xs
xsm
sm
md
lg

จับตายุทธศาสตร์คริปโตของ "อีลอน มัสก์" หลัง SpaceX โอนบิทคอยน์กว่า 257 ล้านดอลลาร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SpaceX จุดระเบิดความสงสัยอีกครั้ง หลังตรวจพบการเคลื่อนไหวของบิทคอยน์มูลค่ากว่า 257 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียง 3 เดือน ท่ามกลางแรงกดดันทั้งด้านการเงินและการแข่งขันทางเทคโนโลยี ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า การย้ายเหรียญครั้งนี้อาจเกี่ยวพันกับยุทธศาสตร์ใหม่ของ “อีลอน มัสก์” ที่กำลังเดินเกมระหว่างอวกาศกับสินทรัพย์ดิจิทัล

บริษัทอวกาศยักษ์ใหญ่ SpaceX ของมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ถูกจับตาอีกครั้ง หลังพบว่ามีการเคลื่อนย้ายบิทคอยน์มูลค่ารวมกว่า 257 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการโอนครั้งใหญ่ครั้งที่สองภายในระยะเวลาไม่ถึงสามเดือน จุดชนวนให้ตลาดตั้งคำถามถึงเป้าหมายเบื้องหลังการเคลื่อนไหวนี้

ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน Nansen ระบุว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กระเป๋าเงินที่เชื่อมโยงกับ SpaceX รหัส “1MDyM” ได้โอนบิทคอยน์มูลค่า 130 ล้านดอลลาร์ ไปยังที่อยู่ “bc1qj” ขณะอีกกระเป๋าเงินหนึ่ง “1AXeF” โอนบิทคอยน์มูลค่า 127 ล้านดอลลาร์ ไปยังที่อยู่ “bc1qq” โดยทั้งสองที่อยู่ยังไม่ปรากฏว่ามีการขายหรือโอนต่อ และ SpaceX เองก็ยังไม่ออกแถลงการณ์ใด ๆ

นี่เป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือนที่บริษัทมีการเคลื่อนไหวเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม SpaceX เคยโอนบิทคอยน์มูลค่า 153 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2565

"มัสก์-บิทคอยน์" ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างนวัตกรรมและความเสี่ยง

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่อีลอน มัสก์ กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในวงการคริปโต หลังจากที่เขาเคยชื่นชมบิตคอยน์ในฐานะ “โมเดลเศรษฐกิจที่ใช้พลังงานและต้านเงินเฟ้อ” แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสินทรัพย์ดิจิทัลนี้กลับเต็มไปด้วยความผันผวน

ย้อนกลับไปปี 2564 ทาง SpaceX เคยเปิดเผยการถือครองบิทคอยน์พร้อมกับ Tesla ซึ่งซื้อบิทคอยน์มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ แต่ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน Tesla กลับระงับการรับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ โดยอ้างเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมส่งผลให้ราคาบิทคอยน์ร่วงลงกว่า 6% ภายในชั่วโมงเดียว

แม้ Tesla จะยังคงถือครองบิทคอยน์ส่วนใหญ่ไว้ แต่ก็ยังไม่มีท่าทีจะกลับมารับการชำระเงินด้วยคริปโตอีกครั้งตามที่มัสก์เคยให้คำมั่นไว้ ขณะที่ข้อมูลล่าสุดจากนักวิเคราะห์ แดเนียล บัทเทน และ วิลลี่ วู ชี้ว่า การขุดบิทคอยน์ในปัจจุบันใช้พลังงานหมุนเวียนมากกว่า 55% ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์

คริปโตวอลเล็ตที่ติดป้าย SpaceX ว่า “1MDyM” มีการโอนย้าย ที่มา : Nansen.ai
SpaceX ภายใต้แรงกดดัน "เมื่อ NASA เปิดประตูแข่งอวกาศเยือนดวงจันทร์"

นอกจากแรงสั่นสะเทือนจากการย้ายบิทคอยน์แล้ว SpaceX ยังต้องเผชิญแรงกดดันทางธุรกิจเพิ่มขึ้น เมื่อ NASA ประกาศเปิดโอกาสให้บริษัทอื่นร่วมแข่งขันในโครงการพัฒนา “ยานลงจอดบนดวงจันทร์ (lunar lander)” ซึ่งเดิม SpaceX เคยถือสัญญาเพียงรายเดียว

ฌอน ดัฟฟี รักษาการผู้บริหารของ NASA ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า หน่วยงานต้องการเร่งภารกิจสำรวจดวงจันทร์เพื่อแข่งกับจีน จึงจำเป็นต้องเปิดให้หลายบริษัทเข้าร่วม โดยชี้ว่า “SpaceX แม้จะชนะสัญญา HLS แล้ว แต่ความคืบหน้ากลับล่าช้าเกินไป”

โครงการดังกล่าวมีมูลค่าสัญญากว่า 4.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเซ็นร่วมกันเมื่อปี 2564 พร้อมกำหนดเป้าหมายลงจอดบนดวงจันทร์ภายในปี 2570 อย่างไรก็ตาม การที่ NASA เปิดโอกาสให้บริษัทอย่าง Blue Origin และ Lockheed Martin เข้ามาแข่งขัน ถือเป็นสัญญาณว่าความมั่นคงของ SpaceX อาจเริ่มสั่นคลอน

ที่มา: Woocharts/Cointelegraph
บิทคอยน์ของ SpaceX อาจกลายเป็น “ทุนเสริมภารกิจอวกาศ” หรือ “เกราะกันแรงกดดัน”

นักวิเคราะห์บางรายมองว่าการเคลื่อนไหวบิทคอยน์ครั้งนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารสภาพคล่องของ SpaceX ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งในเชิงการเงินและการแข่งขันจากคู่แข่ง โดยเฉพาะเมื่อ NASA เริ่มเปิดตลาดให้ผู้เล่นรายใหม่

อีกมุมหนึ่ง การที่มัสก์ยังคงเคลื่อนไหวในโลกคริปโต แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติธุรกิจอวกาศ อาจสะท้อนว่าเขายังมองเห็น “พลังทางการเงิน” ของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และอาจต่อยอดเป็นกลไกการระดมทุนในอนาคตสำหรับโครงการใหญ่ระดับนอกโลก

ท้ายที่สุดการโอนบิทคอยน์มูลค่าหลายร้อยล้านของ SpaceX ไม่ได้เป็นเพียงข่าวความเคลื่อนไหวของคริปโต แต่คือ “สัญญาณเชิงยุทธศาสตร์” ที่บ่งชี้ว่ามหาเศรษฐีอัจฉริยะอย่างอีลอน มัสก์ กำลังวางหมากใหม่ระหว่างเทคโนโลยีอวกาศและการเงินดิจิทัล กลายเป็นเกมที่ทั้งโลกกำลังจับตา.