xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่ง...มากสรรพสิ่งชวนตะลึง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : เหล็งฮู้ชง
สนามกีฬารังนก
8/8/08 สุดยอดเลขมงคลของชาวจีนที่ใช้ฤกษ์นี้ทำพิธีเปิดโอลิมปิก 2008 ครั้งที่ 29(ตั้งแต่ 8 -24 ส.ค.51)มหกรรมกีฬาแห่งมนุษย์ชาติไปอย่างยิ่งใหญ่ สมศักดิ์ศรีพญามังกร

นับจากนี้ไปคอกีฬาทั่วโลกคงจับจ้องไปยังเมืองหลวงของจีนอย่าง มหานครปักกิ่ง(Beijing) หรือ เป่ยจิง สถานที่หลักในการจัดโอลิมปิกครั้งนี้ ซึ่งเมืองนี้ปัจจุบันได้แสดงศักยภาพให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความเก่า(+เก๋า)และความใหม่(+ล้ำ)ได้อย่างน่าชื่นชม

สำหรับตัวอย่างที่เห็นถึงความใหม่ล้ำและเป็นดาวเด่นในโอลิมปิก 2008 ก็คือ สนามกีฬารังนก(Beijing National Stadium) ที่นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตาแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นสนามกีฬาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย และแถมพกด้วยการทุบสถิติ 3 ด้านในวงการสนามกีฬาก็คือ เป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เหล็กมากที่สุดในโลก และก่อสร้างยากที่สุดในโลก จนขึ้นทำเนียบ 1 ใน 10 สิ่งก่อสร้างใหม่อันมหัศจรรย์ของโลกไปแล้ว
กำแพงเมืองจีน
แน่นอนว่าด้วยรูปลักษณ์และชื่อชั้นระดับโลก สนามกีฬารังนกย่อมกลายเป็นจุดสนใจให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปคู่ไปโดยปริยาย โดยเฉพาะกับชาวจีนนั่นแหละที่ดูจะตื่นเต้นภูมิใจเป็นพิเศษ แต่ถึงอย่างไรหากไปปักกิ่งผมก็ยังซูฮกต่อสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์อย่าง“กำแพงเมืองจีน”มากกว่า

กำแพงเมืองจีนหรือ"กำแพงหมื่นลี้" มีความยาวถึง 14,600 ลี้ (ราว 6,700 กม.) สร้างขึ้นครั้งแรกสร้างขึ้นครั้งแรกโดยกษัตริย์แคว้นฉู่ แห่งราชวงศ์โจว เมื่อราว 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีบางคนเข้าใจผิดคิดว่ากำแพงเมืองจีนสร้างโดยจักรพรรดิฉินซีหรือ“จิ๋นซีฮ่องเต้”แห่งราชวงศ์ฉิน จักรพรรดิชื่อดังที่ยังอยู่ในใจของคนทั่วโลกทั้งด้านบวกและด้านลบ(ที่ล่าสุดหนังเรื่อง Mummy 3 นำประวัติจิ๋นซีฮ่องเต้มายำเสียเละเลย)

ส่วนเรื่องที่เราๆท่านๆน่าจะรู้ไว้เวลาเที่ยวกำแพงเมืองจีนก็คือ กำแพงแห่งนี้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางและยุคใหม่ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 7/072007 ซึ่งไม่มีการแบ่งยุค และเป็น 1 ในมรดกโลกของจีนในปี ค.ศ. 1987

กำแพงเมืองจีนที่ปักกิ่งมีจุดที่สามารถเดินชมสวยๆงามๆได้หลายจุด แต่จุดที่ถือว่าดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และมีนักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุดก็คือที่“ด่านปาต๋าหลิ่ง”ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของปักกิ่ง เพราะสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของกำแพงเมืองจีนทอดตัวยาวไปตามแนวขุนเขาได้อย่างสวยงาม
พระราชวังต้องห้าม
สำหรับมรดกโลกในปักกิ่งยังไม่หมดเท่านี้ เพราะเมืองนี้มีมรดกโลกให้เที่ยวกันถึง 4 แห่งด้วยกัน ซึ่งผมขอเริ่มด้วย "พระราชวังฤดูร้อน"หรือ"อี้เหอหยวน" มรดกโลก ปี ค.ศ.1998 ที่ถือว่าเป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน

พระราชวังฤดูร้อน สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 12 และสร้างต่อเติมเรื่อยมา มีเนื้อที่ราว 2,929,600 ตารางเมตร แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ภูเขา"วั่นโซ่วซัน" และ ทะเลสาบ"คุนหมิง"

