โดย : หมวยเกี๊ยะ
หลังจากตอนที่แล้ว ฉันและชาวคณะทัวร์ได้ทัวร์เมืองซูวอนชมป้อมมรดกโลกอันงดงามกันแล้ว มาในตอนนี้พวกเราพร้อมใจกันออกตะลุยแดนกิมจิกันต่อ โดยมีจุดมุ่งหมายเดินทางมากันที่เมืองยงอิน (Yongin) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเมืองซูวอน พวกเรานั่งรถยังไม่ทันจะได้หลับ ก็มาถึงยังสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกในเมืองยงอินกันแล้ว สถานที่แห่งนั้นก็คือ วัดวาอูจองซา ( Waujeongsa Temple ) วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี1970 โดยนักบวชแฮด๊อก
เมื่อก้าวเข้ามาในวัดวาอูจองซา สิ่งแรกที่ทำเอาฉันสะดุดตา และออกอาการตะลึงก็คือ ภาพของเศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่แกะสลักขึ้นมาจากไม้ มีความสูงถึง 8 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้รับการจนบันทึกลงในกินเนสบุ๊ค ฉันเห็นแล้วก็ว่าช่างใหญ่โตจริงๆ แถมยังดูสง่างาม ยิ่งตั้งอยู่ใกล้กับสระน้ำใส ยามมองเงาสะท้อนในน้ำยิ่งดูสวยงามเข้าไปใหญ่ แถมรอบๆ สระน้ำยังมีรูปปั้นพระพุทธรูปตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบด้วย
พอหายตะลึงกับเศียรพระใหญ่ ฉันก็ออกเดินเที่ยวรอบๆ วัด ภายในวัดมีสิ่งให้ชมมากมาย มีพระพุทธรูปจากทั่วเอเชียไม่ว่าจะมาจากประเทศจีน อินเดีย และศรีลังกา มารวมกันไว้อยู่ภายในวัดกว่า 3,000 องค์โดยมีพระพุทธรูปที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปที่ทำจากทองเหลือง ที่ใช้เวลาในการสร้างโดยการหลอมกว่า 10 ปีถึงจะเสร็จ มีพระพุทธรูปที่ทำจาก เพชร พลอย มีความสวยงามมาก
และมีพระพุทธรูปอยู่หนึ่งองค์ที่หากมาที่วัดนี้แล้วไม่ควรพลาดไปชมและสักการะขอพรกัน นั่นก็คือ พระพุทธรูปนอนขนาดใหญ่ สร้างมาจากไม้สนจีนที่นำมาจากอินเดีย องค์พระนอนนี้มีความยาวถึง 12 ม. สูง 3 ม. คนเกาหลีให้ความเคารพสักการะเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าขอพรแล้วจะสมหวัง ฉันจึงไม่รอช้ารีบยกมือไหว้กราบขอพรจากองค์พระท่านเป็นการใหญ่ ก่อนที่จะขอลาเดินทางออกจากวัดวาอูจองซา เพื่อเดินหน้าไปสู่สถานที่เที่ยวต่อไป ที่กำลังรอให้ฉันและชาวคณะทัวร์ได้ไปเที่ยวย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กกัน
สถานที่เที่ยวที่ว่านี้คือ สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ (Everland) หรือดีสนีย์แลนด์เกาหลี เป็นสวนสนุกกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา เมื่อฉันได้มาถึงเอเวอร์แลนด์ ดินแดนแห่งความสุข และความสำราญอันสดใส ก็รอให้ฉันออกตะลุยเที่ยวแบบสนุกสนาน จนฉันกลายเป็นเด็กไปโดยไม่รู้ตัว วิ่งถ่ายรูปกับตัวการ์ตูนน่ารักๆ อย่างสนุกสนาน และก็เดินไปเล่นเครื่องเล่นที่มีอยู่อย่างมากมาย แต่ว่าฉันก็ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นหมดทุกอย่างหรอกนะ
