xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวสวนผึ้งขึ้นเขากระโจม นอนนับดาว เฝ้าชมตะวัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยลพระอาทิตย์ดวงโตลาลับขอบฟ้าบนยอดเขากระโจม
อากาศเย็นๆแบบนี้มิตรรักนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนคงมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปเที่ยวป่าเขาดงดอย เพื่อสัมผัสบรรยากาศความหนาวเย็นให้ชุ่มปอดชื่นหัวใจ แต่จะว่าไปสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่อวลไปด้วยบรรยากาศความหนาวและความสวยงามนั้น ไม่ได้มีแค่ที่ภาคเหนือหรือภาคอีสาน หากแต่ในจังหวัดภาคกลางใกล้กรุงฯ อย่างกาญจนบุรี สระบุรี เพชรบุรี ก็มีป่าเขาให้ผู้รักธรรมชาติได้ไปสัมผัสความงามและความหนาวเย็นด้วยเช่นกัน
บรรยากาศยอดเขากระโจม สุดเขตประเทศไทยภาคตะวันตกในจังหวัดราชบุรี
และนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลจากกรุงเทพฯเท่าไหร่ หากแต่ว่ากลับมีบรรยากาศแห่งธรรมชาติ ป่าเขา ท้องฟ้า สายหมอก และอากาศอันเย็นสะท้านทรวงไม่แพ้ป่าเขาทางภาคเหนือหรือภาคอีสานเลยทีเดียว สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ว่าก็คือที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นั่นเอง

ด้วยเวลาไม่นานเพียงประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจากกรุงเทพฯ เราก็มาถึงยังอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี อำเภอชายแดนไทย-พม่าที่ในสายตาของคนส่วนใหญ่มักจะมองพื้นที่นี้ว่าเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและปัญหาของชนกลุ่มน้อย แต่ว่าหากใครได้เดินทางไปสัมผัสกับอำเภอสวนผึ้งแล้วก็จะรู้ว่าเมืองเล็กๆแห่งนี้ดูแสนจะอบอุ่นเต็มไปด้วยไมตรีจิต และทรัพยากรทางธรรมชาติอันสมบูรณ์ ทั้งลำธาร น้ำตก และป่าเขาลำเนาไพร
บรรยากาศยามเย็นบนผืนป่าเขากระโจม
โดยเฉพาะบนยอดเขากระโจม ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาของเทือกเขาตะนาวศรี ยังมีความโรแมนติกอย่างเหลือเชื่ออีกด้วย ถ้าอยากรู้ว่าโรแมนติกอย่างไร ก็ลองตามกันมาลุยสวนผึ้งขึ้นเขากระโจมกันเลย แต่ก่อนจะไต่ขึ้นเขาพวกเราต้องเปลี่ยนจากรถตู้ที่นั่งมาอย่างสบายอุรา มานั่งรถขับเครื่องสี่ล้อเพื่อพาพวกเราขึ้นสู่ยอดเขากระโจม

และก่อนจะขึ้นไปค้างแรมบนเขากระโจมแห่งนี้ พวกเราต้องอาบน้ำอาบท่ากันก่อน เพราะข้างบนไม่มีน้ำ ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีไฟฟ้ามีเพียงแผงโซล่าเซลล์ และฐานของเจ้าหน้าที่ตชด.เท่านั้น ส่วนการอาบน้ำของพวกเราก็ต้องเป็นไปอย่างเร่งรีบ เพราะเกรงว่าหากช้าไปกว่านี้จะขึ้นไปไม่ทันดูพระอาทิตย์ลาลับขอบเขายามเย็น
บรรยากาศยามพระอาทิตย์ขึ้น
เมื่ออาบน้ำพอสะอาดสะอ้านพวกเราก็รีบขึ้นรถ แล้วบึ่งตรงสู่ทางขึ้นเขากระโจมอย่างตื่นเต้น ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขาในช่วงแรกจะเป็นทางลาดยางช่วงสั้นๆ จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของรถจอมลุยและพี่คนขับที่เชี่ยวชาญอ่านลายทางขับซ้ายทีขวาทีเลี่ยงหลุมเลี่ยงบ่อ หากมาถึงทางชันมากหน่อยพวกเราก็แอบกลั้นหายใจทำตัวให้เบาที่สุดช่วยพี่คนขับกันไปอย่างสนุกสนาน เมื่อรถคันที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” นั่งมาผ่านแอ่งน้ำมาได้ ก็หยุดดูคันต่อไปว่าจะผ่านมาได้หรือไม่ รถบางคันเตี้ยหน่อยเวลาผ่านแอ่งน้ำที น้ำขึ้นไปถึงไฟเลยก็มี

