xs
xsm
sm
md
lg

ละลาน “ละลุ”...ดินแดนมหัศจรรย์/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
นั่งรถอีแต๊กไปชมละลุ
"อีแต๊ก”ย่อมไม่ใช่“อีแต๋น”(แต่บางที่ก็เรียกรถอีแต๊กว่ารถอีแต๋นเหมือนกัน)

ทั้งสองเป็นภูมิปัญญานวัตกรรมไทยนามกระฉ่อน ซึ่งพักหลังในวงการท่องเที่ยวชุมชนนิยมนำรถทั้ง 2 มาเป็นพาหนะขับเคลื่อนพานักท่องเที่ยว เที่ยวชมสิ่งที่น่าสนใจต่างๆในชุมชนของตน

ดังเช่นกิจกรรมนั่งรถอีแต๊กชม“ละลุ”แหล่งท่องเที่ยวอันโดดเด่นแห่งจังหวัดสระแก้ว

ละลุ ตั้งอยู่ที่บ้านคลองยาง บ้านเนินขาม ต.ทัพราช อ.ตราพระยา จ.สระแก้ว เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ที่คนในพื้นที่ยกให้ละลุเป็นดัง“ดินแดนมหัศจรรย์”อันน่าทึ่ง
รถอีแต๊กแล่นเข้าสู่พื้นที่ละลุ
ส่วนจะน่ามหัศจรรย์แค่ไหนเดี๋ยวตอนไปถึงละลุคงได้รู้กัน แต่ตอนนี้ผมอยากจะเล่าถึงตำนานแห่งละลุอันน่าเพริศแพร้ว(พร้อมขอแจมแนวคิดของผมลงไป(ในวงเล็บ)ด้วย)เพื่อเป็นการกระตุ้นอารมณ์คนชอบเที่ยวให้มีความอยากมากขึ้น

เรื่องนี้คงต้องย้อนอดีตไปนับพันปีที่แล้วในยุคขอมเรืองอำนาจ

ณ ดินแดนกษิตีณทรคามอันเกรียงไกรเชิงเขาพนมรุ้ง เจ้าชายหนุ่ม(ผู้น้อง)ผู้ครองเมืองกษิตีณทรคามผู้รังสรรค์ปราสาทหินสีชมพูกำลังแผ่บารมีระลือไกลเป็นที่รักใคร่ของไพร่ฟ้าประชาชน จนพี่ชายต่างมารดาที่เป็นหนึ่งในคู่ชิงบัลลังก์กษัตริย์แห่งพระนครหลวงศูนย์กลางอำนาจขอมโบราณ อดริษยาไม่ได้(ก็อำนาจมันไม่เข้าใครออกใคร)

แผนการยึดเมืองกษิตีณทรคามและลอบปลงพระชนม์เจ้าเมืองกษิตีณทรคามจากพี่ชายจึงถูกกำหนดขึ้น แต่ไม่ประสบผลสำเร็จทั้งหมดเพราะสามารถยึดได้แค่เมืองส่วนเจ้าชายหลบหนีไปได้

ด้านเจ้าชายหนุ่มได้หลบหนีมายังป่าลึกลับที่มากไปด้วยสัตว์ร้ายและภยันอันตราย ขณะที่เหล่าทีมสังหารก็ไล่ตามมาตนทัน แต่ว่าขณะที่กำลังพุ่งหอกเข้าสังหาร จู่ๆปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น(ตามแนวทางตำนานโบราณ)มีเปลวไฟอันร้อนแรงพุ่งเข้าแผดเผาร่างมือสังหารจนหมดสิ้น สร้างความตะลึงงันแก่ทีมสังหาร ซึ่งเมื่อทุกคนเงยหน้าไปมองก็พบกับพญานาคตัวใหญ่ขนดหางเป็นวงล้อมปกป้องตัวเจ้าชายที่สลบไสลอยู่
ละลุ ประติมากรรมธรรมชาติชวนพิศวง
ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง ทีมล่าสังหารจึงหนีเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิตไปจนหมดสิ้น พญานาคเมื่อเหตุการณ์สงบก็กลายร่างเป็นสาวงามในเครื่องแต่งกายประหลาด(ถ้าไม่ใช่สาวงามตำนานคงจืดพิลึก) ซึ่งนางแสดงตัวชัดเจนว่าเป็นธิดาพญานาคก่อนพาเจ้าชายหนุ่มหลบหนีจนพ้นภัย(อันนี้ผิดคาดเพราะหลายๆตำนาน อสูร สัตว์ เทพ ผู้กลายร่างเป็นมนุษย์ได้มักจะปกปิดฐานะตัวเอง)

ระหว่างทาง(ก็เป็นอย่างที่หลายๆคนคาดเดา)เจ้าชายหนุ่มกับธิดานาคเกิดความรักต่อกันถึงขั้นได้เสียเป็นเมียผัว(แน่นอนว่าช่วงจังหวะเสพสังวาส ธิดาพญานาคต้องอยู่ในร่างคนแหงมๆ หากอยู่ในร่างพญานาคผมนึกไม่ออกจริงๆว่ามันจะเป็นยังไง)