ฉันเลือกที่จะไปนั่งกระเช้าลอยฟ้าได้ชมวิวมุมสูงสวยๆ ภายในเอเวอร์แลนด์ เลือกที่จะนั่งม้าหมุนที่ให้อารมณ์แบบเด็กๆ น่ารักกุ๊กกิ๊ก และก็เลือกที่จะนั่งรถไฟเหาะที่มีชื่อว่าT-express เป็นรถไฟเหาะ ที่รางวิ่งรถไฟทำมาจากไม้ มีระยะทางยาวกว่า 1,641 ม. รถไฟเหาะนี้มันจะวิ่งไปตามรางด้วยความเร็ว 104 กม.ต่อชั่วโมง และใช้เวลาในการวิ่งเต็มๆ ถึง 3 นาที ทำเอาฉันกรี๊ดด้วยความหวาดเสียวสุดๆ และสนุกสนานจนเกินคำบรรยาย (ต้องหาโอกาสมาเล่นเองแล้วจะรู้ ว่าเสียวแค่ไหน)
นี่แค่เป็นเศษเสี้ยวของเครื่องเล่นที่ฉันได้เลือกเล่นแบบพอหอมปากหอมคอ จากนั้นฉันก็ได้มานั่งดูขบวนพาเหรดอันสวยงามที่ทางเอเวอร์แลนด์จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน แล้วก็ได้ไปเดินดูส่วนอื่นๆ กันอีก ไม่ว่าจะเป็นส่วนของโซนซาฟารี ที่มีสัตว์ป่าให้ชมมากมาย มีโซนสวนสี่ฤดู ที่มีดอกไม้สวยๆ มาจัดแสดงให้ได้ชื่นชมและถ่ายรูปสวยๆ กัน
ฉันว่าหากจะเที่ยวเอเวอร์แลนด์ให้สนุกสุดเหวี่ยงอย่างเต็มที่ คงต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่กันทั้งวันเป็นแน่ แต่สำหรับฉันและชาวคณะทัวร์ด้วยเวลาที่มีเพียงน้อยนิด พวกเราจึงต้องขอโบกลือลาเอเวอร์แลนด์แต่เพียงเท่านี้ เพื่อมุ่งหน้าไปเที่ยวที่ หมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลี (Korean Folk Village) กันต่อ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนเกาหลีสมัยโบราณที่หาชมได้ยากยิ่ง
เมื่อฉันเดินมาถึงยังหมู่บ้านพื้นเมืองที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง ฉันก็ได้อารมณ์เหมือนว่าตัวเองกำลังหลุดเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านที่ไหนสักแห่งของประเทศเกาหลีเมื่อสมัยก่อนจริงๆ เพราะไม่ว่าจะหันเดินไปทางไหนก็จะได้เห็นแต่ภาพของบ้านเรือนของคนเกาหลีสมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่มากมายเป็นร้อยๆ หลังคาเรือนได้ มีตั้งแต่บ้านของชาวนาธรรมดาๆ ที่มุงหลังคาด้วยจาก หน้าบ้านจะมีพวกอาหารแห้งต่างๆ ตากไว้เต็มหน้าบ้าน ไร่เรื่อยมาจนถึงบ้านของคหบดีที่มีความหรูหรา ซึ่งฉันว่าบ้านแต่ละหลังนั้นมีความสวยงามแปลกตาแตกต่างกันไป
นอกจากภายในหมู่บ้านจะมีบ้านเรือนโบราณให้ชมมากมายแล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงการแต่งงานของคนเกาหลีโบราณให้ได้ชมกันด้วย และก็ยังมีร้านค้าจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองให้ได้เลือกซื้อกันอีกภายในหมู่บ้าน ฉันและชาวคณะทัวร์เดินเที่ยวชมหมู่บ้านพื้นเมืองกันสักพักใหญ่ ก็ได้เวลาที่ต้องออกจากหมู่บ้านกันแล้ว เพราะพวกเรามีจุดมุ่งหมายที่จะไปเที่ยวตามรอยละครดังของเกาหลีกันต่อ
