ไบแนนซ์ใกล้บรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) เพื่อยกเลิกเงื่อนไข “ผู้ตรวจสอบอิสระ” จากดีลยอมความมูลค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางสัญญาณการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มของรัฐบาลทรัมป์ที่หันหลังให้การแต่งตั้ง corporate monitor แบบเดิม
รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า DOJ กำลังเจรจากับ Binance เพื่อตัดเงื่อนไขที่บังคับให้ต้องมีผู้ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎ (compliance monitor) ภายนอก ซึ่งเดิมกำหนดไว้ 3 ปีตามข้อตกลงในปี 2566 หลังไบแนนซ์ ยอมรับผิดในข้อหาฟอกเงินและการละเมิดกฎหมาย Bank Secrecy Act
DOJ ผ่อนคลายแนวทางคุมเข้ม หลังธุรกิจร้องภาระหนัก
การเจรจาครั้งนี้สะท้อนการเปลี่ยนท่าทีของ DOJ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ที่ลดบทบาท corporate monitor ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยกเลิกการกำกับดูแลอิสระให้กับ 3 บริษัทที่เคยทำข้อตกลงสมัยรัฐบาลไบเดน โดยหนึ่งในนั้นคือบริษัท Glencore ที่ต้องแบกต้นทุนสูงถึง 142 ล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2566-2567
แมทธิว กาเลโอตติ หัวหน้าฝ่ายคดีอาญา DOJ ชี้ว่า แม้ corporate monitor จะช่วยลดการกระทำผิดซ้ำ แต่ก็มักก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายมหาศาลและรบกวนการดำเนินธุรกิจปกติ
ขณะเดียวกัน Binance เองยังถูกกำหนดให้มี monitor สองฝ่าย คือ DOJ และ FinCEN โดยครั้งนี้เป็นการเจรจายุติเฉพาะการคุมเข้มจาก DOJ ขณะที่ FinCEN ยังคงเดินหน้ากำกับดูแลต่อไป
บริบทการเมืองคริปโตได้แรงหนุนจากรัฐบาลทรัมป์
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางอิทธิพลของอุตสาหกรรมคริปโตที่มีต่อรัฐบาลทรัมป์ ทั้งการระดมทุนสนับสนุนการเลือกตั้ง และการแต่งตั้งผู้กำกับดูแลที่มีท่าทีสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงคำสั่งบริหารที่เอื้อให้บริษัทคริปโตเข้าถึงระบบการเงินของสหรัฐได้สะดวกขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีกรณีบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นที่ได้รับผลจากการทบทวนแนวทาง เช่น ธนาคาร Toronto-Dominion ที่ยังต้องอยู่ภายใต้ monitor หลังรับสารภาพข้อหาสมคบคิดฟอกเงิน ขณะที่ Boeing รอดพ้นจากการถูกบังคับใช้ monitor เต็มรูปแบบ และหันไปใช้ที่ปรึกษาคอมพลายแอนซ์แทน
จากค่าปรับ 4.3 พันล้านสู่โอกาสฟื้นความน่าเชื่อถือ
ย้อนกลับไปในปี 2566 Binance และผู้ก่อตั้ง “CZ” จางเผิงเจ้า ถูกปรับหนักและบังคับให้เขาก้าวลงจากตำแหน่ง CEO พร้อมโทษจำคุก 4 เดือน และค่าปรับส่วนตัว 50 ล้านดอลลาร์ สาเหตุจากการละเมิดกฎหมายการเงินสหรัฐ รวมถึงการล้มเหลวในการสกัดธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มก่อการร้ายและอาชญากรรมไซเบอร์
อย่างไรก็ดี Binance ได้พยายามแสดงบทบาทด้านคอมพลายแอนซ์ เช่น การช่วยอินเดียปราบปรามเครือข่ายหลอกลวงเกมออนไลน์มูลค่า 47.6 ล้านดอลลาร์ ผ่านหน่วยข่าวกรองการเงินของบริษัท
ขณะเดียวกัน CZ ยังไม่สิ้นปัญหากฎหมาย โดยยื่นคำร้องขออภัยโทษประธานาธิบดีในปี 2568 อ้างอิงกรณีทรัมป์เคยให้อภัยโทษผู้บริหาร BitMEX
จุดเปลี่ยนสำคัญต่อ Binance และอุตสาหกรรมคริปโต
อย่างไรก็ดีหาก DOJ อนุมัติให้ Binance หลุดพ้นจากการคุมเข้ม monitor ได้จริง จะถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ช่วยปลดล็อกภาระต้นทุนและฟื้นภาพลักษณ์ของบริษัท หลังเคยถูกลงโทษครั้งประวัติศาสตร์ในสหรัฐ
แต่เส้นทางยังไม่จบสิ้น เนื่องจาก FinCEN ยังคงทำหน้าที่กำกับอย่างเข้มงวด และ DOJ เองก็ยังต้องการให้ Binance ยกระดับการรายงานคอมพลายแอนซ์อย่างเข้มแข็งแทนการใช้ monitor
ดังนั้นท้ายที่สุดดีลนี้ไม่ได้สะท้อนเพียงอนาคตของ Binance เท่านั้น แต่ยังสะท้อนความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายของสหรัฐต่อคริปโตภายใต้บริบทการเมืองใหม่ ที่อาจกำหนดทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลทั่วโลกในระยะยาว