นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาวานนี้ (7.ก.พ.51) ว่า เป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2551 นี้ จะเน้นนโยบายท่องเที่ยวเน้นคุณค่าและคุ้มค่า
โดยตลาดในประเทศไทยจะเน้นปลุกจิตสำนึกที่ดีด้านท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพ เน้นเรื่องด้านความจงรักภักดี โดยให้ความสำคัญกับแหล่งท่องเที่ยวตามแนวพระราชดำริ ด้านเป้าหมายและวิสัยทัศน์การท่องเที่ยว
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า จะต้องแบ่งเป็น 2 มิติ คือ “มิติด้านคุณค่า” คือการสร้างให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในความเป็นเจ้าของแหล่งท่องเที่ยวประทับใจเมืองไทย ให้คนไทยท่องเที่ยวไทย เพื่อกระตุ้นตลาดภายในประเทศ
ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้และแลกเปลี่ยน สร้างทักษะในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว ส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาช่วยสร้างคุณค่าด้านการท่องเที่ยว เร่งฟื้นฟูปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรม เน้นการท่องเที่ยวที่สะดวก สะอาด ปลอดภัย เข้าใจเอกลักษณ์
“มิติด้านมูลค่า” คือการเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพมากกว่าปริมาณ ให้การท่องเที่ยวกระจายตัวไปยังชุมชนมากขึ้น พัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ Long Stay ให้เป็นระดับ World class ส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศในประเทศไทย สนับสนุนให้มีธนาคารท่องเที่ยวเพื่อสนับสนุน SME ด้านการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ จากการประเมินข้อมูลการตลาดเบื้องต้นปีนี้ รายได้ท่องเที่ยวโดยรวม คาดว่าจะผลักดันให้ได้ 8 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ตั้งไว้ 6 แสนล้านบาท นักท่องเที่ยว15 ล้านคน เน้นนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รัสเซีย จีน อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่ มีเศรษฐีเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะต้องทำการตลาดเจาะกลุ่มนี้มากขึ้นขณะเดียวกัน จะผลักดันให้เพิ่มระยะเวลาช่วง “ไฮซีซัน”หรือช่วงฤดูการท่องเที่ยวให้ยาวนานขึ้นอีกด้วย
“สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ การลงทุนด้านท่องเที่ยวเพื่อสร้างโครงการท่องเที่ยวขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจตด้านท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและรับฟังความเห็นหน่วยงานในกระทรวงและเอกชน เพื่อผลักดันให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อเสนอเป็นนโยบายรัฐบาล
นายวีระศักดิ์กล่าวอีกว่า นโยบายที่จะผลักดันอีก คือ พัฒนาสินค้าสินค้าท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นมนุษย์สร้างขึ้น แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อรองรับตลาดนานาชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ภายใน 30 วัน และเมืองท่องเที่ยวหลักใน 15 วัน เพื่อวิเคราะห์ว่านี้ ยังต้องผลักดันให้มีเทศกาลท่องเที่ยว World class ด้วย เพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในปฏิทินการท่องเที่ยวของโลก
นายวีระศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนคดีสินบนบางกอกฟิล์ม ซึ่งเกี่ยวข้องกับอดีต ผู้บริหารระดับสูงของ ททท.โดยตนจะขอดูข้อมูลสัญญาที่รวบรวมข้อมูลโดยคณะทำงานของ ททท. ละเอียด และจะสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนที่มีนายนัที เปรมรัศมี รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)เป็นประธานเพื่อประสานงานกับกองสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.
“ขอยืนยันว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในคดีดังกล่าว แต่จะประสานและเร่งรัดให้คดีดังกล่าวยุติและได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพราะกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์ของประเทศ”นายวีระศักดิ์กล่าว