ตราด - กรมประมงส่งเสริมให้ชาวประมงพื้นบ้าน 2 หมู่บ้านใน จ.ตราดร่วมโครงการ “การใช้ใบเรือเพื่อการประมง”
นายธีรยุทธ ศรีคุ้ม นักวิชาการการปะมง 6 ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก เผยว่า ทางสำนักวิจัยและพัฒนาประมงทะเล กรมประมง มอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ร่วมกับสำนักงานประมงจังหวัดตราด เลือกพื้นที่จังหวัดตราดำเนินการนำร่องในกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านใน 2 หมู่บ้าน
โครงการนี้เกิดขึ้นมาจากปัจจุบันปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรมประมงจึงมีแนวทางในการช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้แก่ชาวประมง โดยนำพลังงานทดแทนจากพลังงานลม ด้วยการนำใบเรือมาใช้ ด้วยการติดตั้งในเรือประมงพื้นบ้าน
ทั้งนี้ มอบให้สำนักวิจัยและพัฒนาประมงทะเลดำเนินการในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศเริ่มทดลองครั้งแรกที่จังหวัดพังงาซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จากนั้นศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จึงเลือกจังหวัดตราดนำร่องดำเนินการ เนื่องจากชาวประมงพื้นบ้านแสดงความสนใจ โดยปัจจุบันมีชาวประมงพื้นบ้านที่บ้านยายม่อม สนใจติดตั้งใช้ใบเรือในการทำประมงแล้ว 18 ราย นอกจากนี้ยังมีชาวประมงพื้นบ้านที่บ้านน้ำเชี่ยว สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 14 ราย กำลังอยู่ระหว่างการรอติดตั้งใบเรือ จากการสนับสนุนของกรมประมง
สำหรับใบเรือที่ส่งเสริมติดตั้งในเรือประมงพื้นบ้านมี 2 แบบ คือ แบบสามเหลี่ยมขนาดกว้าง 2.7 X 3.0 เมตร และแบบสี่เหลี่ยมคางหมู ขนาด 2.7 X 1.5 X 3.0 เมตร มีมูลค่าใบละหนึ่งพันบาทเศษ โดยมีรูปแบบการใช้งานใช้ร่วมกับเครื่องยนต์เรือหางยาว เมื่อออกสู่ทะเลจึงทำการกางใบใช้พลังงานลมแทนเครื่องยนต์
นายพิทักษ์ กอเซ็ม ชาวประมงพื้นบ้าน บ้านยายม่อม หมู่ที่ 1 อ.แหลมงอบ จ.ตราด ซึ่งเป็น 1 ในชาวประมงพื้นบ้าน 18 ราย ที่ร่วมโครงการนำร่องใช้ใบเรือเพื่อการประมง เผยว่า ปกติจะใช้เครื่องยนต์เรือหางยาวในการออกไปทำอาชีพประมงชายฝั่ง ทั้งวางลอบปลาเก๋า หรือลอบดักปู เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทดลองสมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าวกับกรมประมง ปรากฏว่าเมื่อทดลองติดตั้งใบเรือเข้ากับเรือประมงพื้นบ้านแล้ว สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ที่วันหนึ่งเคยจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 100 กว่าบาทต่อวัน แต่เมื่อใช้เรือใบออกทำประมงแล้วทำให้เสียค่าน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 50 บาทต่อวัน ทำให้ครอบครัวสามารถลดภาระในส่วนนี้ไปได้
อย่างไรก็ตาม อยากเชิญชวนชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่อื่นๆ เข้าร่วมโครงการนี้ซึ่งนอกจากประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยังสามารถช่วยลดพลังงานที่เพิ่มมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย