บอร์ดการบินไทย เดินหน้าจัดหาเครื่องบินตามแผน 10 ปี สั่งฝ่ายบริหารเช่า โบอิง B787 New Generation จำนวน 14 ลำ เหตุซื้อได้ช้าพร้อมวางมัดจำ 3 ล้านเหรียญ สั่งซื้อ แอร์บัส A321 จำนวน 20 ลำ มูลค่า 1,000 ล้านเหรียญ รวม 34 ลำ “อภินันทน์” เผยราคาน้ำมันพุ่งเกินงบ เตรียมขึ้น Fuel Surcharge อีกระลอก ยันบินสมุยไม่ขาดทุน ต่อรองค่าธรรมเนียม วันนี้ (17 ม.ค.)
เรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่มี พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุก เป็นประธาน วานนี้ (16 ม.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ฝ่ายบริหารเริ่มดำเนินการจัดหาเครื่องบินที่อยู่ในแผนวิสาหกิจ 10 ปี (2551-2560) ประกอบด้วย เครื่องบินโบอิง B787 New Generation จำนวน 14 ลำ สำหรับปี 2555-2558 โดยวิธีการเช่าและจัดซื้อเครื่องบิน แอร์บัส A321 จำนวน 20 ลำ สำหรับปี 2555-2560 โดยให้วางเงินมัดจำเพื่อ Slot จำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องเช่าเครื่องบิน B787 เนื่องจากหากจะสั่งซื้อจะได้รับมอบเครื่องบินในปี 2560 ในขณะที่ต้องการใช้ในปี 2555 เพื่อนำมาทดแทนเครื่องบินที่อายุเกิน 20 ปี โดยจะเร่งทำร่างทีโออาร์ในการเช่า โดยบอร์ดกำหนดอายุการเช่าประมาณ 10-12 ปี และคาดว่า จะเริ่มประมูลได้ประมาณกลางปี 2551 โดยจะนำมาบินเส้นทางในภูมิภาคที่มีระยะบินประมาณ 6-7 ชั่วโมง เช่น ญี่ปุ่น ส่วนการจัดซื้อ A321 จำนวน 20 ลำนั้น มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 900-1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บินในเส้นทางระยะบินไม่เกิน 2 ชั่วโมง
“เครื่องบิน New Generation จะทำจากวัสดุเบาทำให้ลำตัวเบา และประหยัดน้ำมันเหมาะสมกับสถานการณ์ในอนาคตที่ น้ำมันจะราคาแพงมากขึ้น” เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าว
เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Surcharge) ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ม.ค.นี้ ราคาน้ำมันสูงถึง 280 เซนต์ต่อยูเอสดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่างบประมาณที่บริษัทตั้งไว้ที่ 240 เซนต์ต่อยูเอสดอลลาร์ หรือสูงกว่า 40 เซนต์ต่อยูเอสดอลลาร์ ส่วนเดือน ธ.ค.2550 บริษัทมีค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสูงกว่างบประมาณถึง 400 ล้านบาท ซึ่งทำให้จะต้องเร่งพิจารณาเพื่อปรับขึ้น Fuel Surcharge ให้ทันกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชย แต่ยังไม่มีพิจารณาในการปรับขึ้นค่าโดยสาร
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้โดยสารช่วงนี้ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว (High Season) ยังสูงอยู่โดยเฉลี่ยเดือนธ.ค. อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (Cabin Factor)ประมาณ 82% โดยรายได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 ค่อนข้างดี และมีกำไรสุทธิในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันก็ตาม
***ดีดีผ่านประเมินผลงาน 1 ปี
เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บอร์ดได้ประเมินผลการทำงานของตน ในรอบ 1 ปี ซึ่งได้รับคะแนน 3.7211 จากคะแนนเต็ม 5 ซึ่งถือว่าผ่านการประเมิน
เรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่มี พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุก เป็นประธาน วานนี้ (16 ม.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ฝ่ายบริหารเริ่มดำเนินการจัดหาเครื่องบินที่อยู่ในแผนวิสาหกิจ 10 ปี (2551-2560) ประกอบด้วย เครื่องบินโบอิง B787 New Generation จำนวน 14 ลำ สำหรับปี 2555-2558 โดยวิธีการเช่าและจัดซื้อเครื่องบิน แอร์บัส A321 จำนวน 20 ลำ สำหรับปี 2555-2560 โดยให้วางเงินมัดจำเพื่อ Slot จำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องเช่าเครื่องบิน B787 เนื่องจากหากจะสั่งซื้อจะได้รับมอบเครื่องบินในปี 2560 ในขณะที่ต้องการใช้ในปี 2555 เพื่อนำมาทดแทนเครื่องบินที่อายุเกิน 20 ปี โดยจะเร่งทำร่างทีโออาร์ในการเช่า โดยบอร์ดกำหนดอายุการเช่าประมาณ 10-12 ปี และคาดว่า จะเริ่มประมูลได้ประมาณกลางปี 2551 โดยจะนำมาบินเส้นทางในภูมิภาคที่มีระยะบินประมาณ 6-7 ชั่วโมง เช่น ญี่ปุ่น ส่วนการจัดซื้อ A321 จำนวน 20 ลำนั้น มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 900-1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บินในเส้นทางระยะบินไม่เกิน 2 ชั่วโมง
“เครื่องบิน New Generation จะทำจากวัสดุเบาทำให้ลำตัวเบา และประหยัดน้ำมันเหมาะสมกับสถานการณ์ในอนาคตที่ น้ำมันจะราคาแพงมากขึ้น” เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าว
เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Surcharge) ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ม.ค.นี้ ราคาน้ำมันสูงถึง 280 เซนต์ต่อยูเอสดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่างบประมาณที่บริษัทตั้งไว้ที่ 240 เซนต์ต่อยูเอสดอลลาร์ หรือสูงกว่า 40 เซนต์ต่อยูเอสดอลลาร์ ส่วนเดือน ธ.ค.2550 บริษัทมีค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสูงกว่างบประมาณถึง 400 ล้านบาท ซึ่งทำให้จะต้องเร่งพิจารณาเพื่อปรับขึ้น Fuel Surcharge ให้ทันกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชย แต่ยังไม่มีพิจารณาในการปรับขึ้นค่าโดยสาร
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้โดยสารช่วงนี้ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว (High Season) ยังสูงอยู่โดยเฉลี่ยเดือนธ.ค. อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (Cabin Factor)ประมาณ 82% โดยรายได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 ค่อนข้างดี และมีกำไรสุทธิในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันก็ตาม
***ดีดีผ่านประเมินผลงาน 1 ปี
เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บอร์ดได้ประเมินผลการทำงานของตน ในรอบ 1 ปี ซึ่งได้รับคะแนน 3.7211 จากคะแนนเต็ม 5 ซึ่งถือว่าผ่านการประเมิน
