xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นโตเกียวจ่อคุมเข้มบริษัทสะสมบิทคอยน์ หลังหุ้น “Metaplanet” ดิ่ง 82% สั่นคลอนความเชื่อมั่นตลาดคริปโตญี่ปุ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้ดำเนินการตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น (JPX) เตรียมพิจารณามาตรการคุมเข้มบริษัทจดทะเบียนที่หันมาถือครองคริปโต หลังราคาหุ้นบริษัทแนวหน้าอย่าง Metaplanet ทรุดหนักกว่าร้อยละ 80 ภายในไม่กี่เดือน ขณะซีอีโอรีบออกโรงยืนยัน “เราทำตามกติกา” ไม่เข้าข่ายเลี่ยงกฎหรือข้ามขั้นอนุมัติจากผู้ถือหุ้น

รายงานจาก Bloomberg อ้างแหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า Japan Exchange Group (JPX) ผู้ให้บริการตลาดหลักทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น กำลังพิจารณาวางข้อจำกัดใหม่สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่หันเปลี่ยนธุรกิจหลักมาลงทุนหรือสะสมสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะบิตคอยน์ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เริ่มแพร่หลายในหมู่บริษัทที่ถูกเรียกว่า Digital-Asset Treasury (DAT)

มาตรการใหม่นี้คาดว่าจะรวมถึงการกำหนดเงื่อนไขตรวจสอบทางบัญชีเข้มข้นขึ้น และอาจขยายการบังคับใช้กฎ “Backdoor Listing” หรือการเข้าตลาดทางอ้อม มาควบคุมบริษัทที่ปรับทิศทางเข้าสู่ธุรกิจถือครองคริปโตโดยไม่ผ่านกระบวนการ IPO ปกติซึ่ง JPX เห็นว่าเป็น “ช่องว่างทางกฎระเบียบ” ที่อาจถูกใช้เลี่ยงข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการกำกับดูแล

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังตลาด DAT ของญี่ปุ่นเผชิญแรงเทขายรุนแรง โดยเฉพาะหุ้น Metaplanet ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือครองบิทคอยน์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ ปัจจุบันถืออยู่กว่า 30,000 BTC ราคาหุ้นร่วงจากจุดสูงสุดในปีนี้ที่ 15.35 ดอลลาร์ (เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม) เหลือเพียง 2.66 ดอลลาร์ ณ เวลารายงาน คิดเป็นการทรุดตัวกว่า 82% จากระดับสูงสุด

นอกจากนั้น หุ้นของ Convano ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ร้านทำเล็บชื่อดัง ที่เคยพุ่งแรงในเดือนสิงหาคม ก็ปรับตัวลงแรงเช่นกัน จากระดับสูงสุด 2.05 ดอลลาร์ เหลือเพียง 0.79 ดอลลาร์ หรือลดลงกว่า 61% โดยข้อมูลจาก BitcoinTreasuries.NET ระบุว่าบริษัทขาดทุนกว่า 11% จากการลงทุนในบิตคอยน์

กฎ Backdoor Listing อาจปิดช่องโหว่สำคัญในตลาดทุนญี่ปุ่น

การขยายขอบเขตของกฎ Backdoor Listing มายังบริษัทที่เปลี่ยนธุรกิจเข้าสู่การสะสมคริปโต ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ

ตามกติกาปัจจุบัน Backdoor Listing คือการที่บริษัทเอกชนเข้าซื้อบริษัทที่จดทะเบียนอยู่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงขั้นตอนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (IPO) ซึ่ง JPX ห้ามใช้วิธีดังกล่าวโดยเด็ดขาด แต่เมื่อบางบริษัทที่จดทะเบียนอยู่เดิมปรับตัวเองให้กลายเป็น “บริษัทถือครองคริปโต” JPX มองว่ากระบวนการนี้อาจเทียบเท่าการเข้าตลาดทางอ้อมในทางปฏิบัติ

หาก JPX บังคับใช้มาตรการนี้อย่างเป็นทางการ จะเท่ากับ “ปิดประตู” ไม่ให้บริษัทใช้วิธีเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเพื่อเข้ามาสู่ตลาด DAT ได้ง่ายอีกต่อไป และอาจทำให้กระแสการจดทะเบียนของบริษัทแนวนี้ “สะดุดหรือหยุดชะงัก” ไปในที่สุด

กราฟราคาหกเดือนของ Metaplanet ที่มา: Google Finance
ซีอีโอ Metaplanet โต้แรง “เราปฏิบัติตามกติกาทุกขั้น”

ด้าน Simon Gerovich ซีอีโอของ Metaplanet ออกแถลงผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์เดิม) ยืนยันว่าบริษัทของเขาไม่เข้าข่ายเลี่ยงกฎ และปฏิบัติตามกระบวนการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นทุกประการ

“JPX กังวลต่อบริษัทที่เข้าตลาดทางอ้อมหรือเปลี่ยนธุรกิจโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นซึ่งไม่ใช่กรณีของ Metaplanet” เขากล่าว

Gerovich ระบุเพิ่มเติมว่า ภายในสองปีที่ผ่านมา บริษัทได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นถึง 5 ครั้ง (4 ครั้งเป็นการประชุมวิสามัญ และ 1 ครั้งเป็นการประชุมสามัญประจำปี) เพื่อขออนุมัติทุกการเปลี่ยนแปลงสำคัญ พร้อมทั้งแก้ไขข้อบังคับของบริษัท และเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อสนับสนุนการซื้อบิทคอยน์

เขาย้ำว่า “Metaplanet ปฏิบัติตามขั้นตอนธรรมาภิบาลภายใต้ทีมบริหารชุดเดิม ก่อนและหลังการปรับโมเดลธุรกิจ ไม่มีการเลี่ยงกฎหรือหลีกเลี่ยงการตรวจสอบใด ๆ”

แรงกดดันใหม่ในตลาดทุนญี่ปุ่น

นักวิเคราะห์มองว่า การเคลื่อนไหวของ JPX สะท้อน “แรงกดดันทางโครงสร้าง” ที่เริ่มเกิดขึ้นในตลาดทุนญี่ปุ่น ซึ่งกำลังเผชิญความท้าทายระหว่างการรักษาความโปร่งใสของตลาด กับการเปิดรับนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่อย่างสินทรัพย์ดิจิทัล

หาก JPX เดินหน้าใช้มาตรการคุมเข้มเต็มรูปแบบ บริษัท DAT ในญี่ปุ่นอาจต้องเผชิญทั้งแรงตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับ และแรงกดดันจากนักลงทุนที่เริ่มตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจ “ถือครองคริปโตเป็นสินทรัพย์หลัก”

“ความเชื่อมั่นในตลาดทุนกำลังถูกทดสอบ” บทวิเคราะห์บางชิ้นระบุว่า กรณี Metaplanet อาจเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่จะตัดสินทิศทางการยอมรับคริปโตในตลาดทุนญี่ปุ่น ว่าจะเดินหน้าอย่างมั่นคง หรือสะดุดกลางทางภายใต้แรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล.