แม้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะยืนกรานมาตลอดว่า ได้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด ในการกำกับ ดูแล ตรวจสอบ การยืมหุ้นมาขายหรือ SHORT SELL
แต่กฎ SHORT SELL กลับถูกละเมิดมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกกอร์ต่างชาติที่มีสาขาในประเทศไทย จนบริษัทโบรกเกอร์ไทยหลายแห่ง กำลังเคลื่อนไหว กดดันให้ ก.ล.ต.ลงมาแก้ไข ป้องกันการแหกกฎ SHORT SELL ของนักลงทุนต่างชาติ เอาเปรียบนักลงทุนในประเทศ
ปัจจุบัน มูลค่าจากธุรกรรม SHORT SELL มีสัดส่วนประมาณ 4% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นทั้งหมด ซึ่งลดลงมาก หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ ฯ ประกาศใช้มาตรการ UPTICK RULE ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เพื่อป้องการการ SHORT SELL ในลักษณะทุบราคาหุ้น
มาตรการ UPTICK RULE กำหนดให้ขาย SHORT SELL ได้ ในราคาปิดหุ้นครั้งสุดท้ายหรือในราคาสูงกว่าเท่านั้น และต้องแสดงเครื่องหมาย S ในคำสั่ง SHORT SELL เพื่อให้มีการตรวจสอบที่เหมาะสม
ปัญหา SHORT SELL ที่เกิดขึ้นอย่างยืดเยื้อ ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ และเอาเปรียบนักลงทุนในประเทศคือ การทำรายการ SHORT SELL ของนักลงทุนต่างชาติ ผ่านโบรกเกอร์ต่างชาติ ซึ่งมีสาขาในประเทศไทย ซึ่งก.ล.ต.ไม่อาจควบคุม กำกับ ดูแลหรือตรวจสอบความเหมาะสมของรายการได้
ลูกค้าต่างชาติที่ทำ SHORT SELL จะแจ้งกับคัสโตเดียนหรือผู้ดูแลรับฝากหุ้นในต่างประเทศว่า ขอยืมหุ้นไปขาย แต่ไม่ได้ยืมหุ้นออกไปจริง หรือทำ SBL ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการยืมที่ต่ำกว่าการยืมหุ้นออกไปจริง
คัสโตเดียน อาจมีหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่ลูกค้าฝากไว้จำนวน 10,000 หุ้น แต่สามารถปล่อยหุ้นให้ยืมได้ถึง 100,000 หุ้น เพราะลูกค้า นักลงทุนต่างชาติเพียงแต่จองหุ้นที่จะขอยืมไว้เท่านั้น ไม่ได้ยืมหุ้นออกไปจริง
หุ้น PTT ที่ถูกนำมา SHORT SELL จึงหมุนหรือเวียนเทียนกันได้หลายรอบ ทำให้มีหุ้นที่นำมาขาย SHORT จำนวนมหาศาล สามารถทุบราคาหุ้น PTT หรือหุ้นตัวอื่นที่มีการขาย SHORT ในลักษณะเดียวกันได้
และคำสั่งขาย SHORT SELL จะต้องแสดงเครื่องหมาย S มาด้วย และจะขาย SHORT ได้ในช่องออฟเฟอร์หรือช่องเสนอขายเท่านั้น แต่โบรกเกอร์ที่เป็นบริษัทลูกของโบรกเกอร์ต่างชาติ กลับไม่แสดงเครื่องหมาย S และสามารถเสนอขายในช่อง ”บิด” หรือช่องเสนอซื้อได้ทันที ซึ่งผิดกฎ UPTICK RULE รวมทั้งยังเอาเปรียบนักลงทุนในประเทศ เพราะสามารถขาย SHORT ได้ในราคาที่ดีกว่า นอกจากนั้นยังเป็นช่องทางทุบราคาหุ้นอีกด้วย
และที่สำคัญคือ ก.ล.ต.ไม่อาจตรวจสอบไปถึงต้นตอของการให้ยืมหุ้นหรือตรวจสอบคัสโตเดียนที่อยู่ในต่างประเทศว่า ทุกรายการ SHORT SELL ของนักลงทุนต่างชาติ มีใบหุ้นที่ยืมมาอยู่ในมือจริงหรือไม่ และไม่สามารถควบคุมคำสั่ง SHORT SELL ที่แหกกฎ ไม่ติดเครื่องหมาย S ควบคู่มาด้วย
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์หรือสมาคมโบรกเกอร์ ไม่ได้ออกโรงแก้ปัญหาการ SHORT SELL ที่เอาเปรียบของนักลงทุนต่างชาติ ไม่ได้เดินหน้าเรียกร้องให้ ก.ล.ต.แก้ปัญหาการเวียนเทียนยืมหุ้นจากคัสโตเดียนในต่างประเทศ จนบริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งต้องออกมารวมตัวเคลื่อนไหวกดดัน ก.ล.ต.เอง
แต่คำตอบที่รับจาก ก.ล.ต. หลังสะท้อนปัญหา SHORT SELL ของนักลงทุนต่างชาติคือ ขอให้โบรกเกอร์เป็นฝ่ายเสนอว่า ก.ล.ต.ควรจะดำเนินการแก้ไขอย่างไร
ทั้งที่ ก.ล.ต.ควรเป็นเจ้าภาพ ในการจัดการให้ธุรกรรม SHORT SELL เป็นไปด้วยความโปร่งใส บนความเท่าเทียมของนักลงทุนทั้งหมด ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่มีช่องโหว่ และไม่เปิดโอกาสให้ต่างชาติเล่นเอาเปรียบนักลงทุนในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อกดดันให้มีการแก้ปัญหา SHORT SELL ซึ่งต่างชาติเล่นขี่คอนักลงทุนไทย กำลังเป็นคลื่นใต้นำที่โถมเข้าใส่ ก.ล.ต.
และถ้าไม่มีการแก้ไขในเร็ววัน อีกไม่นาน ก.ล.ต.จะตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ ถูกเปิดโปงความล้มเหลวการควบคุม SHORT SELL ที่แหกกฎของนักลงทุนต่างชาติ