ความรักต่างเผ่าพันธุ์ช่วงแรกๆของทั้งคู่ดำเนินไปด้วยดี เจ้าชายหนุ่มกับธิดาพญานาคครองรักสร้างบ้านสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา แต่...อุปสรรคก็เกิดขึ้น เมื่อจอมนาคา ราชบิดาพญานาคแห่งเมืองบาดาล ติดตามจนพบและเรียกลูกสาวกลับคืนสู่เมืองบาดาล (ถ้าอุปสรรคไม่เกิด เรื่องนี้คงจบไปแล้ว)
ช่วงหน้าฝนนาข้าวจะเขียวขจีที่ละลุ
ทั้งเจ้าชายและธิดาพญานาคต่างเศร้าโศกเสียใจต่อการพรากจาก ต่างโอบกอดสอดรัดยังความสะเทือนใจแก่ผู้พบเห็น แต่สุดท้ายก็ต้องพรากจากกันอยู่ดีตามวิถีแห่งบุญธรรมกรรมแต่ง

ทว่าเรื่องยังไม่จบเท่านี้ เพราะเจ้าชายผู้พี่ยังคงไล่ล่าตามสังหารเจ้าชายหนุ่มผู้น้องเดียวดาย(เฮ้อ..เขาอุตส่าห์หนีไปครองเรือนโดดๆไม่ยุ่งเกี่ยวกับบัลลังก์แล้วก็ยังไปไล่ล่าเขาอีก นี่แหละหนาพวกเสพติดอำนาจ) และคราวหนีสามารถยกกองทัพขอมมาสังหารเจ้าชายหนุ่มได้สำเร็จ สิ้นพระชนม์อยู่ที่เมืองใหม่(ก็แหงล่ะ พวกเล่นยกมาเป็นกองทัพไล่ล่าคนๆเดียวหนิ)

ข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายหนุ่มพระสวามีรู้ถึงธิดาพญานาค นางโกรธมากออกจากเมืองบาดาลขึ้นมาไล่ล่ากองทัพขอมและเจ้าชายผู้พี่ โดยนางกลายร่างเป็นพญานาคตัวมหึมาที่สุมโชนไปด้วยความแค้น ดวงตาลุกโชนดังเปลวเพลิง เขี้ยวคมขาววาววับ

พญานาคนอกจะใช้อิทธิฤทธิ์ทำลายกองทัพขอมแตกพ่ายแล้ว ยังทำลายเมืองใหม่ที่เจ้าชายผู้พี่ยึดครองมาจากพระสวามี(เจ้าชายผู้น้อง)ด้วยการพ่นพิษร้ายลงยังใจกลางเมือง พิษร้ายที่มากมายดังสายน้ำเมื่อไหลไปที่ใดก็จะละลายพื้นที่นั้นๆให้ย่อยสลายไป(ตำนานไม่บอกว่าพิษร้ายเป็นอย่างไร แต่เดาไม่ยากว่าน่าจะมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนทำลายสุดๆ) จนเมืองทั้งเมืองถูกพิษล่มสลายลง ส่วนพื้นดินในเมืองบางแห่งก็ไม่วายถูกพิษย่อยสลายละลายเสื่อมทรุดไปด้วย
ละลุ อันซีนไทยแลนด์อันโดดเด่นแห่งสระแก้ว
หลังชำระแค้น ธิดาพญานาคได้ใช้อิทธิฤทธิ์สร้างเมืองใหม่เล็กๆขึ้นมาหลายเมืองให้กับชาวเมืองที่หนีตายไปก่อนหน้านั้น(นางเอกแม้จะแค้นปานใดแต่ในใจยังมีความดีงาม) ก่อนที่ธิดาพญานาคจะเดินทางกลับลงสู่เมืองบาดาล

เรื่องราวก็เอวังด้วยประการฉะนี้

แต่ผลพวงจากตำนานพญานาคล้างแค้นได้ส่งผลให้ชาวบ้าน(ยุคโบราณ)สันนิษฐานกันว่า บรรดาเมืองเล็กๆที่ธิดาพญานาคสร้างขึ้นรอบเมืองใหม่ของพระสวามี น่าจะเป็นที่ตั้งของปราสาทสด๊อกก๊อกธม ปราสาทเขาน้อยสีชมพู ปราสาทเขาโล้น โบราณสถานสระมรกต เมืองศรีมโหสถ และเมืองดงละคร