พวกเราเดินทางตรงดิ่งมากันที่เมืองกูรี (Guri) ซึ่งที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อว่า เมืองโคกรูยอ แด จัง กัน (Goguryeo Dae Jang Gan Town) เป็นเมืองแห่งช่างตีเหล็กที่ถูกสร้างจำลองขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นสถานที่ถ่ายทำละครเกาหลีเรื่องดังที่มีชื่อว่า Tae Wang Sa Sin Gi หรือที่คอละครชาวไทยรู้จักกันในชื่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ หรือ The Legend ที่มีเบยองจุน (Bea Yong Jun) รูปหล่อเล่นเป็นพระเอก
เมื่อฉันและชาวคณะทัวร์มาถึงที่เมืองจำลองโคกรูยอ หลายคนพากันตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนที่พวกเราจะเข้าไปชมเมืองจำลองกลางแจ้งที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครกันนั้น ด้านหน้านั้นมีอาคารในร่มให้ได้เข้าไปชมกันก่อน ภายในนี้จัดเป็นนิทรรศการแสดงพวกโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดค้นพบขึ้น มีจานโบราณ หลังคากระเบื้องโบราณ ซึ่งของพวกนี้ที่ขุดพบแสดงให้เห็นว่าเมื่อก่อนพื้นที่แถบนี้เคยเป็นเมืองโบราณมาก่อน
หลังจากที่ได้ชมนิทรรศการในร่มกันแล้ว พวกเราก็เดินหน้าเข้าสู่เมืองจำลองโคกรูยอกันทันที เมื่อเข้าไปถึงด้านในก็ต้องตะลึงกับเมืองจำลองอันยิ่งใหญ่ ที่สร้างได้สมจริงสมจังมากๆ บ้านเรือนที่เห็นสร้างด้วยหิน ดิน และไม้ ดูสวยงามตระการตา คอละครเรื่องนี้หลายๆ คนเห็นแล้วพากันกรี๊ดยกใหญ่ ถ่ายรูปตามมุมต่างๆ กันอย่างสนุกสนานกันจนหนำใจ หลังจากนั้นฉันและชาวคณะทัวร์ก็ต้องจำใจบ้ายบายเมืองโคกรูยอกันเสียแล้ว เพราะว่ายังมีสถานที่เที่ยวให้ไปตามรอยละครดังที่เหลือกันอีกหนึ่งแห่ง ที่หลายๆ คนบอกว่าถ้ามาเกาหลีแล้วต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยวที่นี่กัน
สถานที่แห่งนี้ก็คือ แดจังกึม ธีมพาร์ค (Dae Jang Geum Theme Park) ที่ตั้งอยู่ในเมืองยางจู (Yangju) เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องแดจังกึม จอมนางแห่งหวังหลวงที่ดังเป็นพลุแตกในบ้านเรา จนทำให้หลายคนอยากจะมาตามหาแดจังกึมและมินจุงโฮกันที่นี่ ซึ่งเมื่อมาถึงฉันและชาวคณะทัวร์ก็ไม่ผิดหวัง เพราะเมื่อเข้ามาถึงยังด้านในพาร์ค ก็ได้เห็นแดจังกึมออกมายืนต้อนรับอยู่ เล่นเอาหลายๆ คนรีบเข้าไปถ่ายรูปคู่กันใหญ่ ก่อนที่จะออกเดินเที่ยวให้ทั่วพาร์ค เพื่อชมฉากต่างๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อถ่ายทำหนังเรื่องแดจังกึมทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นฉากที่พำนักของพระราชา ฉากคุกที่ใช้เป็นสถานที่ขังแดจังกึม ฉากครัวหลวงที่แดจังกึมใช้เป็นสถานที่ปรุงอาหารถวายพระราชา ซึ่งจะมีพวกข้าวของเครื่องใช้ในครัวจำวนมากที่ใช้ประกอบในการถ่ายทำจัดแสดงไว้ให้ได้ชมกัน และฉากอื่นๆ อีกมากมาย ที่ทำให้พวกเราได้เคลิบเคลิ้มนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆ ของละครแดจังกึมอันสนุกสนานที่ได้เคยชมกัน
