หากเอ่ยถึงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดตราด คนส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่เกาะช้างและหมู่เกาะบริวาร
แต่ใครจะรู้บ้างว่าใน อ.แหลมงอบ ไม่ไกลจากจุดลงเรือเฟอร์รี่ไปเกาะช้างเท่าไหร่ เป็นที่ตั้งของ “บ้านน้ำเชี่ยว” สถานที่ท่องเที่ยวชุมชนเชิงวิถีชีวิตวัฒนธรรมซ่อนกายอยู่อย่างเงียบๆ ซึ่งหากใครผ่านแล้วผ่านเลยก็จะเลยผ่านไป แต่ถ้าใครผ่านแล้วแวะเวียนเข้าไปเที่ยวชม ก็จะพบว่าชุมท่องเที่ยวแห่งนี้มีสิ่งน่าสนใจซุกซ่อนอยู่ไม่น้อยเลย
รู้จักบ้านน้ำเชี่ยว
บ้านน้ำเชี่ยว ตั้งอยู่ใน ต.น้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ จ.ตราด เป็นหมู่บ้านในเส้นทางผ่านไปขึ้นเรือสู่เกาะช้าง หมู่บ้านแห่งนี้มีคลองน้ำเชี่ยวไหลผ่านกลางชุมชนสู่อ่าวไทย
ชุติกาญจน์ โคนา ประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวของชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวเล่าว่า “สมัยก่อนคลองที่ไหลผ่านหมู่บ้านน้ำเชี่ยวมากที่นี่จึงได้ชื่อว่าบ้านน้ำเชี่ยว แต่ปัจจุบันสายน้ำจะไหลเชี่ยวเฉพาะช่วงฤดูน้ำหลากเท่านั้นเพราะลำคลองตื้นเขินขึ้น แต่ว่าทรัพยากรชายฝั่งของที่นี่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่”
ด้าน ศักดิ์ชัย เอี่ยมบุญญฤทธิ์ นายกเทศมนตรีตำบลน้ำเชี่ยว เปิดเผยว่า สังคมความเป็นอยู่ของชุมชนแห่งนี้น่าศึกษาและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง จุดขายคือ ชุมชน 2 ศาสนา(พุทธและมุสลิม) ซึ่งมีปริมาณใกล้เคียงกัน คือ 50 % ชาวหมู่บ้านนี้ประมาณ 50% นับถือศาสนาพุทธ และอีกประมาณ 50% นับถือศาสนาอิสลาม โดยชาวมุสลิมบ้านน้ำเชี่ยวนั้นอพยพเข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธหรือไทยมุสลิม ชาวบ้านที่นี่ต่างก็อยู่อาศัยอย่างพึ่งพา เกื้อหนุนจุนเจือ และถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งใครเห็นแล้วต่างก็อดชื่นชมในความรักใคร่กลมเกลียวของชาวชุมชนนี้ไม่ได้
นอกจากจะเป็นชุมชนเก่าแก่และชุมชนสมานฉันท์ตัวอย่างแล้ว บ้านน้ำเชี่ยวยังมีความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยว โดยมีรางวัลชนะเลิศหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์(OVC) ปี 2549 และรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือ"ไทยแลนด์ทัวริสต์อะวอร์ด" จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ประเภทชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยว ใน ปี 2550 เป็นตัวการันตีในคุณภาพ
ทัศนศึกษาบ้านน้ำเชี่ยว
ด้วยความที่เป็นชุมชนเก่าแก่ และเป็นชุมชนมีเอกลักษณ์ แถมยังเป็นชุมชนใกล้ปากอ่าว ทำให้บ้านน้ำเชี่ยวมีสิ่งที่น่าสนใจทางการท่องเที่ยวหลายจุดด้วยกัน ซึ่งจุดเด่นๆก็มีดังนี้
มัสยิดอัลกุบรอ : เป็นมัสยิดเก่าแก่แห่งแรกของภาคตะวันออกมีอายุกว่า 200 ปี สร้างโดยชาวมุสลิมที่อพยพเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 3 เดิมทีนั้นมัสยิดอัลกุบรอสร้างขึ้นแบบง่ายๆ ใช้ไม้โกงกางปักเป็นเขต 4 ต้น หลังคามุงด้วยใบปรงสานเป็นตับเหมือนตับจาก จากนั้นก็มีการปรับปรุงเรื่อยมากลายเป็นมัสยิดรูปทรงสมส่วนอย่างที่เห็นในปัจจุบันที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ริมคลองน้ำเชี่ยวให้ผู้ที่สัญจรผ่านไป-มา มองเห็นแต่ไกล
