โดย : จุชดานิน
ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะพูดว่า เกิดมาเป็นคนในยุคนี้สมัยนี้แสนสบาย หลายๆอย่างก็คงจริงอย่างท่านว่า อย่างเช่นในเรื่องการคมนาคมการเดินทางที่แสนจะอำนวย ทั้งเรือ รถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน รถไฟฟ้า รถใต้ดิน สารพัด
และนั่นก็ทำให้ฉันสามารถบินลัดฟ้าจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบินของสายการบินไทยนั้น มาสู่ "นครคุนหมิง" เมืองแห่งธรรมชาติและนครแห่งเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่อีกแห่งของประเทศจีน ได้อย่างไม่ยากเย็นใช้เวลาไม่นานเพียงประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ
หลังมาถึงยังสนามบินนานาชาติคุนหมิง มณฑลยูนนานอย่างราบรื่นปลอดภัยหายห่วง ฉันและชาวคณะเดินตามทางมาเรื่อยๆจนมาหยุดกันอยู่หน้าสายพายรอกระเป๋าที่โหลดลงท้องเครื่องทยอยเลื่อนมาตามสายพาน รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอรอจนสายพานหยุดวิ่ง อ้าว...แล้วกระเป๋าของฉันล่ะ หน้าตาเอ๋ออ๋าของฉันและของชาวคณะอีกหลายคนหันมองหน้ากันไปมาอย่างงง!!
จนในที่สุดไกด์ของเรา ซึ่งก็ออกอาการอึ้งทึ่งที่กระเป๋าสัมภาระของตนเองและลูกทัวร์ไม่มา ก็ได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ของสนามบินที่เกือบ 100% พูดได้แต่ภาษาจีนเท่านั้น จนได้ความว่ากระเป๋าของพวกเรา 10 กว่าคนรวมทั้งของคณะอื่นที่โดยสารมากับเครื่องบินลำเดียวกันนั้น ยังคงนอนรออยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และคงจะตามมาในช่วงเย็นของวันถัดไป
ฉันได้ฟังก็โล่งใจ ที่กระเป๋าใบยักษ์ของฉันไม่แอบหนีไปเที่ยวที่ยุโรปหรือแอฟริกาซะก่อน ไม่เช่นนั้นเป็นอันเลิกคบกันตัดหางปล่อยวัดเป็นแน่ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นสักทีเดียว เพราะเมื่อฉันและชาวคณะเดินพ้นประตูอาคารสนามบินเท่านั้น ขนแขนสะแตนอัพทันที โอ้โห..หนาวเข้าขั้วหัวใจ เนื่องจากแต่ละคนใส่เสื้อยืดบางๆตามประสาอากาศเมืองไทยกันไป อุปกรณ์กันหนาวทั้งหลายอยู่ในกระเป๋าใบยักษ์กันหมด
ก็เป็นอันว่า อันดับแรกคือพวกเราต้องไปทำเรื่องขอเคลมกระเป๋ากันที่สำนักงานการบินไทยที่คุนหมิง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากนั้นไกด์ก็พาพวกเราไปช้อปปิ้งยังตลาดคล้ายประตูน้ำบ้านเราเพื่อหาอุปกรณ์ยังชีพชั่วคราว อาทิ เสื้อผ้ากันหนาว ลองจอห์น ถุงมือ ถุงเท้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ครีมทาผิว ก็จำเป็นเพราะที่นี่อากาศค่อนข้างแห้ง สรุปว่าช้อปกันอย่างสนุกสนามเมามันเสียจนลืมเรื่องกระเป๋ากันไปเลย
เมื่ออุ่นใจกับข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นแล้ว ไกด์ก็ต้อนพวกเราขึ้นรถชมเมืองคุนหมิง ตึกรามบ้านช่องที่นี่สูงใหญ่สมเป็นเมืองจริงๆ นอกจากนั้นถ้าเป็นช่วงเวลาเลิกงานหรือเวลาเข้างาน รถก็ติดไม่แพ้กรุงเทพฯเลยทีเดียว รวมถึงลักษณะนิสัยของคนที่นี่ก็จะเร่งรีบไปเสียทุกอย่าง ทั้งการขับรถการข้ามถนนแทบจะไม่มีระเบียบใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นใครที่มาเที่ยวที่คุนหมิงแห่งนี้ก็ต้องระมัดระวังตัวเอง