และนอกจากที่ฉันจะได้เดินชมฉากต่างๆ อย่างเพลินเพลินแล้ว ฉันยังได้แปลงกายเป็นแดจังกึมด้วย เพราะว่าด้านในพาร์คเขามีชุดแดจังกึมให้นักท่องเที่ยวได้สวมใส่แสดงบทบาทเป็นแดจังกึม และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันได้ตามใจ และยังมีพวกของที่ระลึกเป็นรูปภาพแดจังกึมสวยๆ ให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปเป็นขอฝากของที่ระลึก ซึ่งฉันต้องบอกเลยว่าไม่ใช่แค่สิ่งของที่เป็นของฝากเท่านั้น เพราะการได้มาเที่ยวตะลุยแดนกิมจิของฉันในทริปนี้นั้น ฉันได้ความสุขใจ เป็นของฝากกลับเมืองไทยไปแบบไม่ลืมเลือน..
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เกาหลีใช้สกุลเงินที่เรียกว่า "วอน" (won) อัตราแลกเปลี่ยน 1,000 วอน ประมาณ 40 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) เวลาที่เกาหลีเร็วกว่าเมืองไทยประมาณ 2 ชั่วโมง การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเกาหลี มีหลายสายการบินให้เลือก อาทิ สายการบินเอเชียน่า แอร์ไลน์, โคเรียนแอร์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (อสท. เกาหลี) โทร.0-2354-2080-2 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.kto.or.th
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ตะลุยแดนกิมจิ (1) : ท่องซูวอน สัมผัสป้อมมรดกโลก
หลังจากตอนที่แล้ว ฉันและชาวคณะทัวร์ได้ทัวร์เมืองซูวอนชมป้อมมรดกโลกอันงดงามกันแล้ว มาในตอนนี้พวกเราพร้อมใจกันออกตะลุยแดนกิมจิกันต่อ โดยมีจุดมุ่งหมายเดินทางมากันที่เมืองยงอิน (Yongin) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเมืองซูวอน พวกเรานั่งรถยังไม่ทันจะได้หลับ ก็มาถึงยังสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกในเมืองยงอินกันแล้ว สถานที่แห่งนั้นก็คือ วัดวาอูจองซา ( Waujeongsa Temple ) วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี1970 โดยนักบวชแฮด๊อก
เมื่อก้าวเข้ามาในวัดวาอูจองซา สิ่งแรกที่ทำเอาฉันสะดุดตา และออกอาการตะลึงก็คือ ภาพของเศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่แกะสลักขึ้นมาจากไม้ มีความสูงถึง 8 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้รับการจนบันทึกลงในกินเนสบุ๊ค ฉันเห็นแล้วก็ว่าช่างใหญ่โตจริงๆ แถมยังดูสง่างาม ยิ่งตั้งอยู่ใกล้กับสระน้ำใส ยามมองเงาสะท้อนในน้ำยิ่งดูสวยงามเข้าไปใหญ่ แถมรอบๆ สระน้ำยังมีรูปปั้นพระพุทธรูปตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบด้วย
