xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.27-ติดตามสถานการณ์การเมืองไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(5ก.ย.68)ที่ระดับ 32.27 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น เล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”
จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.31 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.00-32.55 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหว้ไร้ทิศทางที่ชัดเจน แถวโซน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.27-32.35 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเช่นกันของเงินดอลลาร์ ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน

กอปรกับถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด อย่าง John Williams (NY Fed) ได้แสดงความกังวลต่อแนวโน้มตลาดแรงงานมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มองว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ อาจไม่ได้รุนแรงอย่างที่เคยกังวล ทำให้เฟดสามารถดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นได้ โดย John Williams ระบุว่า เฟดก็สามารถทยอยลดดอกเบี้ยสู่ระดับ Neutral Rate แถวโซน 3.00% ซึ่งถ้อยแถลงของ John Williams ก็สอดคล้องกับบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนในช่วงนี้ ที่แสดงความกังวลต่อแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ และสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นของเฟด

โดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสานดังกล่าว กอปรกับถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ได้ทำให้ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาส 42% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้ และมีโอกาสราว 20% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม 4 ครั้ง ในปี 2026

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ในเดือนสิงหาคม

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกรกฎาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว เรามองว่า ในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาสถานการณ์การเมือง ซึ่งอาจมีการโหวตลงมติเลือกนายกฯ คนใหม่ภายในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน นี้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยอาจยังติดโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับก็ไม่ควรจะต่ำกว่าโซน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปมากนัก หลังผู้เล่นในตลาดได้รับรู้แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดไปพอสมควรแล้ว โดยเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด อย่างมีนัยสำคัญ อีกครั้ง หลังทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนนี้ อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินได้พอสมควร

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ นั้น ผู้เล่นในตลาดควรจับตาแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทย ซึ่งคาดว่าจะมีการโหวตลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภายในวันนี้ โดยความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองไทย อาจส่งผลบวกต่อบรรยากาศในตลาดการเงินไทย และอาจพอช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้บ้าง แต่คาดว่า อาจไม่มากนัก เนื่องจากสุดท้ายผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ

เราขอย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ โดยสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมาสะท้อนว่า เงินบาท (USDTHB) อาจผันผวนในระดับ +/-1 SD ราว +0.6%/-0.4% ในช่วงหลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว ราว 30 นาที ซึ่งในการรายงานยอดการจ้างงานเดือนกรกฎาคม ที่ยอดการจ้างงานออกมาแย่กว่าคาดพอสมควรนั้น ได้ส่งผลให้ เงินบาทแข็งค่าขึ้น -0.9% ซึ่งถือว่าเป็นระดับ เกิน -2 SD

โดยเรามองว่า หากยอดการจ้างงานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น +7.5 หมื่น ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 4.3% ตามคาด ผู้เล่นในตลาดอาจไม่ได้ปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดมากนัก ทำให้ การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในตลาดไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากจากปัจจุบัน เงินบาท (USDTHB) ก็อาจแกว่งตัวแถวระดับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้

แต่หากยอดการจ้างงานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด เช่น +9 หมื่น ตำแหน่ง ขึ้นไป ส่วนอัตราการว่างงาน ก็ทรงตัวที่ระดับ 4.2% เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยลงบ้าง โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ ซึ่งตลาดประเมินโอกาสราว 42% โดยภาพดังกล่าวอาจหนุนให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เสี่ยงปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาท โดยเงินบาทก็มีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ หรือปรับตัวขึ้นทะลุโซนดังกล่าว (แนวต้านถัดไป 32.65 บาทต่อดอลลาร์) ได้

ในทางกลับกัน หากยอดการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน เช่น เพิ่มขึ้นน้อยกว่า/เท่ากับ +5 หมื่น ตำแหน่ง (ซึ่งมีความเป็นไปได้ เนื่องจากสถิติในอดีตที่ผ่านมา เดือนสิงหาคมมักจะมีการรายงานยอดการจ้างงานต่ำกว่าคาด) ส่วนอัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้น สู่ระดับ มากกว่า/เท่ากับ 4.3% เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ และอาจเริ่มมองว่า เฟดมีความจำเป็นต้องเร่งลดดอกเบี้ย 50bps ในการประชุม FOMC เดือนกันยายน ซึ่งภาพดังกล่าวอาจยิ่งกดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น พร้อมกับหนุนราคาทองคำและเงินบาท ทว่า เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.00-32.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่นั้น เรามองว่า จะขึ้นกับ พฤติกรรมของผู้เล่นในตลาดต่อโฟลว์ธุรกรรมทองคำ เพราะหากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น แต่ผู้เล่นในตลาดไล่ราคาซื้อทองคำ ก็อาจทำให้โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าว ชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้
กำลังโหลดความคิดเห็น