และที่สำคัญที่สุด ก็คงเป็นภาษาที่สื่อสารกันได้ยากเย็นแสนเข็น เพราะคนที่นี่เขาพูดแต่ภาษาจีนไม่พูดภาษาไทยหรือแม้แต่ภาษาอังกฤษเลย ซึ่งไกด์ชาวจีนของเราอีกคนหนึ่งบอกว่า คงเป็นเพราะการเปิดประเทศทำให้จีนรับเอาความเจริญทางด้านต่างๆเข้ามามากดังที่เราเห็นคืออาคารบ้านเรือน ถนนหนทาง แต่ตัวบุคคลยังพัฒนาตามไม่ทัน
สำหรับเรื่องความเจริญนั้น ฉันได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ สุรพันธุ์ บุณยมานพ กงสุลใหญ่แห่งสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครคุนหมิง ซึ่งท่านได้เล่าว่า นครคุนหมิงเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้คุนหมิงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามามาก ด้านหนึ่งคงเป็นเพราะการคมนาคมที่สะดวก ในขณะเดียวกันคนยูนนานก็ไปท่องเที่ยวที่ประเทศของเราเช่นกัน
แต่ท่านทูตบอกว่าปัญหาของคนยูนนานคือเขาต้องเดินทางโดยสายการบินอย่างเดียว ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูง แต่ต่อไปถ้าเรามีเส้นทางคมนาคม หรือเส้นทาง R3 แล้ว คนจีนจะไปท่องเที่ยวประเทศไทยทางตอนเหนือได้ หรือคนไทยก็จะไปยังตอนใต้ของจีนได้โดยใช้รถยนต์ ฟังดูแล้วก็น่าจะสะดวกสบายไม่น้อยเชียวหละ
นอกจากนี้ในอนาคตจะมีการทดลองวิ่งรถชัตเตอร์บัสระหว่างกัน ระหว่างจีนก๋งของสิบสองปันนากับเชียงรายของไทย และยังมีโครงการของทางจีนและไทยที่จะดำเนินการร่วมกัน โดยส่งคาราวานรถยนต์เป็นร้อยคันเดินทางจากยูนนานลงไปในประเทศไทย และทางไทยจะจัดรถยนต์เดินทางจากทางภาคเหนือของไทยขึ้นไปยังเมืองท่องเที่ยวของยูนานที่ลี่เจียง หรือต้าลี่อีกด้วยด้วย
ท่านทูตยังบอกอีกว่าประเทศไทยเราได้เปรียบ เพราะมีจุดท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนมากก็คือ สถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล เนื่องจากมณฑลยูนนานไม่มีทางออกติดกับทะเล คนที่นี่เห็นแต่ภูเขาอยู่ตลอด ดังนั้นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทยที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นพัทยา หัวหิน หรือภูเก็ต ก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนจีนประสงค์จะไปท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจุดท่องเที่ยวจุดหนึ่งที่เขาคิดว่าไปสะดวกและไม่สิ้นเปลืองมากคือประเทศไทยนั้นเอง
ฟังแล้วดูเหมือนความสัมพันธ์อันดีของทั้ง2ประเทศจะเจริญรุกหน้าไปอีกยาวนาน เศรษฐกิจของประเทศเราก็จะได้กระเตื้องขึ้นด้วย นอกจากนี้ฉันยังได้รู้ว่าประเทศไทยของเราก็เล็งการไกลเอาไว้แล้วโดยการยึดนครคุนหมิงที่มั่น ตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทยซะเลย โดยความร่วมมือกันระหว่างบริษัทเอกชนไทยและจีน ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลไทย กระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาลของจีน ด้วยเงินทุนการก่อสร้างกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งมีช่องทางการกระจายสินค้าหลากหลายช่องทาง ทั้งระบบค้าส่งที่ทันสมัยและค้าปลีกที่กระจายคลอบคลุมเข้าในพื้นที่ต่างๆของจีน