พอหายตะลึงกับเศียรพระใหญ่ ฉันก็ออกเดินเที่ยวรอบๆ วัด ภายในวัดมีสิ่งให้ชมมากมาย มีพระพุทธรูปจากทั่วเอเชียไม่ว่าจะมาจากประเทศจีน อินเดีย และศรีลังกา มารวมกันไว้อยู่ภายในวัดกว่า 3,000 องค์โดยมีพระพุทธรูปที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปที่ทำจากทองเหลือง ที่ใช้เวลาในการสร้างโดยการหลอมกว่า 10 ปีถึงจะเสร็จ มีพระพุทธรูปที่ทำจาก เพชร พลอย มีความสวยงามมาก
และมีพระพุทธรูปอยู่หนึ่งองค์ที่หากมาที่วัดนี้แล้วไม่ควรพลาดไปชมและสักการะขอพรกัน นั่นก็คือ พระพุทธรูปนอนขนาดใหญ่ สร้างมาจากไม้สนจีนที่นำมาจากอินเดีย องค์พระนอนนี้มีความยาวถึง 12 ม. สูง 3 ม. คนเกาหลีให้ความเคารพสักการะเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าขอพรแล้วจะสมหวัง ฉันจึงไม่รอช้ารีบยกมือไหว้กราบขอพรจากองค์พระท่านเป็นการใหญ่ ก่อนที่จะขอลาเดินทางออกจากวัดวาอูจองซา เพื่อเดินหน้าไปสู่สถานที่เที่ยวต่อไป ที่กำลังรอให้ฉันและชาวคณะทัวร์ได้ไปเที่ยวย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กกัน
สถานที่เที่ยวที่ว่านี้คือ สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ (Everland) หรือดีสนีย์แลนด์เกาหลี เป็นสวนสนุกกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา เมื่อฉันได้มาถึงเอเวอร์แลนด์ ดินแดนแห่งความสุข และความสำราญอันสดใส ก็รอให้ฉันออกตะลุยเที่ยวแบบสนุกสนาน จนฉันกลายเป็นเด็กไปโดยไม่รู้ตัว วิ่งถ่ายรูปกับตัวการ์ตูนน่ารักๆ อย่างสนุกสนาน และก็เดินไปเล่นเครื่องเล่นที่มีอยู่อย่างมากมาย แต่ว่าฉันก็ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นหมดทุกอย่างหรอกนะ
ฉันเลือกที่จะไปนั่งกระเช้าลอยฟ้าได้ชมวิวมุมสูงสวยๆ ภายในเอเวอร์แลนด์ เลือกที่จะนั่งม้าหมุนที่ให้อารมณ์แบบเด็กๆ น่ารักกุ๊กกิ๊ก และก็เลือกที่จะนั่งรถไฟเหาะที่มีชื่อว่าT-express เป็นรถไฟเหาะ ที่รางวิ่งรถไฟทำมาจากไม้ มีระยะทางยาวกว่า 1,641 ม. รถไฟเหาะนี้มันจะวิ่งไปตามรางด้วยความเร็ว 104 กม.ต่อชั่วโมง และใช้เวลาในการวิ่งเต็มๆ ถึง 3 นาที ทำเอาฉันกรี๊ดด้วยความหวาดเสียวสุดๆ และสนุกสนานจนเกินคำบรรยาย (ต้องหาโอกาสมาเล่นเองแล้วจะรู้ ว่าเสียวแค่ไหน)
นี่แค่เป็นเศษเสี้ยวของเครื่องเล่นที่ฉันได้เลือกเล่นแบบพอหอมปากหอมคอ จากนั้นฉันก็ได้มานั่งดูขบวนพาเหรดอันสวยงามที่ทางเอเวอร์แลนด์จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน แล้วก็ได้ไปเดินดูส่วนอื่นๆ กันอีก ไม่ว่าจะเป็นส่วนของโซนซาฟารี ที่มีสัตว์ป่าให้ชมมากมาย มีโซนสวนสี่ฤดู ที่มีดอกไม้สวยๆ มาจัดแสดงให้ได้ชื่นชมและถ่ายรูปสวยๆ กัน
ฉันว่าหากจะเที่ยวเอเวอร์แลนด์ให้สนุกสุดเหวี่ยงอย่างเต็มที่ คงต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่กันทั้งวันเป็นแน่ แต่สำหรับฉันและชาวคณะทัวร์ด้วยเวลาที่มีเพียงน้อยนิด พวกเราจึงต้องขอโบกลือลาเอเวอร์แลนด์แต่เพียงเท่านี้ เพื่อมุ่งหน้าไปเที่ยวที่ หมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลี (Korean Folk Village) กันต่อ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนเกาหลีสมัยโบราณที่หาชมได้ยากยิ่ง
