังไม่อยากตัดสินว่า นายชุมพล ศิลปอาชา รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คนใหม่ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯนี้ จะทำงานได้ดีเทียบเท่ากับ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวฯหรือไม่ คงต้องรอฟังนโยบายที่ท่านจะแถลงต่อข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯเร็วๆนี้
ทั้งนี้หากประเมินความรู้สึกเบื้องต้น ของภาคเอกชน ที่ได้รับทราบชื่อของ รมว.ท่านใหม่ ที่จะเข้ามาดูและภาคธุรกิจท่องเที่ยวนั้น รู้สึกพอใจ ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวมองว่า ดีกว่ารายชื่อคนอื่นๆ ที่เป็นโผมาก่อนหน้านี้ ซึ่งดูจากประวัติการทำงานแล้ว มีความใกล้เคียงกับอดีต รมว.วีระศักดิ์ คือ มีประวัติเคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือเหมือนกับเป็นรองประธานรัฐสภา และเคยดำรงตำแหน่งเป็นรมว. กระทรวงศึกษาธิการ โดยตามประวัติ ถือเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ทำงานหนัก และ มองประโยชน์ส่วนรวม
อย่างไรก็ตาม การทำงานแก้ไขสถานการณ์ท่องเที่ยว หลังจากการเข้ารับตำแหน่งของคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน จึงเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่ง หน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ คือ เร่งนำพาประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เรียกความเป็นสยามเมืองยิ้ม ของประเทศไทยกลับคืนมา ให้ต่างชาติ เขาเกิดความเชื่อมั่น ขณะที่ รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวฯก็ต้องสานต่อ นโยบาย สะอาด สะดวก และปลอดภัย
ทางด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า พอใจกับชื่อรัฐมนตรีท่านนี้ที่จะเข้ามานั่งบริหารกระทรวงการท่องเที่ยว เพราะ ถือเป็นบุคคลที่มาจากพรรคเดียวกันกับคนก่อน คือ ชาติไทยพัฒนา จึงมีความเป็นไปได้สูงในเรื่องของการสานต่อแผนงานเดิม แต่ก็ต้องดูว่า การผลักดันแผนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมจะเร็วเท่ากับคนก่อนหรือไม่ และ ทำงานเขาขากับภาคเอกชนมากแค่ไหน ซึ่งต้องใช้เวลาดูผลการทำงานกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ รัฐมนตรีท่านใหม่นี้ เร่งสานต่อ โครงการเงินกู้ เอสเอ็มอี เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว และ เร่งกระตุ้นความเชื่อมั่นของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยวกลับคืนมาโดยเร็ว เบื้องต้นจากการจัดตั้งรัฐบาล ได้ส่งสัญญาที่ดีออกไปยังต่างประเทศแล้ว เห็นได้จาก ทัวร์จีน เริ่มกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง
ส่วนนางมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ กล่าวว่า นายชุมพลค่อนข้างได้เปรียบสำหรับตำแหน่งนี้ เนื่องจาก นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งอยู่พรรคเดียวกับนายบรรหาร คงจะเสนอแนะแนวทางและมาตรการการแก้ปัญหาให้กับนายจุมพล ทั้งนี้งานเร่งด่วนของรัฐมนตรีคนใหม่ ก็คือร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงคมนาคม สร้างภาพลักษณ์ประเทศให้กลับคืนมาโดยเร็ว
สร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว นโยบายเร่งด่วนรัฐบาลมาร์ค
สำหรับด้านการท่องเที่ยวนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ 1 ได้กำหนดไว้ในนโยบายเร่งด่วน ระยะ 1 ปี คือ เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และเร่งรัดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยการดำเนินร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการประชาสัมพันธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของคนไทยในประเทศ และปรับแผนงบประมาณของส่วนราชการที่ได้รับงานประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 อยู่แล้วเพื่อใช้ในการจัดการฝึกอบรมและสัมมนาให้กระจายทั่วประเทศ รวมทั้งลดหย่อนค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้มีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น