วัดน้ำเชี่ยว : เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยพุทธ ตั้งอยู่ที่ ม.1 บ้านท้ายเขา(ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลวัดน้ำเชี่ยว) วัดแห่งนี้ได้มีการบันทึกไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 28 ว่า เดิมชื่อ “วัดอินทาราม” เป็นวัดที่รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาประทับใน ร.ศ.130 วัดน้ำเชี่ยว ได้รับการคัดเลือกจากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างประจำปี 2548 ภายในวัดมีพระอุโบสถรูปทรงสวยงาม มีพระบรมสารีริกธาตุและพระประจำวันเกิดปางต่างๆให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชา
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน : ด้วยความที่เป็นชุมชนชายฝั่ง ที่นี่จึงมีความสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่งอยู่ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะป่าชายเลนบ้านน้ำเชี่ยวนั้นถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นทางการท่องเที่ยวของที่นี่เลยทีเดียว ป่าชายเลนแห่งนี้มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติสร้างทอดยาวนำชมสิ่งน่าสนใจ อาทิ ระบบนิเวศป่าชายเลน ปู ปลาตีน ลิง และนกจำนวนมาก โดยมีหอดูนกสูงกว่า 12 เมตร สร้างเป็นไฮไลท์ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปดูนก ชมวิว ซึ่งบนนั้นสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของป่าชายเลนได้รอบด้าน ส่วนยามค่ำคืนป่าชายเลนแห่งนี้ถือเป็นจุดชมหิ่งห้อยที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง
ศึกษาวิถีชีวิต : เนื่องจากเป็นหมู่บ้านริมทะเลที่มีคลองน้ำเชี่ยวไหลผ่าน หมู่บ้านน้ำเชี่ยวจึงน่าสนใจไปด้วยวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำที่มีบ้านเรือน มัสยิด สร้างเลาะเลียบไปตามริมคลอง มีเรือประมงพื้นบ้านจอดเรียงรายอยู่ในลำคลองช่วงใกล้ออกปาวอ่าว สำหรับชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง ทำสวนยางพารา และทำสวนผลไม้ ซึ่งวิถีการทำประมงพื้นบ้านของที่นี่นับเป็นหนึ่งในจุดเด่นทางการท่องเที่ยวที่สำคัญ ในช่วงน้ำลงบริเวณปากอ่าวจะได้เห็นชาวบ้านออกไปเก็บหอยแครง หอยเป็ด จับกุ้งปูปลา ในขณะที่วิถีชาวบ้านนั้นก็อยู่กันอย่างเรียบง่าย สันติสุข เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม น้ำมิตรไมตรี
ทั้งนี้หากผู้ใดอยากซึมซับกับบรรยากาศพื้นบ้านแบบใกล้ชิดเต็มที่ก็สามารถพักค้างแบบโฮมสเตย์กันได้ ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวที่นิยมทำกันอยู่ ณ วันนี้ที่บ้านน้ำเชี่ยวก็คือ การล่องเรือชมบ้านเรือน ป่าชายเลน วิถีชีวิตริมคลอง ริมปากอ่าว ชมการทำประมงพื้นบ้านหรือตกปลาน้ำตื้น และไปขึ้นฝั่งเดินชมป่าชายเลน เดินสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ชมมัสยิด ชมวัด เป็นต้น