เมื่อฉันเดินมาถึงยังหมู่บ้านพื้นเมืองที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง ฉันก็ได้อารมณ์เหมือนว่าตัวเองกำลังหลุดเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านที่ไหนสักแห่งของประเทศเกาหลีเมื่อสมัยก่อนจริงๆ เพราะไม่ว่าจะหันเดินไปทางไหนก็จะได้เห็นแต่ภาพของบ้านเรือนของคนเกาหลีสมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่มากมายเป็นร้อยๆ หลังคาเรือนได้ มีตั้งแต่บ้านของชาวนาธรรมดาๆ ที่มุงหลังคาด้วยจาก หน้าบ้านจะมีพวกอาหารแห้งต่างๆ ตากไว้เต็มหน้าบ้าน ไร่เรื่อยมาจนถึงบ้านของคหบดีที่มีความหรูหรา ซึ่งฉันว่าบ้านแต่ละหลังนั้นมีความสวยงามแปลกตาแตกต่างกันไป
นอกจากภายในหมู่บ้านจะมีบ้านเรือนโบราณให้ชมมากมายแล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงการแต่งงานของคนเกาหลีโบราณให้ได้ชมกันด้วย และก็ยังมีร้านค้าจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองให้ได้เลือกซื้อกันอีกภายในหมู่บ้าน ฉันและชาวคณะทัวร์เดินเที่ยวชมหมู่บ้านพื้นเมืองกันสักพักใหญ่ ก็ได้เวลาที่ต้องออกจากหมู่บ้านกันแล้ว เพราะพวกเรามีจุดมุ่งหมายที่จะไปเที่ยวตามรอยละครดังของเกาหลีกันต่อ
พวกเราเดินทางตรงดิ่งมากันที่เมืองกูรี (Guri) ซึ่งที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อว่า เมืองโคกรูยอ แด จัง กัน (Goguryeo Dae Jang Gan Town) เป็นเมืองแห่งช่างตีเหล็กที่ถูกสร้างจำลองขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นสถานที่ถ่ายทำละครเกาหลีเรื่องดังที่มีชื่อว่า Tae Wang Sa Sin Gi หรือที่คอละครชาวไทยรู้จักกันในชื่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ หรือ The Legend ที่มีเบยองจุน (Bea Yong Jun) รูปหล่อเล่นเป็นพระเอก
เมื่อฉันและชาวคณะทัวร์มาถึงที่เมืองจำลองโคกรูยอ หลายคนพากันตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนที่พวกเราจะเข้าไปชมเมืองจำลองกลางแจ้งที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครกันนั้น ด้านหน้านั้นมีอาคารในร่มให้ได้เข้าไปชมกันก่อน ภายในนี้จัดเป็นนิทรรศการแสดงพวกโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดค้นพบขึ้น มีจานโบราณ หลังคากระเบื้องโบราณ ซึ่งของพวกนี้ที่ขุดพบแสดงให้เห็นว่าเมื่อก่อนพื้นที่แถบนี้เคยเป็นเมืองโบราณมาก่อน