ภูเขาวั่นโซ่วซันหรือว่าภูเขาหมื่นปี อุดมไปด้วยสิ่งก่อสร้าง อย่าง วิหาร ตำหนัก พลับพลา และเก๋งจีนรูปทรงสวยงามมากมาย อีกทั้งหากใครขึ้นไปบนเขาก็จะสามารถมองทิวทัศน์อันสวยงามในมุมกว้างของพระราชวังและทิวทัศน์ของกรุงปักกิ่งได้ทั่วบริเวณ

ในขณะที่บริเวณเชิงเขาจะมีระเบียงทางเดินยาวถึง 728 เมตร ให้เดินลัดเลาะไปริมทะเลสาบคุนหมิงอันกว้างใหญ่สวยงาม และแวดล้อมไปด้วยงานศิลปกรรมจากภายในระเบียง ส่วนทางด้านนอกระเบียงก็มีศาลาพักร้อน หอชมสวน เก๋งจีน ที่เชื่อมต่อตลอดความยาวของระเบียงให้เดินชมกันอยู่สงเพลิดเพลินอุราแต่ว่าก็เรียกเหงื่อให้ซึมได้พอตัว

ส่วนสิ่งก่อสร้างอันอลังการอย่าง เรือหินอ่อนสองชั้น ที่มองดูไกลๆเหมือนลอยน้ำอยู่จริง ก็ถือเป็นดาวเด่นของที่นี่เหมือนกัน เรือหินอ่อน อันที่จริงแล้วเป็นอาคารหินอ่อนที่สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของพระนางซูสีไทเฮา เพื่อเอาไว้จิบน้ำชานั่งและชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามในบริเวณนี้

นอกจากนี้พระราชวังฤดูร้อนยังมีสถานที่สำคัญอีกหลายจุด อาทิ โรงละครส่วนตัวของพระนางซูสีไทเฮา ตำหนักเหยินโซ่ว ตำหนักเล่อโซ่วถาง และสิ่งก่อสร้างอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งพระราชวังแห่งนี้หากไปถูกจังหวะเวลาจะดูงดงามประหนึ่งภาพฝันเลยทีเดียว
พระราชวังฤดูร้อน
ในปักกิ่งยังมีพระราชวังระดับมรดกโลกอีกหนึ่งแห่ง นั่นก็คือ "พระราชวังต้องห้าม" (กู้กง) ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในปี ค.ศ. 1987

พระราชวังต้องห้าม สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง ใช้เป็นที่พำนักพักอาศัยของจักรพรรดิในราชวงศ์หมิงและชิงรวมทั้งสิ้น 24 พระองค์ เหตุที่กู้กงได้ชื่อว่าพระราชวังต้องห้าม เพราะชาวจีนโบราณมีคติในการสร้างวังว่า จักรพรรดิเปรียบเสมือนบุตรแห่งสรวงสวรรค์ ดังนั้นวังของบุตรแห่งสวรรค์จึงต้องเป็น“ที่ต้องห้าม”ด้วย คนธรรมดาสามัญจึงไม่สามารถล่วงล้ำกล้ำกรายเข้าไปได้ แต่มายุคนี้ พ.ศ.นี้ แนวคิดเปลี่ยนไปเพราะนี่คือแหล่งทำเงินชั้นดี หากมัวแต่“ห้าม”อยู่เหมือนก่อน รายได้คงหดหายไปปีละหลายร้อยล้านหยวนเลยทีเดียว

ใครที่มาเยือนพระราชวังต้องห้าม คงจะอดตื่นตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการไม่ได้ เพราะที่นี่มีเนื้อที่กว่า 720,000 ตารางเมตร มีห้องมากถึง 9,999 ห้องครึ่ง(หากมี 10,000 ห้องจะเท่ากับเซียนบนสวรรค์ จึงมีสร้างครึ่งห้องเอาไว้เพื่อไม่ให้เทียบเท่า อันนี้ผมรู้มาจากแฟนพันธ์แท้นะ) ซึ่งแบ่งเป็นส่วนต่างๆมากมาย อาทิ ตำหนัก พระที่นั่ง 750 องค์ หอบูชา ศาลา หอพระสมุด และห้องหับน้อยใหญ่อีกเพียบ

