ศูนย์ข่าวภูเก็ต –ไฮซีซันปีนี้ ชายฝั่งทะเลอันดามันเสน่ห์ยังไม่เสื่อมคลาย นักท่องเที่ยวยุโรปยังไม่หนี แม้เศรษฐกิจโลกจะถดถอย พบยอดจองห้องพักโรงแรมมีมากกว่า 70-80% ขณะที่ “เขาหลัก”ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากคลื่นยักษ์สึนามิ กลับเข้าสู่สภาพปกติพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มหลัก อย่างสแกนดิเนเวีย ยังเดินทางเข้ามาจำนวนมากในระดับต้นๆ มีโรงแรมเปิดให้บริการแล้วกว่า 5,000 ห้อง
นายภูริต มาศวงศ์ศา อุปนายกฝ่ายการตลาดต่างประเทศ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงภาวการณ์ท่องเที่ยวของภูเก็ตที่กำลังจะมาถึงในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ว่า การจองห้องพักของนักท่องเที่ยวและเอเยนต์ทัวร์ในช่วงไฮซีชันที่กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้ เริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าการจองห้องพักจะล่าช้ากว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากที่นักท่องเที่ยวบางส่วนยังลังเลใจในการเดินทางมาภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม จากการที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการโรงแรมพบว่า อัตราการจองห้องพักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50-60% ซึ่งปกติแล้วในทุกปีที่ผ่านๆมาหากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นการจองห้องพักจะอยู่ที่ 70-75% และจะเต็มเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ ในปีนี้ถือว่าลดลงไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“คาดว่าเมื่อถึงช่วงไฮซีซัน ภาพรวมการท่องเที่ยวของภูเก็ตเข้าสู่ภาวะปกติอย่างแน่นอน อัตราเข้าพักอาจจะลดลงบ้างเล็กน้อย แต่ไม่น่าจะเกิน 10% จากนักท่องเที่ยวที่ได้ยกเลิกการจองห้องพัก ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ปิดสนามบินภูเก็ตใหม่ และยังไม่ได้จองเข้ามาใหม่ เพราะสายการบินต่างๆ ที่เป็นทั้งเที่ยวบินประจำและเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟลต์) ยังบินปกติ” นายภูริต กล่าว
เขาหลัก”จองห้องพักทะลุ 80% ธ.ค.
ด้านนายประเสริฐ จันทร์ผลงาม เลขาธิการสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงาและอุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า สำหรับการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวในพื้นที่ เขาหลัก จ.พังงาในช่วงไฮซีซัน 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน –มกราคม อัตราการจองห้องพักเข้ามาดีกว่าปีที่ผ่านมามาก โดยในเดือนพฤศจิกายน อัตราเข้าพักที่จองเข้ามาแล้วในขณะนี้อยู่ที่ 60% เดือนธันวาคม และมกราคม 80% ทั้งนี้เนื่องจากปีนี้ถือเป็นปีแรกที่เอเย่นต์ทัวร์ในต่างประเทศได้ประชาสัมพันธ์และขายเขาหลักอย่างจริงจัง หลังจากที่ได้ทดลองตลาดเมื่อปีที่แล้ว และได้รับการตอบรับที่ดีและได้รับคำชมจากนักท่องเที่ยวมาก ทำให้ปีนี้เอเยนต์ทัวร์ได้ทำตลาดเขาหลักมากเป็นพิเศษ
“ไฮซีซันปีนี้การท่องเที่ยวของเขาหลัก กลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนกับช่วงก่อนเกิดสึนามิเต็มรูปแบบ ทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักจากกลุ่มสแกนดิเนเวีย เยอรมนี ออสเตรีย รวมทั้งห้องพักที่เปิดให้บริการแล้วถึง 5,500 ห้อง”
ส่วนภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเขาหลักในช่วงไฮซีซันที่กำลังจะมาถึงนี้ เพราะนักท่องเที่ยวที่จองเข้ามาได้จ่ายเงินไปแล้วจะต้องเดินทางมาอย่างแน่นอน แต่จะต้องดูข้อมูลอีกครั้งหลังเดือนมกราคมไปแล้ว
กระบี่เตรียมรับมือหลังไฮซีซันปีนี้
ขณะที่นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากที่ทั่วโลกต้องประสบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่อย่างแน่นอน เพราะจะทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางออกนอกประเทศ โดยส่วนใหญ่จะเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากไม่มั่นใจว่าในระยาวเศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวเร็วมากน้อยแค่ไหน ถึงแม้ว่าหลายๆประเทศที่ประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างสหรัฐอเมริกา จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความมั่นใจแล้วก็ตาม
สำหรับจังหวัดกระบี่ ในแต่ละปี มีรายได้หลักจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคน และในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งแถบสแกนดินีเวีย และยุโรป รวมถึงประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย แต่เมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว คาดว่านักท่องเที่ยวเหล่านี้ก็คงชะลอในการเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างแน่นอน แต่ในระยะใกล้นี้ระหว่างเดือน พฤศจิกายน 2551 – มกราคม 2552 คงจะไม่มีผลกระทบมากนักเพราะนักท่องเที่ยวได้มีการจองห้องพักล่วงหน้าไปแล้ว และยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด โดยเฉลี่ยประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์
“ตั้งแต่เดือนมกราคม 52 เป็นต้นไป และอาจจะถึงการท่องเที่ยวฤดูกาลหน้า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็คงจะประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน หากว่าเศรษฐกิจโลกยังไม่กระเตื้องขึ้น เพราะว่านักท่องเที่ยวคงจะไม่กล้าเดินทางออกนอกประเทศ แต่ทางสมาคม ททท.กระบี่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้มีแผนรองรับไว้แล้ว โดยจะหันมาทำตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งหลังจากเดือนมกราคมปีหน้าก็จะเดินสายทำโรดโชว์ยังภาคต่างๆเพื่อดึงนักท่องเที่ยวไทยให้เข้ามาท่องเที่ยวที่กระบี่ ซึ่งคาดว่าแผนดังกล่าว ก็จะช่วยพยุงธุรกิจภาคการท่องเที่ยวให้อยู่ต่อไปได้”