หลังจากที่ได้ชมนิทรรศการในร่มกันแล้ว พวกเราก็เดินหน้าเข้าสู่เมืองจำลองโคกรูยอกันทันที เมื่อเข้าไปถึงด้านในก็ต้องตะลึงกับเมืองจำลองอันยิ่งใหญ่ ที่สร้างได้สมจริงสมจังมากๆ บ้านเรือนที่เห็นสร้างด้วยหิน ดิน และไม้ ดูสวยงามตระการตา คอละครเรื่องนี้หลายๆ คนเห็นแล้วพากันกรี๊ดยกใหญ่ ถ่ายรูปตามมุมต่างๆ กันอย่างสนุกสนานกันจนหนำใจ หลังจากนั้นฉันและชาวคณะทัวร์ก็ต้องจำใจบ้ายบายเมืองโคกรูยอกันเสียแล้ว เพราะว่ายังมีสถานที่เที่ยวให้ไปตามรอยละครดังที่เหลือกันอีกหนึ่งแห่ง ที่หลายๆ คนบอกว่าถ้ามาเกาหลีแล้วต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยวที่นี่กัน
สถานที่แห่งนี้ก็คือ แดจังกึม ธีมพาร์ค (Dae Jang Geum Theme Park) ที่ตั้งอยู่ในเมืองยางจู (Yangju) เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องแดจังกึม จอมนางแห่งหวังหลวงที่ดังเป็นพลุแตกในบ้านเรา จนทำให้หลายคนอยากจะมาตามหาแดจังกึมและมินจุงโฮกันที่นี่ ซึ่งเมื่อมาถึงฉันและชาวคณะทัวร์ก็ไม่ผิดหวัง เพราะเมื่อเข้ามาถึงยังด้านในพาร์ค ก็ได้เห็นแดจังกึมออกมายืนต้อนรับอยู่ เล่นเอาหลายๆ คนรีบเข้าไปถ่ายรูปคู่กันใหญ่ ก่อนที่จะออกเดินเที่ยวให้ทั่วพาร์ค เพื่อชมฉากต่างๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อถ่ายทำหนังเรื่องแดจังกึมทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นฉากที่พำนักของพระราชา ฉากคุกที่ใช้เป็นสถานที่ขังแดจังกึม ฉากครัวหลวงที่แดจังกึมใช้เป็นสถานที่ปรุงอาหารถวายพระราชา ซึ่งจะมีพวกข้าวของเครื่องใช้ในครัวจำวนมากที่ใช้ประกอบในการถ่ายทำจัดแสดงไว้ให้ได้ชมกัน และฉากอื่นๆ อีกมากมาย ที่ทำให้พวกเราได้เคลิบเคลิ้มนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆ ของละครแดจังกึมอันสนุกสนานที่ได้เคยชมกัน
และนอกจากที่ฉันจะได้เดินชมฉากต่างๆ อย่างเพลินเพลินแล้ว ฉันยังได้แปลงกายเป็นแดจังกึมด้วย เพราะว่าด้านในพาร์คเขามีชุดแดจังกึมให้นักท่องเที่ยวได้สวมใส่แสดงบทบาทเป็นแดจังกึม และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันได้ตามใจ และยังมีพวกของที่ระลึกเป็นรูปภาพแดจังกึมสวยๆ ให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปเป็นขอฝากของที่ระลึก ซึ่งฉันต้องบอกเลยว่าไม่ใช่แค่สิ่งของที่เป็นของฝากเท่านั้น เพราะการได้มาเที่ยวตะลุยแดนกิมจิของฉันในทริปนี้นั้น ฉันได้ความสุขใจ เป็นของฝากกลับเมืองไทยไปแบบไม่ลืมเลือน..
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เกาหลีใช้สกุลเงินที่เรียกว่า "วอน" (won) อัตราแลกเปลี่ยน 1,000 วอน ประมาณ 40 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) เวลาที่เกาหลีเร็วกว่าเมืองไทยประมาณ 2 ชั่วโมง การเดินทางจากกรุงเทพฯไปเกาหลี มีหลายสายการบินให้เลือก อาทิ สายการบินเอเชียน่า แอร์ไลน์, โคเรียนแอร์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (อสท. เกาหลี) โทร.0-2354-2080-2 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.kto.or.th
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ตะลุยแดนกิมจิ (1) : ท่องซูวอน สัมผัสป้อมมรดกโลก