โดย อำภา เจียรเกียรติกุล ผู้บริหารศูนย์กระจายสินค้าไทยมหานครคุนหมิง และบริษัท บัวหิมะ จำกัด ผู้ร่วมคณะ บอกว่า ศูนย์กระจายสินค้าไทยในนครคุนหมิงนี้ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางที่อยู่ใจกลางเมืองของนครคุนหมิงและถือว่าเป็นแหล่งธุรกิจอันดับที่ 8 ของประเทศจีนที่สามารถกระจายสินค้าไทยไปสู่ประเทศต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบ One Stop Service ที่จะดูแลในเรื่องการวางระบบการขนส่งในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำหรือทางอากาศ และคาดว่าจะมีการเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2551 นี้
ต่อไปไม่ใช่แต่จะมีสินค้าจีนมาระบาดในเมืองไทยอย่างที่ผ่านๆมาเท่านั้น แต่สินค้า Made in Thailand จะโกอินเตอร์ จะไประบาดกวาดตลาดที่จีนบ้างหละ ถือเป็นการช่วยเศรษฐกิจนำเงินตราเข้าประเทศและยังสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยติดตลาดโลกอีกด้วย...ดีจริงๆ
หลังจากชื่นใจกับอนาคตที่ดูสดใสและความสัมพันธ์อันดีของประเทศเราและจีนแล้ว รวมถึงได้เห็นถึงลักษณะพฤติกรรมการดำเนินชีวิตคร่าวๆจากการนั่งรถชมเมืองแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการไหว้พระขอพร ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมของคนไทยที่ผูกพันกับศาสนาอย่างแน่นแฟ้น แม้จะอยู่ในต่างแดนก็ตาม
ไกด์บอกกับพวกเราว่า วัดที่เรากำลังจะไปเป็นวัดซึ่งตั้งอยู่ในเมือง เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมณฑลยูนนาน และเป็นวัดเดียวในจีนที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองของประเทศไทยไว้ ช่างน่าภาคภูมิใจยิ่งนักสำหรับชาวพุทธศาสนิกชนไทย ครั้งนี้ฉันยกเอารูปวัดแห่งนี้มาให้ชมเรียกน้ำย่อยก่อน เรื่องราวของวัดแห่งนี้จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ในตอนต่อไป...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"คุนหมิง" เป็นเมืองเอกในมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีภูเขาล้อมรอบตัวเมือง 3 ด้าน มีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นคือวัดวาอารามและป่าหินอันโด่งดัง
สำหรับอัตราค่าเงินในเมืองจีนใช้เงินสกุลหยวน โดย 1 หยวนประมาณ 5 บาท เวลาที่จีนเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะพูดว่า เกิดมาเป็นคนในยุคนี้สมัยนี้แสนสบาย หลายๆอย่างก็คงจริงอย่างท่านว่า อย่างเช่นในเรื่องการคมนาคมการเดินทางที่แสนจะอำนวย ทั้งเรือ รถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน รถไฟฟ้า รถใต้ดิน สารพัด
และนั่นก็ทำให้ฉันสามารถบินลัดฟ้าจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบินของสายการบินไทยนั้น มาสู่ "นครคุนหมิง" เมืองแห่งธรรมชาติและนครแห่งเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่อีกแห่งของประเทศจีน ได้อย่างไม่ยากเย็นใช้เวลาไม่นานเพียงประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ
หลังมาถึงยังสนามบินนานาชาติคุนหมิง มณฑลยูนนานอย่างราบรื่นปลอดภัยหายห่วง ฉันและชาวคณะเดินตามทางมาเรื่อยๆจนมาหยุดกันอยู่หน้าสายพายรอกระเป๋าที่โหลดลงท้องเครื่องทยอยเลื่อนมาตามสายพาน รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอรอจนสายพานหยุดวิ่ง อ้าว...แล้วกระเป๋าของฉันล่ะ หน้าตาเอ๋ออ๋าของฉันและของชาวคณะอีกหลายคนหันมองหน้ากันไปมาอย่างงง!!