“ส่วนใหญ่คนที่มาเที่ยวหมู่บ้านเรามักจะมาแวะก่อนจะไปเที่ยวต่อที่เกาะช้าง หรือไม่ก็แวะตอนขากลับ แต่ในอนาคตเรามีโครงการจะจัดเป็นโปรแกรมทัวร์ นอนโฮมสเตย์ เที่ยวหมู่บ้าน พร้อมร่วมกิจกรรมต่างกับชาวบ้านน้ำเชี่ยว” ชุติกาญจน์กล่าว
งอบบ้านน้ำเชี่ยว โอทอปขึ้นชื่อ
สิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของหมู่บ้านน้ำเชี่ยวที่โด่งดังไปไกลก็คือ “งอบน้ำเชี่ยว”ซึ่งเป็นงอบ(หมวก)ใบจาก งานหัตถกรรมพื้นบ้าน มีเอกลักษณ์ เป็นงานภูมิปัญญาพื้นบ้านที่บรรพบุรุษชาวตราดสืบทอดกันมาช้านาน
ถวิล มังกรกูล หรือคุณยายถวิล วัย 82 ปี ที่ชาวบ้านแถบนี้ยกให้เป็นต้นตำรับและปรมาจารย์ในการทำงอบเล่าว่า ทำงอบขายมากว่า 70 ปี แล้ว ปัจจุบันแม้จะส่งต่อฝีมือให้ลูกหลานทำ แต่คุณยายก็ยังเย็บงอบขายทุกวัน เพราะสายตายังใช้การได้ดีอยู่ โดยวันหนึ่งๆคุณยายสามารถเย็บงอบแบบสบายๆได้จำนวน 4 ใบ
สำหรับงอบน้ำเชี่ยวนั้นมีลักษณะพิเศษตรงที่ ฝีมือประณีต ละเอียด ทำออกมาได้สวยงามสมส่วน โดยนอกจากจะมีรูปทรงแบบดั้งเดิมอย่างงอบทั่วๆไปแล้ว งอบน้ำเชี่ยวยังมีรูปทรงประยุกต์เพื่อให้ผู้สวมใส่ได้เลือกใช้เหมาะกับงาน หรือเพื่อความสวยงาม มี 5 ทรง ด้วยกัน คือ
ทรงกระทะคว่ำ เป็นทรงที่ชาวประมงนิยมใส่ออกหาปลา เป็นทรงอเนกประสงค์ที่ใช้กันแดดกันฝนทั่วๆไป
ทรงกระดองเต่า เป็นทรงปีกเว้าคล้ายกระดองเต่าทางด้านหน้า เหมาะสำหรับเกษตรกร ชาวนา เนื่องจากส่วนเว้าของหมวกทางด้านหน้าทำให้ผู้สวมใส่มองเห็นได้สะดวก
ทรงยอดแหลมหรือทรงหัวแหลม เป็นทรงกรวยหัวแหลมปากกว้าง เหมาะสำหรับชาวสวนชาวไร่ เพราะรูปทรงแหลมรี สามารถกันและระบายความร้อนได้ดี ทั้งยังมีด้านข้างที่กว้างพอประมาณทำให้สะดวกในการเคลื่อนไหว
ทรงสมเด็จ เป็นหมวกรูปทรงสวยงาม ออกแบบโดยกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านน้ำเชี่ยว เพื่อทูลเกล้าฯถวายแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(สมเด็จย่า) เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในจังหวัดตราด เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2524 ซึ่งสมเด็จย่าได้พระราชทานนามงอบทรงนี้ว่า “ทรงสมเด็จ”
ทรงกระโหลก เป็นทรงกลม คล้ายหมวกภาคสนามของทหาร มีขนาดพอดีกับศีรษะ ใส่แล้วกระชับไม่เกะกะ
และนั่นก็เป็นงอบน้ำเชี่ยว 5 ทรง ที่นอกจากจะทางผู้ผลิตจะทำออกมาไว้ใส่แล้ว ยังทำออกมาเป็นของประดับบ้านและของที่ระลึกให้ผู้สนใจได้เลือกซื้อเลือกหากันอีกด้วย
นอกจากนี้บ้านน้ำเชี่ยวยังมีผลิตภัณฑ์ชุมชนน่าสนใจอย่าง เรือจำลอง ขนมตังเมกรอบ สุรากลั่นชุมชน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นถือเป็นมนต์เสน่ห์แห่งบ้านน้ำเชี่ยวที่รอให้ผู้สนใจได้ไปสัมผัสเที่ยวชมกัน
*****************************************
บ้านน้ำเชี่ยว ตั้งอยู่ที่ ต.น้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ จ.ตราด ห่างจากตัวเมืองตราดประมาณ 8 กม. ที่บ้านน้ำเชี่ยวมีที่พักแบบโฮมสเตย์(พร้อมอาหารเช้า 1 มื้อ)ราคา 250 บาท/คน/คืน ไว้บริการสำหรับผู้สนใจ อีกทั้งยังมีโปรแกรมล่องเรือชมธรรมชาติป่าชายเลน-ตกปลาน้ำตื้น ซึ่งผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ งานพัฒนาการท่องเที่ยว เทศบาลบ้านน้ำเชี่ยว 0-3953-2959