แม้การเดินทางจะค่อนข้างลำบาก แต่ก็ผสมไปด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้นตลอดทาง รวมถึงแมกไม้สองข้างทางก็ดูร่มรื่น ต้นไม้บางต้นสูงชะลูดแผ่กิ่งก้านด้านบน แม้จะไม่มีใบเลยแต่ก็ดูสวยงามด้วยสีน้ำตาลดำของต้นตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า เมื่อพวกเราเข้าคอร์สย่อยอาหารแบบกระเด้งกระโดดมาประมาณ 40-50 นาที ก็มาถึงยังจุดหมายยอดเขากระโจมอย่างอ่อนแรงแต่ไม่อ่อนใจ

“สุดเขตประเทศไทย ภาคตะวันตก” ป้ายเบื้องหน้าที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” แลเห็นเมื่อขึ้นมาถึงยังยอดเขากระโจม เบื้องหลังของป้ายเป็นภาพทิวเขาของฝั่งประเทศพม่าที่ดูสงบนิ่งร่มรื่น ผิดกับข่าวคราวการสู้รบที่เคยได้ยินมาเมื่อสมัยก่อนๆ

เต็นท์น้อยใหญ่ตั้งอยู่เรียงรายบนยอดเขา พวกเราทยอยเก็บสัมภารกเข้าเต็นท์แล้วเตรียมตัวตั้งกล้องรอชมความงามของพระอาทิตย์ยามลาลับขอบเขา สีท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีฟ้ามาเป็นสีส้มแดง ความสว่างที่มีอยู่ค่อยๆเลือนหายไป พวกเราพากันโพสต์ท่าคู่กับบรรยากาศบ้าง เก็บรูปพระอาทิตย์อัสดงคู่ขอบเขาบ้างจนพระอาทิตย์ลาลับวันนี้ไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากแสงแห่งวันหมดไป ก็ได้เวลาหม่ำข้าวที่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ ตชด. ช่วยกันทำ ข้าวที่หุงในกระบอกไม้ไผ่ช่างหอมชวนกิน ไข่ตุ๋นที่ตุ๋นในกระบอกไม้ไผ่ก็ติดกลิ่นและรสของไม้ไผ่หอมอร่อยกว่าที่เคยกินมา และยังมีแกงในกระบอกไม้ไผ่ ผัดผัก พร้อมทั้งบรรยากาศความหนาวเย็นที่เริ่มกระทบผิวกายมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มื้อนี้พวกเราเจริญอาหารกันมากเป็นพิเศษ

เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้วก็เป็นเวลาของการพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนที่จะถึงเวลาของการส่องสัตว์ยามค่ำคืน พวกเรามารวมตัวกันที่รถ 3 ทุ่มตรงตามที่นัดกันไว้ พร้อมอุปกรณ์ประทังชีวิตคือเสื้อผ้ากันหนาว เพราะตอนนี้อากาศเย็นลงมาก รวมถึงสายลมที่โชยพัดมาทำให้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ได้สั่นเป็นระยะๆ และอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เราทุกคนต้องมีคือไฟฉาย เพราะแสงไฟจากแผ่นโซล่าเซลล์พวกเราได้ใช้ไปหมดแล้วตอนกินอาหารเย็น