จนในที่สุดไกด์ของเรา ซึ่งก็ออกอาการอึ้งทึ่งที่กระเป๋าสัมภาระของตนเองและลูกทัวร์ไม่มา ก็ได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ของสนามบินที่เกือบ 100% พูดได้แต่ภาษาจีนเท่านั้น จนได้ความว่ากระเป๋าของพวกเรา 10 กว่าคนรวมทั้งของคณะอื่นที่โดยสารมากับเครื่องบินลำเดียวกันนั้น ยังคงนอนรออยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และคงจะตามมาในช่วงเย็นของวันถัดไป
ฉันได้ฟังก็โล่งใจ ที่กระเป๋าใบยักษ์ของฉันไม่แอบหนีไปเที่ยวที่ยุโรปหรือแอฟริกาซะก่อน ไม่เช่นนั้นเป็นอันเลิกคบกันตัดหางปล่อยวัดเป็นแน่ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นสักทีเดียว เพราะเมื่อฉันและชาวคณะเดินพ้นประตูอาคารสนามบินเท่านั้น ขนแขนสะแตนอัพทันที โอ้โห..หนาวเข้าขั้วหัวใจ เนื่องจากแต่ละคนใส่เสื้อยืดบางๆตามประสาอากาศเมืองไทยกันไป อุปกรณ์กันหนาวทั้งหลายอยู่ในกระเป๋าใบยักษ์กันหมด
ก็เป็นอันว่า อันดับแรกคือพวกเราต้องไปทำเรื่องขอเคลมกระเป๋ากันที่สำนักงานการบินไทยที่คุนหมิง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากนั้นไกด์ก็พาพวกเราไปช้อปปิ้งยังตลาดคล้ายประตูน้ำบ้านเราเพื่อหาอุปกรณ์ยังชีพชั่วคราว อาทิ เสื้อผ้ากันหนาว ลองจอห์น ถุงมือ ถุงเท้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ครีมทาผิว ก็จำเป็นเพราะที่นี่อากาศค่อนข้างแห้ง สรุปว่าช้อปกันอย่างสนุกสนามเมามันเสียจนลืมเรื่องกระเป๋ากันไปเลย
เมื่ออุ่นใจกับข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นแล้ว ไกด์ก็ต้อนพวกเราขึ้นรถชมเมืองคุนหมิง ตึกรามบ้านช่องที่นี่สูงใหญ่สมเป็นเมืองจริงๆ นอกจากนั้นถ้าเป็นช่วงเวลาเลิกงานหรือเวลาเข้างาน รถก็ติดไม่แพ้กรุงเทพฯเลยทีเดียว รวมถึงลักษณะนิสัยของคนที่นี่ก็จะเร่งรีบไปเสียทุกอย่าง ทั้งการขับรถการข้ามถนนแทบจะไม่มีระเบียบใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นใครที่มาเที่ยวที่คุนหมิงแห่งนี้ก็ต้องระมัดระวังตัวเอง
และที่สำคัญที่สุด ก็คงเป็นภาษาที่สื่อสารกันได้ยากเย็นแสนเข็น เพราะคนที่นี่เขาพูดแต่ภาษาจีนไม่พูดภาษาไทยหรือแม้แต่ภาษาอังกฤษเลย ซึ่งไกด์ชาวจีนของเราอีกคนหนึ่งบอกว่า คงเป็นเพราะการเปิดประเทศทำให้จีนรับเอาความเจริญทางด้านต่างๆเข้ามามากดังที่เราเห็นคืออาคารบ้านเรือน ถนนหนทาง แต่ตัวบุคคลยังพัฒนาตามไม่ทัน
สำหรับเรื่องความเจริญนั้น ฉันได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ สุรพันธุ์ บุณยมานพ กงสุลใหญ่แห่งสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครคุนหมิง ซึ่งท่านได้เล่าว่า นครคุนหมิงเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้คุนหมิงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามามาก ด้านหนึ่งคงเป็นเพราะการคมนาคมที่สะดวก ในขณะเดียวกันคนยูนนานก็ไปท่องเที่ยวที่ประเทศของเราเช่นกัน
แต่ท่านทูตบอกว่าปัญหาของคนยูนนานคือเขาต้องเดินทางโดยสายการบินอย่างเดียว ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูง แต่ต่อไปถ้าเรามีเส้นทางคมนาคม หรือเส้นทาง R3 แล้ว คนจีนจะไปท่องเที่ยวประเทศไทยทางตอนเหนือได้ หรือคนไทยก็จะไปยังตอนใต้ของจีนได้โดยใช้รถยนต์ ฟังดูแล้วก็น่าจะสะดวกสบายไม่น้อยเชียวหละ
นอกจากนี้ในอนาคตจะมีการทดลองวิ่งรถชัตเตอร์บัสระหว่างกัน ระหว่างจีนก๋งของสิบสองปันนากับเชียงรายของไทย และยังมีโครงการของทางจีนและไทยที่จะดำเนินการร่วมกัน โดยส่งคาราวานรถยนต์เป็นร้อยคันเดินทางจากยูนนานลงไปในประเทศไทย และทางไทยจะจัดรถยนต์เดินทางจากทางภาคเหนือของไทยขึ้นไปยังเมืองท่องเที่ยวของยูนานที่ลี่เจียง หรือต้าลี่อีกด้วยด้วย
ท่านทูตยังบอกอีกว่าประเทศไทยเราได้เปรียบ เพราะมีจุดท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนมากก็คือ สถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล เนื่องจากมณฑลยูนนานไม่มีทางออกติดกับทะเล คนที่นี่เห็นแต่ภูเขาอยู่ตลอด ดังนั้นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทยที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นพัทยา หัวหิน หรือภูเก็ต ก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนจีนประสงค์จะไปท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจุดท่องเที่ยวจุดหนึ่งที่เขาคิดว่าไปสะดวกและไม่สิ้นเปลืองมากคือประเทศไทยนั้นเอง
ฟังแล้วดูเหมือนความสัมพันธ์อันดีของทั้ง2ประเทศจะเจริญรุกหน้าไปอีกยาวนาน เศรษฐกิจของประเทศเราก็จะได้กระเตื้องขึ้นด้วย นอกจากนี้ฉันยังได้รู้ว่าประเทศไทยของเราก็เล็งการไกลเอาไว้แล้วโดยการยึดนครคุนหมิงที่มั่น ตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทยซะเลย โดยความร่วมมือกันระหว่างบริษัทเอกชนไทยและจีน ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลไทย กระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาลของจีน ด้วยเงินทุนการก่อสร้างกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งมีช่องทางการกระจายสินค้าหลากหลายช่องทาง ทั้งระบบค้าส่งที่ทันสมัยและค้าปลีกที่กระจายคลอบคลุมเข้าในพื้นที่ต่างๆของจีน
โดย อำภา เจียรเกียรติกุล ผู้บริหารศูนย์กระจายสินค้าไทยมหานครคุนหมิง และบริษัท บัวหิมะ จำกัด ผู้ร่วมคณะ บอกว่า ศูนย์กระจายสินค้าไทยในนครคุนหมิงนี้ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางที่อยู่ใจกลางเมืองของนครคุนหมิงและถือว่าเป็นแหล่งธุรกิจอันดับที่ 8 ของประเทศจีนที่สามารถกระจายสินค้าไทยไปสู่ประเทศต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบ One Stop Service ที่จะดูแลในเรื่องการวางระบบการขนส่งในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำหรือทางอากาศ และคาดว่าจะมีการเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2551 นี้
ต่อไปไม่ใช่แต่จะมีสินค้าจีนมาระบาดในเมืองไทยอย่างที่ผ่านๆมาเท่านั้น แต่สินค้า Made in Thailand จะโกอินเตอร์ จะไประบาดกวาดตลาดที่จีนบ้างหละ ถือเป็นการช่วยเศรษฐกิจนำเงินตราเข้าประเทศและยังสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยติดตลาดโลกอีกด้วย...ดีจริงๆ
หลังจากชื่นใจกับอนาคตที่ดูสดใสและความสัมพันธ์อันดีของประเทศเราและจีนแล้ว รวมถึงได้เห็นถึงลักษณะพฤติกรรมการดำเนินชีวิตคร่าวๆจากการนั่งรถชมเมืองแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการไหว้พระขอพร ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมของคนไทยที่ผูกพันกับศาสนาอย่างแน่นแฟ้น แม้จะอยู่ในต่างแดนก็ตาม
ไกด์บอกกับพวกเราว่า วัดที่เรากำลังจะไปเป็นวัดซึ่งตั้งอยู่ในเมือง เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมณฑลยูนนาน และเป็นวัดเดียวในจีนที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองของประเทศไทยไว้ ช่างน่าภาคภูมิใจยิ่งนักสำหรับชาวพุทธศาสนิกชนไทย ครั้งนี้ฉันยกเอารูปวัดแห่งนี้มาให้ชมเรียกน้ำย่อยก่อน เรื่องราวของวัดแห่งนี้จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ในตอนต่อไป...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"คุนหมิง" เป็นเมืองเอกในมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีภูเขาล้อมรอบตัวเมือง 3 ด้าน มีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นคือวัดวาอารามและป่าหินอันโด่งดัง
สำหรับอัตราค่าเงินในเมืองจีนใช้เงินสกุลหยวน โดย 1 หยวนประมาณ 5 บาท เวลาที่จีนเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง