ครม.อนุมัติ 1,900 ล้าน เยียวยานักท่องเที่ยวไทย – เทศ เหตุสนามบินสุวรรณภูมิถูกปิดล้อม ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวฯขอ 3 หมื่นล้านบาท ชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยให้เอกชนต่อลมหายใจ ด้านทีทีเอเอ มั่นใจการเมืองนิ่ง ได้รัฐบาลใหม่ คนไทยจะแห่เที่ยวนอกเหมือนเดิมภายใน 2-3 เดือน
นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รักษาการรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบกรอบและหลักเกณฑ์ในการดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่องเที่ยวกรณีสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิไม่สามารถให้บริการแก่ผู้โดยสารได้ เพราะถูกปิดล้อม รวมทั้งเห็นชอบแนวทางปฏิบัติเพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบเสนอ
โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มเป้าหมายที่ควรให้การช่วยเหลือ ซึ่งแยกเป็น 2 กลุ่ม คือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ตกค้างไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ และชาวไทยในต่างประเทศที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทย โดยภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือเป็นค่าที่พักและอาหาร 3 มื้อ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.ถึง 9 ธ.ค.ทั้งนี้เวลาไม่เกิน 24.00 น. ในวงเงิน 1,900 ล้านบาท โดยใช้งบกลางของปี 52 ทั้งนี้งบประมาณดังกล่าวเลขาธิการครม.ยืนยันว่าสามารถเบิกจ่ายใช้ได้
2.กระบวนการตรวจสอบเอกสารหลักฐานและการเบิกจ่ายตามกรอบและหลักเกณฑ์ ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 กรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มิได้จ่ายเงินค่าเช่าที่พักและค่าอาหาร หรือจ่ายเงินเฉพาะส่วนที่เกิน 2,000 บาท เนื่องจากไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศ ได้ตามกำหนดการเดิม ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับรองเอกสารหลักฐาน ประกอบการขอความช่วยเหลือที่ผ่านการตรวจสอบจากสมาคมโรงแรมไทยแล้ว ประกอบด้วยสำเนาหนังสือเดินทางของผู้ที่เดินทาง ลงลายมือชื่อรับรอง สำเนาบัตรโดยสารเครื่องบิน ที่เดินทางขาออก และใบแจ้งรายการ ค่าเช่าที่พัก และค่าอาหาร เพื่อให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เบิกจ่ายเงินชดเชยให้แก่โรงแรมโดยตรง
2.2 กรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เบิกจ่ายค่าที่พักและค่าอาหารทั้งจำนวนไปแล้ว ตามอัตราที่โรงแรมเรียกเก็บ และได้ขอรับความช่วยเหลือ ต่อกระทรวงการท่องเที่ยวฯให้กระทรวงฯ ตรวจสอบรับรองเอกสารประกอบการขอรับการช่วยเหลือ 2.3 กรณีชาวไทยในต่างประเทศ ให้กระทรวงท่องเที่ยวฯรับรองเอกสารหลักฐานประกอบการขอรับการช่วยเหลือที่ผ่านการตรวจสอบจากสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวฯ และกระทรวงการต่างประเทศ ประกอบด้วย สำเนาหนังสือเดินทาง และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับกรณีชาวไทยในต่างประเทศตามกรอบและหลักเกณฑ์นี้จะไม่ใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐที่เดินทางไปต่างประเทศชั่วคราว รวมทั้งพนักงานบริษัทหรือห้างร้านที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง
3.ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือมีความจำเป็นต้องปฏิบัตินอกเหนือจากหลักเกณฑ์นี้ ให้ขอทำความตกลงกับคณะทำงาน กำหนดกรอบและหลักเกณฑ์ในการดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่องเที่ยว กรณีสนามบินานาชาติสุวรรณภูมิไม่สามารถให้บริการได้ เพราะถูกปิดล้อม
แก้สภาพคล่องท่องเที่ยวเอสเอ็มอี
