MGR Online - ดีเอสไอ จับสาวแสบหลอกบริษัทค้าน้ำยางชื่อดัง ให้โอนเงินกว่า 37,200 ดอลล่าร์สหรัฐ เสียหายทางธุรกิจ ส่งพนักงานอัยการฟ้องก่อนขาดอายุความไม่กี่วัน
วันนี้ (24 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ 23 ก.พ. ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ได้มอบหมายให้ น.ส.ผสมศรี อนุวัตรนิติการ และนายลักษมณ์ เฉลิมชัย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำตัว น.ส.นริศรา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหา ในคดีพิเศษที่ 109/2561 ซึ่งต้องหาว่า "ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกัน โดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท" ตามประมวลกฎหมายอาญา อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมผู้ต้องหา นำส่งพนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดีต่อศาล โดยคดีดังกล่าวจะครบกำหนดอายุความ ในวันที่ 1 มี.ค.67
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก บริษัท จะนะ น้ำยาง จำกัด กับพวก รวม 2 คน ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกรณีมีบุคคลลักลอบเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทและทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการรับชำระเงินจนทำให้เกิดความเสียหาย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนปรากฎข้อเท็จจริง น่าเชื่อว่า น.ส.นริศรา (ขอสงวนนามสกุล) กับพวกรวม 3 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดลักลอบเข้าไปในระบบอีเมลที่ใช้ในการติดต่อส่งข้อมูลแจ้งเรื่องการส่งสินค้าและการชำระเงินค่าสินค้าระหว่าง บริษัท จะนะ น้ำยาง จำกัด กับบริษัทคู่ค้า
โดยได้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอีเมลของบริษัท จะนะ น้ำยาง จำกัด เป็นอีเมลปลอมที่ตนสร้างขึ้นโดยให้มีความคล้ายคลึงกับอีเมลจริงของบริษัทฯ และใช้อีเมลที่สร้างขึ้นส่งไปยังบริษัทคู่ค้า เพื่อแจ้งให้ระงับธุรกรรมการโอนเงินจำนวน 37,200 ดอลล่าร์สหรัฐ โดยอ้างว่าบริษัทฯ ได้รับแจ้งจากธนาคารว่าบัญชีของบริษัทมีรายได้เกินวงเงินในฐานภาษีรายได้แล้วจึงไม่อาจรับเงินได้อีก จึงขอแจ้งรายละเอียดบัญชีเพื่อรับโอนเงินใหม่เป็นบัญชีของผู้ต้องหาฯ
โดยบริษัทคู่ค้าหลงเชื่อและได้โอนเงินให้แก่ผู้ต้องหาฯ หรือที่เรียกว่าเป็นการกระทำแบบ MitM ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินการของอาชญากรไซเบอร์ส่วนใหญ่ ในกรณีที่มีการโจมตี Business Email Compromise (BEC) โดยการแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายของเป้าหมาย เพื่อเข้าถึงการติดต่อติดตามคำขอการชำระเงินของบุคคลที่สาม และในที่สุดก็สั่งให้เป้าหมายส่งการชำระเงินไปยังบัญชีธนาคารที่อาชญกรควบคุม ไว้แล้ว จึงรับเป็นคดีพิเศษที่ 109/2561 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนแล้วเสร็จส่งสำนวนคดีพิเศษไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.62
ต่อมา เมื่อวันที่ 22 ก.พ.67 พนักงานอัยการมีคำสั่งให้นำตัวผู้ต้องหาที่ 1 มาฟ้องคดีต่อศาล โดยให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหา และทำการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงสั่งการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ จึงนำไปสู่การติดตามตัวเพื่อนำส่งพนักงานอัยการ ในวันดังกล่าวข้างต้น