“พอล แอทกินส์” ประธาน SEC ยืนยันเป้าหมายคือการประสานกฎเกณฑ์ ไม่ใช่การควบรวมหน่วยงาน ชี้ต้องลดภาระซ้ำซ้อนที่ผลักดันกิจกรรมคริปโตออกนอกประเทศ พร้อมเร่งสร้างกรอบกำกับที่ชัดเจนเพื่อรักษาความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ
การประชุมโต๊ะกลมร่วมระหว่าง SEC - CFTC ว่าด้วยการปรับประสานกฎระเบียบ (Regulatory Harmonization) ที่กรุงวอชิงตัน กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดการเงินสหรัฐฯ เมื่อ พอล เอส. แอทกินส์ ประธาน SEC ประกาศชัดว่า “เป้าหมายคือการประสานกฎ ไม่ใช่การควบรวม SEC และ CFTC” ปัดตกข่าวลือที่โหมมาตลอดหลายปีทุกครั้งที่เปลี่ยนรัฐบาล
จุดเปลี่ยนของตลาดการเงินสหรัฐฯ - จากกำแพงที่ขวางกั้นสู่การประสานงาน
แอทกินส์กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า คริปโตยังคงเป็นวาระสำคัญสูงสุดของหน่วยงาน โดยการประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกที่ SEC และ CFTC จะเดินหน้าแบบ “ก้าวเท้าเดียวกัน” หลังจากในอดีตต่างฝ่ายต่างทำงานแบบ silo จนบางครั้งขัดแย้งกันเอง
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา SEC และ CFTC ทำงานแยกกัน บางครั้งถึงขั้นสวนทางกัน แต่วันนี้เราเริ่มต้นเส้นทางใหม่ที่เป็นหนึ่งเดียว” แอทกินส์ย้ำ พร้อมระบุว่าความแตกแยกที่ซับซ้อนต้องยุติลง เพื่อป้องกันไม่ให้โอกาสทางการเงินไหลออกไปต่างประเทศ
นอกจากนี้การประชุมโต๊ะกลมครั้งนี้ยังเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดของสองหน่วยงาน รวบรวมทั้งผู้บริหารวอลล์สตรีท ผู้กำหนดนโยบาย และบริษัทคริปโตชั้นนำ อาทิ Nasdaq, CME Group, ICE, Kraken, Polymarket, Crypto.com, Citadel, Robinhood และ WisdomTree ร่วมวิเคราะห์ถึงผลกระทบและทิศทางที่จะเกิดขึ้นหากการกำกับดูแลถูกปรับให้สอดประสานมากขึ้น
สหรัฐฯ เร่งผลักดันกฎหมายใหม่ เปิดทางสร้าง “Bitcoin Reserve”
กระแสผลักดันให้สหรัฐ ฯ มีกรอบกฎหมายคริปโตที่ชัดเจนชัดเจนขึ้นทวีความเข้มข้น โดย แอทกินส์ ออกโรงเรียกร้องต่อสภาคองเกรสให้เร่งผ่าน Crypto Assets Market Structure Act ภายในปี 2568 เพื่อสร้างโครงสร้างการกำกับดูแลร่วมกันระหว่าง SEC และ CFTC ลดความไม่แน่นอนที่ถ่วงรั้งการลงทุน
เขายกตัวอย่าง GENIUS Act ที่ให้การรับรองสถานะทางกฎหมายแก่สเตเบิลคอยน์เมื่อต้นปีนี้ว่าเป็น “สัญญาณเชิงบวกของความร่วมมือสองฝ่าย” และระบุว่าก้าวถัดไปคือต้องเดินหน้าด้วยการออกกฎร่วมเพื่อจัดระเบียบตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
ขณะที่ทำเนียบขาวเองตั้งเป้าหมายชัดเจนว่าจะผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้ถึงโต๊ะประธานาธิบดีทรัมป์ภายในสิ้นปี 2568 โดยแพทริก วิตต์ ที่ปรึกษาฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของทำเนียบขาว ย้ำระหว่างงาน Korea Blockchain Week ว่า การผลักดันนี้จะลดความไม่ชัดเจนในตลาดมูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ลงอย่างมีนัยสำคัญ
สัญญาณใหม่ต่ออนาคตคริปโต - จาก “การคุ้มครองผู้ลงทุน” สู่ “การสนับสนุนการสร้างสรรค์”
แอทกินส์อธิบายว่า ความท้าทายคือการหาสมดุลระหว่างการปกป้องผู้ลงทุนกับการเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการนวัตกรรม โดย SEC เตรียมออก “innovation exemption” เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทคริปโตสามารถทดสอบและออกผลิตภัณฑ์ใหม่โดยไม่ติดเงื่อนไขกำกับที่ซับซ้อนในทันที
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาบุคคลที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้ประธาน CFTC คนใหม่ ท่ามกลางความเป็นไปได้ที่หน่วยงานจะได้รับอำนาจขยายเพิ่มเติมในการกำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin และโทเคนเชิงสินค้าโภคภัณฑ์ โดยรายชื่อที่ถูกจับตามีทั้ง Josh Sterling, Mike Selig และ Tyler Williams ซึ่งล้วนเป็นผู้คร่ำหวอดในกฎหมายการเงินสหรัฐ ฯ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้การประกาศของ SEC และ CFTC ในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความพยายามสร้างกรอบกำกับดูแลที่ “เข้มแข็งแต่ยืดหยุ่น” เพื่อตอบโจทย์ทั้งการปกป้องนักลงทุนและการรักษาฐานนวัตกรรมในประเทศ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่จะไม่เพียงยุติความสับสนในกฎเกณฑ์ แต่ยังหมายถึงการวางรากฐานสู่การเป็น “ศูนย์กลางคริปโตของโลก” ในอนาคต