แต่ที่ถือเป็นระดับไฮไลท์ก็คือ เขตพระราชฐานชั้นนอก ที่เคยใช้เป็นที่ว่าราชการแผ่นดินและที่ทรงงานของจักรพรรดิ มีตำหนักไท่เหอ เป็นตำหนักเอกอันสวยงามตระการตา และเขตพระราชฐานชั้นใน อันเป็นที่เคยประทับของจักรพรรดิ พระมเหสี พระราชมารดา พระราชโอรส พระราชธิดาและนางสนม มีตำหนักหลักๆ อยู่ 3 หลัง คือ ตำหนักเฉียนชิง ตำหนักเจียวไท่ และตำหนักคุนหนิง นอกจากนี้ด้านข้างของตำหนักทั้ง 3 ยังเรียงรายด้วยตำหนักเล็กๆ อีกด้านละ 6 หลัง
จตุรัสเทียนอันเหมิน
และนั่นถือเป็นเพียงส่วนเด่นๆส่วนหนึ่งในพระราชวังต้องห้ามอันสุดอลังการแห่งนี้เท่านั้น ซึ่งในบริเวณใกล้ๆกันในฝั่งตรงข้ามยังเป็นที่ตั้งของจัตุรัสชื่อดังอย่าง จตุรัสเทียนอันเหมิน บนถนนฉางอาน

จัตุรัสเทียนอันเหมิน มีพื้นที่ทั้งสิ้น 440,000 ตารางกิโลเมตร สามารถจุคนได้มากถึง 1,000,000 คน นับเป็นจัตุรัสใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งยุคปัจจุบัน ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงปักกิ่ง บริเวณนี้ประกอบด้วยหอประตูเทียนอันเหมิน อนุสาวรีย์วีรชน หอระลึกประธานเหมาเจ๋อตง พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติจีน พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จีน มหาศาลาประชาชน เป็นต้น ซึ่งแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนและต่างชาติมาเยี่ยมชมจัตุรัสแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
หอสักการะฟ้า
อีกจุดไฮไลท์ในระดับมรดกโลกที่น่าสนใจในปักกิ่งก็คือ “หอสักการะฟ้า”หรือ“เทียนถาน” มรดกโลก ปีค.ศ.1998

หอสักการะฟ้า สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เป็นงานสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ใหญ่โต มีเอกลักษณ์ และยังสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน เพื่อใช้ประกอบพิธีสักการะและบวงสรวงเทพยดาฟ้าดิน มีอาณาบริเวณกว้างขวางกว่า 2,700,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นเขตชั้นนอก และเขตชั้นใน

หอสักการะฟ้า มีจุดน่าสนใจชวนชมหลากหลายอาทิ หอเทพสถิต ที่เป็นอาคารสูงทรงกลม เป็นสถานที่ประดิษฐานแผ่นป้ายองค์เทพยดา กำแพงสะท้อนเสียง ที่เพียงแค่กระซิบเบาๆคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของกำแพงก็สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ตำหนักสักการะ สถานสักการะสวรรค์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นหอทรงกลม 3 ชั้น มีหลังคาแผ่กางออกไปคล้ายร่ม เป็นต้น

และส่วนที่เป็นไฮไลท์ก็คือ แท่นหินบวงสรวงฟ้า ที่มีลักษณะเป็นแผ่นหินเรียงกระจายตัวออกไปเป็นรัศมีวงกลม เพิ่มขึ้นทีละ 9 แผ่น จำนวน 9 ชั้น ตามคติความเชื่อเรื่อง "สวรรค์ 9 ชั้น" ของคนจีนโบราณ นอกจากนี้ที่นี่ยังมี หินใจกลางสวรรค์ ที่เชื่อกันว่าเป็นที่ประทับของเง็กเซียนฮ่องเต้โดยตรงจุดหินแผ่นนี้ยังมีความน่าอัศจรรย์ใจ ตรงที่หากไปยืนอยู่บนหินแผ่นนี้ แล้วพูดออกมาเบาๆ จะเกิดเสียงสะท้อนก้องตอบกลับมาให้ได้ยินทันที ซึ่งคนจีนเชื่อว่าหากมายืนตรงหินแผ่นนี้ แล้วตั้งจิตอธิษฐานอะไรก็จะได้สมใจปรารถนา

เรื่องนี้จริง-เท็จ อย่างไร มิอาจทราบได้ แต่ที่รู้ก็คือนครปักกิ่งในฐานะเมืองหลักของการจัดโอลิมปิกนั้น ไม่ได้มีชื่อชั้นเฉพาะด้านการกีฬาเท่านั้น หากแต่ยังมีชื่อชั้นเป็นเอกอุทางด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในปักกิ่งล้วนมากไปด้วยสิ่งน่าสนใจให้ชวนตื่นตะลึงมากมาย(เท่าที่เล่ามานี่เป็นเพียงไฮไลท์เท่านั้น) สมดังเมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งแห่งดินแดนพญามังกร
กำลังโหลดความคิดเห็น