ส่วนเมืองใหม่ที่เจ้าชายหนุ่มและธิดาพญานาคครองรักกัน ซึ่งภายหลังได้ถูกธิดาพญานาคทำลายลงด้วยพิษร้าย ทำให้เมืองนี้มีสภาพพื้นดินถูกกัดกร่อนผุพังทลายลงไปเรื่อยๆ จนอีกหลายร้อยปีต่อมามีพรานป่าชาวเขมรเข้ามาค้นพบ และเรียกขานดินแดนแห่งนี้ว่า “ละลุ” ซึ่งมีความหมาย “แผ่นดินทะลุ” นั่นเอง
ป้ายละลุ ดินแดนมหัศจรรย์ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปคู่
ครับ กับตำนานละลุนี่ผมว่าสนุกไม่เบา สร้างเป็นหนังจักรๆวงศ์ๆได้เลย ขณะที่ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นั้น ระบุว่า ละลุเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการยุบตัวและพังทลายของดิน ก่อนถูกลม ฝน กัดเซาะ เป็นเวลายาวนาน เกิดเป็นเสาดินรูปร่างแปลกตาบนพื้นที่รวมกันถึง 60 ไร่(ข้อมูลจาก อสท. ฉบับที่ 1 ส.ค.46) ได้รับฉายาว่าเป็น“แคนยอนเมืองไทย”(ลักษณะคล้าย แพะเมืองผี จ.แพร่ โป่งยุบ จ.ราชบุรี เสาดินนาน้อย จ.น่าน)

สำหรับการเที่ยวชมละลุ ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านที่นั่นได้จัดแพ็คเกจนั่งรถอีแต๊กประมาณ 2 กม.ไปชมละลุ(อย่างที่ผมเกริ่นมาในตอนแรก)

ในช่วงหน้าฝนอย่างนี้ ฟ้าชุ่มฉ่ำดินชุ่มน้ำ ระหว่างต้นไม้ใบหญ้าดูเขียวชอุ่ม โดยเฉพาะทุ่งนาข้าว 2 ข้างทางนี่ต้นข้าวสีเขียวพัดโบกไหวๆยามต้องสายลม นาบางแห่งมีชาวนาลงทำนาดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก

ในขณะที่รถอีแต๊กสะเทินบกนั้น พี่สารถีแกก็บังคับแต๊กๆๆๆไปเรื่อย ส่วนผมก็นั่งกระเด็นกระดอน กระโดก กระดก ไปตามจังหวะขึ้นๆลงๆของอีแต๊ก ก่อนที่พี่สารถีจะพาแล่นลงไปยังจอดพื้นที่ละลุกว้างไกล ซึ่งมีป้ายเขียนไว้ว่า “ละลุ ดินแดนมหัศจรรย์” ที่จะว่าไปก็ดูมหัศจรรย์สมชื่อ เพราะเจ้าละลุที่เห็นนั้นมันเป็นประติมากรรมธรรมชาติชวนพิศวงรูปร่างแปลกตา เกิดขึ้นอยู่ทั่วบริเวณดูละลานตา ชวนให้จินตนาการมากมาย ทั้ง กำแพง หอคอย ปราสาท สัตว์ประหลาด ปะการัง เจดีย์ เป็นต้น ยิ่งช่วงนี้นาข้าวกำลังเขียวอชุ่ม ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศในการชมละลุในน่าเพลิดเพลินยิ่งขึ้น เพราะในพื้นที่ละลุมีแปลงนาขาวเขียวอยู่ด้วย

แต่อย่างว่าแหละกับการเที่ยวชมปรากฏการณ์ธรรมชาติของละลุที่ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพลมฟ้าอากาศอยู่ตลอดเวลานั้น หากนักท่องเที่ยวคนใดมือบอนขุดโน่น คุ้ยนี่ หักนั่น แซะโน่น บีบนี่ ขยำนั่น รับรองว่าอนาคตละลุมีสิทธิ์ถูกมือมนุษย์ทำลายลงไปเรื่อยๆ ยิ่งนักท่องเที่ยวมากันเยอะๆมีพวกมือบอนกันมากๆ อานุภาพการทำลายละลุคงไม่ต่างจากพิษร้ายของธิดาพญานาคเท่าใดนัก
*****************************************

ละลุ ตั้งอยู่ที่ บ้านคลองยาง บ้านเนินขาม ต.ทัพราช อ.ตราพระยา จ.สระแก้ว

การเดินทาง ถ้าเดินทางจากอำเภออรัญประเทศไปตามทางหลวงหมายเลข 382 สาย อรัญประเทศ – ตาพระยา เลี้ยวซ้ายที่บ้านกุดเตย หลักกิโลเมตรที่ 35 - 36 ตามทางหลวงหมายเลข 3486 ถึงบ้านโคคลาน – หนองผักแว่น ระยะทาง 18 กิโลเมตร จากหนองผักแว่นเป็นถนนลูกรัง เข้าไปถึงหมู่บ้าน ระยะทาง 1 กิโลเมตร สามารถติดต่อเช่ารถอีแต๊กชมละลุได้ที่ โทร. 08-9098-0772 และสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวละลุและแหล่งท่องเที่ยวใน จ.สระแก้วได้ที่ ททท. สำนักงานนครนายก(นครนายก,ปราจีนบุรี,สระแก้ว) โทร. 0-3731-2282, 0-3731-2284

กำลังโหลดความคิดเห็น