รถคันเดิม กับทางทางเดิม แต่เป็นเวลาค่ำคืนที่ไม่มืดสักเท่าไร เนื่องจากเป็นคืนเดือนหงาย เจ้าหน้าที่ส่องไฟบอกกับพวกเราว่าสัตว์ที่พบบ่อยก็จะเป็นพวกกวาง เก้ง นกที่หากินกลางคืน แต่ตลอดระยะเวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง พวกเราไม่เจอกับสัตว์ชนิดใดเลย ซึ่งก็ถือว่าน่าแปลก แต่อาจเป็นเพราะคืนนี้ดวงจันทร์ทอแสงเกือบจะเต็มดวงก็เป็นได้

ถึงจะน่าเสียดายแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะหลังจากกิจกรรมส่องสัตว์ คือการนอนนับดาว “ผู้จัดการท่องเที่ยว” และเพื่อนๆ นั่งบ้าง นอนบ้างดูดาวที่เปล่งประกายบนท้องฟ้า แม้จะเป็นคืนเดือนหงายแต่ดวงดาวก็ยังคงส่องสว่างให้พวกเรานับเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่ความหนาวเย็นและความเหนื่อยล้าจะทำให้พวกเราแยกย้ายกันกลับเต็นท์ซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่นๆ หลับอย่างสบายตลอดทั้งคืน
น้ำตกผาแดง หินดินสีส้มแดงสมชื่อ
เช้าวันใหม่....

พวกเราพากันตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเช้าที่มืดจริงๆ เพราะพระอาทิตย์ยังไม่ตื่นขึ้นทอแสงให้พวกเรากดชัตเตอร์กันเลย ดูเหมือนว่าเช้านี้จะมีหมอกหนาไปหน่อย ทำให้พวกเราไม่สามารถเห็นพระอาทิตย์โผล่พ้นเทือกเขาขึ้นมายามเช้าได้อย่างชัดเจน พวกเราจึงพากันมานั่งจิบกาแฟยามเช้าเคล้าบรรยากาศยอดเขาอย่างสบายอารมณ์แทน ก่อนที่จะเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง
 กล้วยไม้แสนสวยหลากหลายชนิดในเรือนกล้วยไม้สวนผึ้งออร์คิด
ระหว่างทางกลับ เราแวะ “น้ำตกผาแดง” เราเดินเข้าไปจากทางรถวิ่งเพียง 200 เมตร ก็เจอกับน้ำตกที่มีสีแดงส้มของหินและดินสมชื่อ แม้ฤดูนี้น้ำจะน้อยสักหน่อยไม่สวยเท่าในฤดูฝน แต่ก็ยังมีผู้คนแวะเวียนมาเที่ยวชมน้ำตกแห่งนี้ให้เห็นกันบ้าง

เมื่อลงจากเขาแล้ว พวกเราก็ไปต่ออารมณ์แมกไม้ชมกล้วยไม้สวยๆกันที่ “สวนผึ้งออร์คิด” ตั้งอยู่ที่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ที่สวนผึ้งออร์คิดแห่งนี้มีกล้วยไม้แวนด้ามากมายหลายชนิด ทั้งแบบที่มีกลิ่นหอมและไม่มีกลิ่น ซึ่งแวนด้าทั้งหมดนั้นได้มาจากการผสมเกสร โดยดึงเกสรของแต่ละตัวมาผสมกันจะได้ผลลัพธ์ที่หลากหลาย บางดอกมีหลายสีในหนึ่งเดียวก็มี
บ่อแช่น้ำร้อนที่มีน้ำอุ่นๆแบบสบายๆเหมาะกับทุกเพศทุกวัย
พวกเราเดินชมกล้วยไม้นานาพันธุ์ภายในเรือนกล้วยไม้ และเอาใบหน้าอันงด(ซึ่งความ)งามไปถ่ายคู่กับดอกกล้วยไม้แสนสวย ก็แทบไม่น่าเชื่อ..ทุกคนดูสวยหล่อขึ้นมาผิดตาเลยทีเดียว และหากใครชอบต้นไหน ถูกชะตากับดอกไหนก็สอบถามราคาและวิธีเลี้ยงกันได้แบบกันเองๆ
การสาธิตการหาแร่ดีบุกของเด็กน้อยชาวเขา
จากสวนผึ้งออร์คิด พวกเราไปต่อยัง “ธารน้ำร้อนบ่อคลึง” ธารน้ำร้อนบริสุทธิ์จากเทือกเขาตะนาวศรี ตั้งอยู่ที่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ธารน้ำร้อนแห่งนี้มีต้นน้ำคือตาน้ำเล็กๆผุดออกมาจากใต้ดิน มีก้อนหินน้อยใหญ่เรียงรายตามร่องน้ำตลอดทางประมาณ 150 ม. ความร้อนสูงสุดที่ตาน้ำประมาณ 60 องศาเซลเซียส แต่กว่าจะไหลมาถึงบ่อแช่น้ำก็เหลือความร้อนแบบสบายๆประมาณ 40 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งความร้อนขนาดนี้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี และยังทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอีกด้วย

หลังจากผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่อ่อนล้ามาจากการลุยเขากระโจมกันแล้ว พวกเราก็ไปต่อยังสถานที่สุดท้ายท้ายสุดในอำเภอสวนผึ้งกันที่ "อุทยานธรรมชาติวิทยาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ" ซึ่งตั้งอยู่ติดๆกันกับธารน้ำร้อนบ่อคลึง

ที่นี่เราสามารถศึกษาหาความรู้ของธรรมชาติบริเวณนี้ได้ ตั้งแต่ในสมัยโบราณ จนมาถึงปัจจุบัน ธารน้ำร้อนบ่อคลึงเกิดได้อย่างไร เราก็สามารถศึกษาได้จากที่อุทยานธรรมชาติฯแห่งนี้ โดยจัดเป็นรูปแบบของนิทรรศการทั้งชั้นดิน ชนิดหิน สัตว์ป่า พันธุ์พืช ที่ให้ทั้งข้อมูลและภาพประกอบเพื่อง่ายต่อความเข้าใจ นอกจากนี้ยังมีการจัดสวนสมุนไพร เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ การสาธิตการทำเหมืองแร่ดีบุกของเด็กๆชาวเขาให้พวกเราได้ศึกษากันเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น

และแล้วการเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ของพวกเราก็จบลงอย่างสนุกสนานสำราญใจ ซึ่งถึงแม้จะมีเวลาไม่มากมายแต่พวกเราก็สามารถเที่ยวได้อย่างหนำใจ แถมยังได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นได้ไม่แพ้สถานที่ทางภาคเหนือของไทยเลยทีเดียว หากนักเที่ยวคนใดสนใจการเที่ยวแบบนี้ ก็ลองทำตามกันได้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ไม่ได้จดลิขสิทธิ์ไว้แต่อย่างใด

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ผู้ที่สนใจเที่ยวค้างคืนบนยอดเขากระโจมควรติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเพื่อความสะดวกและปลอดภัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 1 โทร.0-3451-1200, 0-3451-2500, 03462-3691
สวนผึ้งออร์คิด โทร.0-3271-1230, 08-7915-0699
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง โทร.08-5219-9224, 08-1890-3225
อุทยานธรรมชาติวิทยาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯโทร. 0-3232-9016,08-6272-4232 หรือที่สำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สวนจิตรลดา โทร.0-2282-6511, 0-2281-3921

ที่พักในจังหวัดราชบุรี          ร้านอาหารในจังหวัดราชบุรี          ของฝากของที่ระลึกจังหวัดราชบุรี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สืบสาน 3 วัฒนธรรม "111 ปีบ้านโป่ง"
"สวนผึ้ง"เมืองงามท่ามกลางขุนเขา
เมืองโอ่ง “ราชบุรี” เมืองนี้น่าเที่ยว
กัญญา’ ขนมไทย สดใหม่ ไร้สารเคมี
“เขาประทับช้าง” บันทึกหน้าใหม่ของ เสือ (ภูเขา) หัดขับ !
กำลังโหลดความคิดเห็น