xs
xsm
sm
md
lg

“BlackRock ผงะ! สูญกว่า 500 ล้านดอลลาร์ หลังถูกหลอกกู้เงินปลอมจากบริษัทโทรคมนาคมโนเนม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มหาอำนาจการลงทุน “BlackRock” เผชิญคดีอื้อฉาวครั้งใหญ่ หลังพบว่าบริษัทในเครือ “HPS Investment Partners” ซึ่งเป็นธุรกิจย่อยด้านการลงทุนด้านสินเชื่อเอกชน สูญเงินกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับกลุ่มบริษัทโทรคมนาคมขนาดเล็กที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อหลอกขอกู้เงินมหาศาล

รายงานจาก Wall Street Journal เผยว่า เหล่านักลงทุนของ HPS และผู้ให้กู้อื่น ๆ กำลังเร่งดำเนินการฟ้องร้องเพื่อเรียกคืนเงิน หลังตกเป็นเหยื่อของ “กลโกงระดับมโหฬาร” โดยผู้ถูกกล่าวหา “Bankim Brahmbhatt” เจ้าของบริษัท ถูกระบุว่าปลอมเอกสาร “บัญชีลูกหนี้” เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงิน

คดีนี้เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินกู้แบบอิงสินทรัพย์ (Asset-Based Finance) ซึ่งรายได้ของธุรกิจถูกนำมาใช้เป็นหลักประกัน และสะท้อนถึงช่องโหว่ในตลาดสินเชื่อเอกชน หลังเกิดกรณีล้มละลายของบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่าง First Brands และ Tricolor ก่อนหน้า

แหล่งข่าวระบุว่า “BNP Paribas” เป็นผู้ร่วมปล่อยกู้เกือบครึ่งหนึ่งของวงเงินดังกล่าว และได้ร่วมกับ HPS ยื่นฟ้องในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าบริษัทของ Brahmbhatt ค้างชำระหนี้รวมกว่า 500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เจ้าตัวยืนยัน “ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา”

ต้นตอของความผิดปกติเริ่มปรากฏในเดือนกรกฎาคม เมื่อ HPS พบโดเมนอีเมลปลอมที่เลียนแบบลูกค้าจริงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และเมื่อทีมตรวจสอบลงพื้นที่สำนักงานในนิวยอร์กกลับพบว่า “ปิดเงียบ” ไม่มีการดำเนินกิจการใด ๆ

การสืบสวนภายหลังพบหลักฐานชัดเจนว่า “อีเมลลูกค้า” ที่ถูกส่งให้ผู้ให้กู้ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเป็นของปลอมทั้งหมด รวมถึงสัญญาทางธุรกิจที่ย้อนไปถึงปี 2561 ก็เป็นเอกสารเท็จเช่นกัน อีกทั้ง Brahmbhatt ยังถูกกล่าวหาว่าโอนทรัพย์สินออกนอกประเทศไปยังอินเดียและมอริเชียส

ขณะเดียวกัน บริษัทโทรคมนาคมในเครือและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินกู้ของเขาได้ยื่นล้มละลายในเดือนสิงหาคม รวมถึงตัว Brahmbhatt เองที่ยื่นล้มละลายในวันที่ 12 สิงหาคม โดยเชื่อกันว่าขณะนี้เขาหลบอยู่ในอินเดีย

แหล่งข่าวใกล้ชิด BlackRock ยืนยันว่า การสูญเสียครั้งนี้มีขนาด “เล็กมาก” เมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์รวม 179,000 ล้านดอลลาร์ของ HPS และจะไม่ส่งผลกระทบเชิงสาระต่อผลตอบแทนของกองทุน

ทั้งนี้เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางในตลาดสินเชื่อเอกชนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคที่ “เครดิตนอกระบบธนาคาร” (Private Credit) กลายเป็นช่องทางลงทุนใหม่ของยักษ์ใหญ่ทางการเงินทั่วโลก ช่องว่างด้านการตรวจสอบเอกสารและการยืนยันลูกหนี้ อาจกลายเป็น “จุดอ่อนเชิงระบบ” ที่เปิดช่องให้เกิดการฉ้อโกงซ้ำรอยได้อีกในอนาคต การที่ BlackRock ต้องสูญเงินระดับหลายร้อยล้านดอลลาร์ จึงเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมสินเชื่อเอกชน ที่อาจต้องเร่งปฏิรูประบบกำกับดูแลและการตรวจสอบความโปร่งใสให้เข้มข้นกว่าเดิม