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า รูปแบบที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯเสนอผ่าน พล.ต.สนั่น ขจร ประศาสน์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ ปฎิบัติหน้าที่ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อนำส่งไปให้ คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา คือ การเสนอขอวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับนำไปชดเชยส่วนต่างของดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกเดินทางเข้ามาประเทศไทย
โดยรูปแบบ จะนำเงินดังกล่าว ใช้เพื่อชดเชยส่วนต่างของดอกเบี้ยในส่วนของวงเงินกู้เดิมที่ผู้ประกอบการเป็นลูกหนี้อยู่กับธนาคารพาณิชย์ ในอัตรา 2% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2552-2553 เพราะจากตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานว่า ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2551 มียอดหนี้เงินกู้คงค้าง เฉพาะในอุตสาหกรรมโรงแรม ภัตตาคาร รวมประมาณ 245,034 ล้านบาท
นอกจากนั้น เงินอีกส่วนหนึ่ง ที่เสนอขอไป จะใช้เพื่อเข้าไปเสริมสภาพคล่อง ต่อลมหายใจให้แก่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งผลประเมินเบื้องต้น พบว่า ในภาคธุรกิจนี้ต้องการเม็ดเงินมากถึง 78,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ที่มีเงินลงทุนเกิน 200 ล้านบาท ต้องการเงินเข้าไปหมุนเวียน ประมาณ 73,000 ล้านบาท และ ธุรกิจขนาดเล็ก ที่ลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท ต้องการเงินหมุนเวียน 5,000 ล้านบาท วงเงินดังกล่าว จะเป็นสินเชื่อก้อนใหม่ที่ธนาคารพาณิชย์จะเป็นผู้ปล่อยกู้ให้ภาคเอกชน แต่ จะให้รัฐบาลช่วยชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยในอัตรา 3% เป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่ 2552-2555
อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการจะเสนอให้มีการตั้ง คณะกรรมการบริหารโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง โดยมี รมว.ท่องเที่ยวฯเป็นประธาน และคณะกรรมการที่จะประกอบด้วยภาครับและเอกชน ที่จะมาดำเนินโครงการระหว่างปี 2552-2555 ด้วย
คาดเอาท์บาวด์ฟื้นเร็ว
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า มีความมั่นใจตลาดเอาต์บาวน์ หรือ คนไทยที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจะพลิกฟื้นกลับมาสู่ภาวะปกติเร็ว ภายใน 2-3 เดือน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับปัจจัยที่ว่า การเมืองต้องกลับสู่ภาวะปกติและมีการจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมาความตึงเครียดทางการเมือง ทำให้คนไทยหมดอารมณ์ที่จะเดินทางท่องเที่ยว
ทั้งนี้เพราะปัจจุบันราคาแพกเกจทัวร์เที่ยวต่างประเทศมีราคาไม่สูงเกินไป บางเส้นทางอาจมีราคาใกล้เคียงกับแพคเกจเที่ยวในประเทศ ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้ หลายประเทศที่กังวลว่าจะกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว จึงนำกลยุทธ์ ลดค่าธรรมเนียมจอดเครื่องบิน หรือ แลนดดิ้งฟี มาใช้จูงใจให้สายการบินเลือกที่จะเข้ามาใช้บริการ เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ทำให้สามารถขายแพกเกจทัวร์ได้ถูกลงกว่าที่ผ่านมาราว 10%
ขณะที่ข้อเสียของการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศขณะนี้ คือ แนวทางการทำตลาดที่ยังลอยๆ ไม่มีผู้นำในการจัดทำราคาแพกเกจทัวร์มาเสนอคนไทยอย่างจริงจัง บอกแต่เพียงว่าจะลดราคาเท่านั้น ไม่มีความเป็นรูปธรรมอื่นๆ สาเหตุอาจมาจากการประชุมกันในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ททท. และ เอกชนไม่มีความสมบูรณ์พอ จึงแก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด ประกอบกับ พฤติกรรมคนไทยยังนิยมเดินทางเที่ยวเองภายในประเทศ โดยไม่ผ่านบริษัททัวร์
จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้ ทีทีเอเอ ยังไม่มีนโยบายที่จะใช้กลยุทธ์ลดราคาแพกเกจทัวร์ เหมือน ตลาดเที่ยวในประเทศ หรือ โดเมสติก เพราะเชื่อว่า ราคาที่ถูกลงตามกลไกของตลาดที่มีอยู่แล้ว จะสร้างแรงจูงใจให้แก่นักท่องเที่ยวตัดสินใจเลือกซื้อแพกเกจทัวร์เที่ยวต่างประเทศมากกว่า เที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางระยะใกล้ อย่าง สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ที่ราคาทัวร์ใกล้เคียงกับแพกเกจเที่ยวในประเทศมาก แต่ได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกว่า น่าสนใจมากกว่า ส่วน ในการออกบูทงาน เที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ที่จะจัดขึ้นปีหน้า ระหว่างวันที่ 26 ก.พ.-1 มี.ค. นั้น ในกลุ่มแพกเกจทัวร์เที่ยวต่างประเทศ จะลดราคาแพกเกจทัวร์ลง 10% เฉพาะผู้จองซื้อภายในงาน
นายเจริญ กล่าวว่า ยังมั่นใจว่า ตลาดคนไทยบางส่วนยังมีกำลังซื้อ เพียงแต่รอสถานการณ์ทางการเมือง ที่มีผลด้านจิตวิทยา หาก สงบลงเมื่อใด และ มีรัฐบาลที่มั่งคง มีนโยบายที่เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ การจับจ่ายก็จะเกิดขึ้นทันที ทำให้เกิดกระแสเดินทางท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศของคนไทย ปีนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ย. รวมประมาณ 3-3.2 ล้านคน ซึ่งจากความวุ่นวายทางการเมือง ค่าครองชีพสูง ปัญหาเศรษฐกิจ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตลอดทั้งปี อาจทำให้ภาพรวมปีนี้ อาจลดลงจากปีก่อนราว 10% จากปีก่อน ที่มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศรวม 4.5 ล้านคน โดยทุกปีคนไทยเที่ยวต่างประเทศ จะเติบโตในอัตรา 5-10% สำหรับช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่คนไทยเที่ยวต่างประเทศจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 70% เพราะ ยังเตรียมตัวไม่ทัน
นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รักษาการรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบกรอบและหลักเกณฑ์ในการดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่องเที่ยวกรณีสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิไม่สามารถให้บริการแก่ผู้โดยสารได้ เพราะถูกปิดล้อม รวมทั้งเห็นชอบแนวทางปฏิบัติเพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบเสนอ
โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มเป้าหมายที่ควรให้การช่วยเหลือ ซึ่งแยกเป็น 2 กลุ่ม คือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ตกค้างไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ และชาวไทยในต่างประเทศที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทย โดยภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือเป็นค่าที่พักและอาหาร 3 มื้อ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.ถึง 9 ธ.ค.ทั้งนี้เวลาไม่เกิน 24.00 น. ในวงเงิน 1,900 ล้านบาท โดยใช้งบกลางของปี 52 ทั้งนี้งบประมาณดังกล่าวเลขาธิการครม.ยืนยันว่าสามารถเบิกจ่ายใช้ได้
2.กระบวนการตรวจสอบเอกสารหลักฐานและการเบิกจ่ายตามกรอบและหลักเกณฑ์ ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 กรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มิได้จ่ายเงินค่าเช่าที่พักและค่าอาหาร หรือจ่ายเงินเฉพาะส่วนที่เกิน 2,000 บาท เนื่องจากไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศ ได้ตามกำหนดการเดิม ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับรองเอกสารหลักฐาน ประกอบการขอความช่วยเหลือที่ผ่านการตรวจสอบจากสมาคมโรงแรมไทยแล้ว ประกอบด้วยสำเนาหนังสือเดินทางของผู้ที่เดินทาง ลงลายมือชื่อรับรอง สำเนาบัตรโดยสารเครื่องบิน ที่เดินทางขาออก และใบแจ้งรายการ ค่าเช่าที่พัก และค่าอาหาร เพื่อให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เบิกจ่ายเงินชดเชยให้แก่โรงแรมโดยตรง
2.2 กรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เบิกจ่ายค่าที่พักและค่าอาหารทั้งจำนวนไปแล้ว ตามอัตราที่โรงแรมเรียกเก็บ และได้ขอรับความช่วยเหลือ ต่อกระทรวงการท่องเที่ยวฯให้กระทรวงฯ ตรวจสอบรับรองเอกสารประกอบการขอรับการช่วยเหลือ 2.3 กรณีชาวไทยในต่างประเทศ ให้กระทรวงท่องเที่ยวฯรับรองเอกสารหลักฐานประกอบการขอรับการช่วยเหลือที่ผ่านการตรวจสอบจากสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวฯ และกระทรวงการต่างประเทศ ประกอบด้วย สำเนาหนังสือเดินทาง และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับกรณีชาวไทยในต่างประเทศตามกรอบและหลักเกณฑ์นี้จะไม่ใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐที่เดินทางไปต่างประเทศชั่วคราว รวมทั้งพนักงานบริษัทหรือห้างร้านที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง
3.ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือมีความจำเป็นต้องปฏิบัตินอกเหนือจากหลักเกณฑ์นี้ ให้ขอทำความตกลงกับคณะทำงาน กำหนดกรอบและหลักเกณฑ์ในการดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่องเที่ยว กรณีสนามบินานาชาติสุวรรณภูมิไม่สามารถให้บริการได้ เพราะถูกปิดล้อม
แก้สภาพคล่องท่องเที่ยวเอสเอ็มอี
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า รูปแบบที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯเสนอผ่าน พล.ต.สนั่น ขจร ประศาสน์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ ปฎิบัติหน้าที่ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อนำส่งไปให้ คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา คือ การเสนอขอวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับนำไปชดเชยส่วนต่างของดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกเดินทางเข้ามาประเทศไทย
โดยรูปแบบ จะนำเงินดังกล่าว ใช้เพื่อชดเชยส่วนต่างของดอกเบี้ยในส่วนของวงเงินกู้เดิมที่ผู้ประกอบการเป็นลูกหนี้อยู่กับธนาคารพาณิชย์ ในอัตรา 2% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2552-2553 เพราะจากตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานว่า ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2551 มียอดหนี้เงินกู้คงค้าง เฉพาะในอุตสาหกรรมโรงแรม ภัตตาคาร รวมประมาณ 245,034 ล้านบาท
นอกจากนั้น เงินอีกส่วนหนึ่ง ที่เสนอขอไป จะใช้เพื่อเข้าไปเสริมสภาพคล่อง ต่อลมหายใจให้แก่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งผลประเมินเบื้องต้น พบว่า ในภาคธุรกิจนี้ต้องการเม็ดเงินมากถึง 78,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ที่มีเงินลงทุนเกิน 200 ล้านบาท ต้องการเงินเข้าไปหมุนเวียน ประมาณ 73,000 ล้านบาท และ ธุรกิจขนาดเล็ก ที่ลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท ต้องการเงินหมุนเวียน 5,000 ล้านบาท วงเงินดังกล่าว จะเป็นสินเชื่อก้อนใหม่ที่ธนาคารพาณิชย์จะเป็นผู้ปล่อยกู้ให้ภาคเอกชน แต่ จะให้รัฐบาลช่วยชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยในอัตรา 3% เป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่ 2552-2555
อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการจะเสนอให้มีการตั้ง คณะกรรมการบริหารโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง โดยมี รมว.ท่องเที่ยวฯเป็นประธาน และคณะกรรมการที่จะประกอบด้วยภาครับและเอกชน ที่จะมาดำเนินโครงการระหว่างปี 2552-2555 ด้วย
คาดเอาท์บาวด์ฟื้นเร็ว
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า มีความมั่นใจตลาดเอาต์บาวน์ หรือ คนไทยที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจะพลิกฟื้นกลับมาสู่ภาวะปกติเร็ว ภายใน 2-3 เดือน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับปัจจัยที่ว่า การเมืองต้องกลับสู่ภาวะปกติและมีการจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมาความตึงเครียดทางการเมือง ทำให้คนไทยหมดอารมณ์ที่จะเดินทางท่องเที่ยว
ทั้งนี้เพราะปัจจุบันราคาแพกเกจทัวร์เที่ยวต่างประเทศมีราคาไม่สูงเกินไป บางเส้นทางอาจมีราคาใกล้เคียงกับแพคเกจเที่ยวในประเทศ ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้ หลายประเทศที่กังวลว่าจะกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว จึงนำกลยุทธ์ ลดค่าธรรมเนียมจอดเครื่องบิน หรือ แลนดดิ้งฟี มาใช้จูงใจให้สายการบินเลือกที่จะเข้ามาใช้บริการ เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ทำให้สามารถขายแพกเกจทัวร์ได้ถูกลงกว่าที่ผ่านมาราว 10%
ขณะที่ข้อเสียของการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศขณะนี้ คือ แนวทางการทำตลาดที่ยังลอยๆ ไม่มีผู้นำในการจัดทำราคาแพกเกจทัวร์มาเสนอคนไทยอย่างจริงจัง บอกแต่เพียงว่าจะลดราคาเท่านั้น ไม่มีความเป็นรูปธรรมอื่นๆ สาเหตุอาจมาจากการประชุมกันในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ททท. และ เอกชนไม่มีความสมบูรณ์พอ จึงแก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด ประกอบกับ พฤติกรรมคนไทยยังนิยมเดินทางเที่ยวเองภายในประเทศ โดยไม่ผ่านบริษัททัวร์
จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้ ทีทีเอเอ ยังไม่มีนโยบายที่จะใช้กลยุทธ์ลดราคาแพกเกจทัวร์ เหมือน ตลาดเที่ยวในประเทศ หรือ โดเมสติก เพราะเชื่อว่า ราคาที่ถูกลงตามกลไกของตลาดที่มีอยู่แล้ว จะสร้างแรงจูงใจให้แก่นักท่องเที่ยวตัดสินใจเลือกซื้อแพกเกจทัวร์เที่ยวต่างประเทศมากกว่า เที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางระยะใกล้ อย่าง สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ที่ราคาทัวร์ใกล้เคียงกับแพกเกจเที่ยวในประเทศมาก แต่ได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกว่า น่าสนใจมากกว่า ส่วน ในการออกบูทงาน เที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ที่จะจัดขึ้นปีหน้า ระหว่างวันที่ 26 ก.พ.-1 มี.ค. นั้น ในกลุ่มแพกเกจทัวร์เที่ยวต่างประเทศ จะลดราคาแพกเกจทัวร์ลง 10% เฉพาะผู้จองซื้อภายในงาน
นายเจริญ กล่าวว่า ยังมั่นใจว่า ตลาดคนไทยบางส่วนยังมีกำลังซื้อ เพียงแต่รอสถานการณ์ทางการเมือง ที่มีผลด้านจิตวิทยา หาก สงบลงเมื่อใด และ มีรัฐบาลที่มั่งคง มีนโยบายที่เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ การจับจ่ายก็จะเกิดขึ้นทันที ทำให้เกิดกระแสเดินทางท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศของคนไทย ปีนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ย. รวมประมาณ 3-3.2 ล้านคน ซึ่งจากความวุ่นวายทางการเมือง ค่าครองชีพสูง ปัญหาเศรษฐกิจ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตลอดทั้งปี อาจทำให้ภาพรวมปีนี้ อาจลดลงจากปีก่อนราว 10% จากปีก่อน ที่มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศรวม 4.5 ล้านคน โดยทุกปีคนไทยเที่ยวต่างประเทศ จะเติบโตในอัตรา 5-10% สำหรับช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่คนไทยเที่ยวต่างประเทศจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 70% เพราะ ยังเตรียมตัวไม่ทัน